พสุธา หนุ่มใหญ่วัย 38 VS มัญชรี หญิงสาววัย 21

ใครจะคิดนะว่าพ่อของเพื่อนจะยังหนุ่มแน่น เร้าใจขนาดนี้ เหลือเชื่อว่าเขามีลูกตั้งแต่อายุ 18! 

เธอโดนลูกชายเขาหลอกมาเที่ยว กลับต้องมาติดบ่วงเสน่ห์เขาแทน แต่จะว่าไป เขาก็ติดบ่วงเธอเหมือนกันนั่นแหละ 

 

-------------------------- 

 

“ถามหน่อย ตอนทำคิดถึงลูกมั้ย” 

อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจใหญ่ จนคนเป็นน้องคิดว่าไม่ได้คำตอบ แต่ในที่สุดพี่ชายก็เอ่ย 

“ไม่คิด ทำไมต้องคิด แค่รู้ว่าผู้หญิงไม่ได้สนมันแบบหนุ่มสาว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับมันแล้ว” 

“ไม่สนแน่หรือ แล้วทำไมยอมไปเที่ยวกันสองต่อสอง” ปฐพีไม่อยากเชื่อถือ เพราะเขารู้จักผู้หญิงมาไม่น้อย 

“ไม่ได้วางแผนไปกันสองคน เห็นว่าสาม แต่อีกคนมีปัญหาอะไรไม่รู้เลยไปด้วยไม่ได้” 

“พี่เชื่อเหรอ” 

“หลานนายยืนยัน คิดว่าคำพูดหลานตัวเองพอเชื่อได้มั้ยล่ะ” 

 

-------------------------- 

 

“ป๋า!...” หญิงสาวดันกระจกหมวกกันน็อกขึ้น เอ่ยเรียกเขาอย่างตกตะลึง 

พสุธาก็คาดไม่ถึง เขามองข้างหลัง และมองด้านข้าง เห็นว่ารถคันอื่นๆ พอมีทางให้ไปได้จึงปิดประตู ออกไปยืนเท้าเอวอยู่ใกล้มอเตอร์ไซค์คันนั้น ไล่สายตากวาดมองดูเธอทั้งตัว 

“นี่เปลี่ยนอาชีพมาขี่วินฯ แล้ว” เขาถามเรียบๆ แต่ดวงตายิ้มระยับ 

“ป๋าไปเคลื่อนรถหลบก่อนได้มั้ย จะได้ไม่ขวางทางคนอื่น” เธอไล่อีกฝ่ายเพื่อซื้อเวลาให้ตัวเองข่มความอายและความตื่นเต้นลง บวกกับความเกรงใจผู้ใช้เส้นทางสัญจร 

“เราเป็นอะไรมั้ย” 

“ไม่ มันไม่ทันชน” 

“แถวนี้เอารถจอดที่ไหนได้บ้างเนี่ย อย่างน้อยสักชั่วโมง” 

“ถนนใหญ่ริมฟุตบาทน่ะป๋าจอดได้ วันนี้วันคู่ ว่าแต่ป๋าจะจอดทำอะไรตั้งชั่วโมง” 

ชายหนุ่มเดินไปขึ้นรถโดยไม่ตอบ เคลื่อนออกสู่ถนนใหญ่ ราวสักสองนาทีร่างหนาใหญ่ก็เดินย้อนกลับมา มัญชรีลังเลอยู่ว่าจะออกไปดูเขาดีมั้ย เธอกำลังอยู่ในอารมณ์ทั้งตกใจและตื่นเต้น 

เมื่อชายหนุ่มมาถึงก็เหลียวหารถมอเตอร์ไซค์ของเธอ 

“ไหน เมื่อกี้ขี่คันไหน” 

“ทำไมคะ” 

“หกโมงแล้ว พาไปหาข้าวเย็นกินหน่อย” 

คนฟังทำหน้าประหลาด ยิ้มๆ เก้อๆ จนเขากระตุ้นซ้ำ 

“ไปสิ จอดรถไว้ไหน” เขายังมองหาอยู่นั่น 

เจ้าหล่อนเดินลากขาไปที่มอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดเรียงกันอยู่หลายคัน อีกคนก้าวตาม 

 

-------------------------- 

 

“บัตรเครดิตให้ไว้ทำไมไม่ใช้” เขาคอยเช็ก อยากรู้ว่าแต่ละเดือนเธอใช้จ่ายอะไรไปเท่าไหร่ กะจะดูสักสามสี่เดือน หากเธอมือเติบไปหน่อย ก็จะจำกัดวงเงินให้รูดได้เดือนละแสน ถือว่าไม่มากและไม่น้อยเกินไป 

แต่แม่เจ้าประคุณทูนหัวเอ๋ย วงเงินในบัตรใบนั้นมีอยู่ห้าล้าน ยอดเรียกเก็บมาแปดร้อยกว่าบาท เขาอยากจะบ้าตาย รอบเดือนแรกเธอรูดไปครั้งเดียว ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น รอบเดือนถัดมารูดไปอีกครั้งที่โรงพยาบาล เกือบหมื่น เขาก็ห่วงว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ดูในโซเชียลเธอยังโพสต์ภาพยิ้มแย้มปกติ จึงค่อยโล่งอกขึ้นหน่อย เดาเอาว่าเธออาจรูดจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ใครสักคน เดือนนี้ยังไม่มีบิลเรียกมา แต่เข้าไปตรวจสอบการใช้งานบัตรยังไม่เห็นรายการรูดอะไรสักอย่าง 

“หนูใช้นะ” 

“แปดร้อยน่ะเหรอ เอาไปกินอะไร” เขาหมายถึงรอบบิลแรก 

“หนูพาเพื่อนไปเลี้ยงชาบู ไอ้เบลล์น่ะ จำได้มั้ย เหมือนหนูจะเคยพูดถึง คนที่บอกว่านัดกันไปเที่ยวบ้านป๋า แล้วมันไม่ได้ไป” 

“อ้อ” 

“รู้อะไรมั้ย” 

พสุธาอมยิ้ม ชอบจริงเวลาเธอพูดคำนี้ เหมือนเด็กแปดขวบพยายามจริงจัง 

“ไอ้เบลล์น่ะ มันรู้ว่าว่านชอบหนู มันก็เลยทำตัวเป็นแม่สื่อ แล้วที่หนูไปเที่ยวบ้านป๋าก็เพราะมันพยายามคะยั้นคะยอนี่แหละ หนูถึงได้ไป พอกลับมาหนูก็เลยต้องเลี้ยงตบรางวัลให้มันซะหน่อย” 

“อะไร ยังไง” ชายหนุ่มคล้ายเข้าใจ แต่ก็ตงิดๆ 

“ก็มันทำให้หนูได้ไปกินของดีไงล่ะ” 

คนฟังสำลักในคอ หันมองออกด้านข้างเพราะทำหน้าไม่ถูกแล้ว เขาควรปลื้มใจใช่มั้ย ที่ได้รับเกียรติให้เป็น ‘ของดี’ ที่เธอได้กิน 

คนพูดก็เขินหน่อยๆ ไม่ใช่ไม่เขิน แต่รู้สึกดีเป็นบ้ายามได้เห็นดวงตาของเขาระยิบระยับแบบนั้น 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว