ใครจะคิดนะว่าพ่อของเพื่อนจะยังหนุ่มแน่น เร้าใจขนาดนี้ เหลือเชื่อว่าเขามีลูกตั้งแต่อายุ 18!
เธอโดนลูกชายเขาหลอกมาเที่ยว กลับต้องมาติดบ่วงเสน่ห์เขาแทน แต่จะว่าไป เขาก็ติดบ่วงเธอเหมือนกันนั่นแหละ
--------------------------
“ถามหน่อย ตอนทำคิดถึงลูกมั้ย”
อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจใหญ่ จนคนเป็นน้องคิดว่าไม่ได้คำตอบ แต่ในที่สุดพี่ชายก็เอ่ย
“ไม่คิด ทำไมต้องคิด แค่รู้ว่าผู้หญิงไม่ได้สนมันแบบหนุ่มสาว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับมันแล้ว”
“ไม่สนแน่หรือ แล้วทำไมยอมไปเที่ยวกันสองต่อสอง” ปฐพีไม่อยากเชื่อถือ เพราะเขารู้จักผู้หญิงมาไม่น้อย
“ไม่ได้วางแผนไปกันสองคน เห็นว่าสาม แต่อีกคนมีปัญหาอะไรไม่รู้เลยไปด้วยไม่ได้”
“พี่เชื่อเหรอ”
“หลานนายยืนยัน คิดว่าคำพูดหลานตัวเองพอเชื่อได้มั้ยล่ะ”
--------------------------
“ป๋า!...” หญิงสาวดันกระจกหมวกกันน็อกขึ้น เอ่ยเรียกเขาอย่างตกตะลึง
พสุธาก็คาดไม่ถึง เขามองข้างหลัง และมองด้านข้าง เห็นว่ารถคันอื่นๆ พอมีทางให้ไปได้จึงปิดประตู ออกไปยืนเท้าเอวอยู่ใกล้มอเตอร์ไซค์คันนั้น ไล่สายตากวาดมองดูเธอทั้งตัว
“นี่เปลี่ยนอาชีพมาขี่วินฯ แล้ว” เขาถามเรียบๆ แต่ดวงตายิ้มระยับ
“ป๋าไปเคลื่อนรถหลบก่อนได้มั้ย จะได้ไม่ขวางทางคนอื่น” เธอไล่อีกฝ่ายเพื่อซื้อเวลาให้ตัวเองข่มความอายและความตื่นเต้นลง บวกกับความเกรงใจผู้ใช้เส้นทางสัญจร
“เราเป็นอะไรมั้ย”
“ไม่ มันไม่ทันชน”
“แถวนี้เอารถจอดที่ไหนได้บ้างเนี่ย อย่างน้อยสักชั่วโมง”
“ถนนใหญ่ริมฟุตบาทน่ะป๋าจอดได้ วันนี้วันคู่ ว่าแต่ป๋าจะจอดทำอะไรตั้งชั่วโมง”
ชายหนุ่มเดินไปขึ้นรถโดยไม่ตอบ เคลื่อนออกสู่ถนนใหญ่ ราวสักสองนาทีร่างหนาใหญ่ก็เดินย้อนกลับมา มัญชรีลังเลอยู่ว่าจะออกไปดูเขาดีมั้ย เธอกำลังอยู่ในอารมณ์ทั้งตกใจและตื่นเต้น
เมื่อชายหนุ่มมาถึงก็เหลียวหารถมอเตอร์ไซค์ของเธอ
“ไหน เมื่อกี้ขี่คันไหน”
“ทำไมคะ”
“หกโมงแล้ว พาไปหาข้าวเย็นกินหน่อย”
คนฟังทำหน้าประหลาด ยิ้มๆ เก้อๆ จนเขากระตุ้นซ้ำ
“ไปสิ จอดรถไว้ไหน” เขายังมองหาอยู่นั่น
เจ้าหล่อนเดินลากขาไปที่มอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดเรียงกันอยู่หลายคัน อีกคนก้าวตาม
--------------------------
“บัตรเครดิตให้ไว้ทำไมไม่ใช้” เขาคอยเช็ก อยากรู้ว่าแต่ละเดือนเธอใช้จ่ายอะไรไปเท่าไหร่ กะจะดูสักสามสี่เดือน หากเธอมือเติบไปหน่อย ก็จะจำกัดวงเงินให้รูดได้เดือนละแสน ถือว่าไม่มากและไม่น้อยเกินไป
แต่แม่เจ้าประคุณทูนหัวเอ๋ย วงเงินในบัตรใบนั้นมีอยู่ห้าล้าน ยอดเรียกเก็บมาแปดร้อยกว่าบาท เขาอยากจะบ้าตาย รอบเดือนแรกเธอรูดไปครั้งเดียว ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น รอบเดือนถัดมารูดไปอีกครั้งที่โรงพยาบาล เกือบหมื่น เขาก็ห่วงว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ดูในโซเชียลเธอยังโพสต์ภาพยิ้มแย้มปกติ จึงค่อยโล่งอกขึ้นหน่อย เดาเอาว่าเธออาจรูดจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ใครสักคน เดือนนี้ยังไม่มีบิลเรียกมา แต่เข้าไปตรวจสอบการใช้งานบัตรยังไม่เห็นรายการรูดอะไรสักอย่าง
“หนูใช้นะ”
“แปดร้อยน่ะเหรอ เอาไปกินอะไร” เขาหมายถึงรอบบิลแรก
“หนูพาเพื่อนไปเลี้ยงชาบู ไอ้เบลล์น่ะ จำได้มั้ย เหมือนหนูจะเคยพูดถึง คนที่บอกว่านัดกันไปเที่ยวบ้านป๋า แล้วมันไม่ได้ไป”
“อ้อ”
“รู้อะไรมั้ย”
พสุธาอมยิ้ม ชอบจริงเวลาเธอพูดคำนี้ เหมือนเด็กแปดขวบพยายามจริงจัง
“ไอ้เบลล์น่ะ มันรู้ว่าว่านชอบหนู มันก็เลยทำตัวเป็นแม่สื่อ แล้วที่หนูไปเที่ยวบ้านป๋าก็เพราะมันพยายามคะยั้นคะยอนี่แหละ หนูถึงได้ไป พอกลับมาหนูก็เลยต้องเลี้ยงตบรางวัลให้มันซะหน่อย”
“อะไร ยังไง” ชายหนุ่มคล้ายเข้าใจ แต่ก็ตงิดๆ
“ก็มันทำให้หนูได้ไปกินของดีไงล่ะ”
คนฟังสำลักในคอ หันมองออกด้านข้างเพราะทำหน้าไม่ถูกแล้ว เขาควรปลื้มใจใช่มั้ย ที่ได้รับเกียรติให้เป็น ‘ของดี’ ที่เธอได้กิน
คนพูดก็เขินหน่อยๆ ไม่ใช่ไม่เขิน แต่รู้สึกดีเป็นบ้ายามได้เห็นดวงตาของเขาระยิบระยับแบบนั้น