เสียงจอแจและความวุ่นวายชนิดแทบลมจับด้านหลังเวทีถือเป็นเรื่องปกติสำหรับช่วงเวลาสิบนาทีก่อนที่แฟชั่นโชว์จะเริ่มขึ้น นางแบบนับสิบชีวิต สไตลิสท์ ช่างทำผม และเมคอัพอาร์ทิสต์ ต่างจดจ่อกับหน้าที่ของตนเองจนแทบไม่มีใครสนใจใคร ในวงการที่เต็มไปด้วยแสงสี มายาและความจอมปลอม คำว่ามืออาชีพคือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ตัวตนและจุดยืนในวงการได้ ตราบใดที่ยังไม่อยากถูกตราหน้าว่าใช้ร่างกายเป็นบันไดลัดสู่ความสำเร็จของอาชีพ
อินดรา นั่งเหม่อลอยอยู่หน้ากระจกหลังจากช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองจัดการกับใบหน้าเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดวงตากลมโตกะพริบนิดหน่อยหลังจากได้สติ เมื่อสมาร์ทโฟนคู่กายสั่นครืดอยู่บนโต๊ะกระจกตรงหน้า มือเรียวสวยเอื้อมหยิบ ก่อนกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา
“ฮัลโหลฝน..เรานั่งอยู่ตรงกลางเลยใช่ เห็นเรายกมือไหม นั่นแหละ
เสียงใสกรอกลงไปในสาย ก่อนยิ้มเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังลากส้นสูงเดินก๊อก ๆ มาหาเธอ พร้อมกับชุดราตรีสีเมทาลิกยาวกรอบเท้าที่สวมใส่อยู่ ลมฝนยิ้มตอบเมื่อเห็นหน้าอินดรา ก่อนทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่างข้าง ๆ กันอย่างระมัดระวัง
หล่อนมองหน้าอินดราราวกับเด็กผู้หญิงเจอของเล่นถูกใจ จนคนถูกมองอดย่นคิ้วเหมือนไม่มั่นใจ
“พี่แองจี้ยังแต่งหน้าสวยเหมือนเดิมเลยนะ” ลมฝนเอ่ยชม ทำให้อินดราต้องหันกลับไปมองตัวเองในกระจก เธอไม่พูดอะไรมากไปกว่ายิ้มเขิน ๆ อินดราก็เป็นแบบนี้มาตลอด พูดน้อย ยิ้มหวาน แต่แววตาดื้อรั้นนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากจะลองของดูลักเท่าไหร่นัก “แต่หน้าเธอนี่มัน.... เสกได้ดั่งใจจริง ๆ อยากให้สวยก็สวย อยากให้หวานก็หวาน อยากให้เปรี้ยวก็เปรี้ยว ดูลุควันนี้สิสวยเสียหวานหยดจนนางเอกดัง ๆ ต้องยอมศิโรราบเลยเชียว ให้ตายเถอะ”
“ไม่หรอกน่า” อินดราปฏิเสธยิ้ม ๆ
อินดรา หรือ อินดี้ตามที่พี่ๆ เพื่อน ๆ ในวงการเรียกขาน เธอเป็นนางแบบคนหนึ่ง ทว่าพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่หน้าตาที่ปกติดูธรรมดาแต่พอลงแปรงปัดแต่งแล้วกลับสั่งได้ดั่งใจแถมยังเสริมส่งให้ตัวสินค้าที่สวมใส่โดดเด่นมากอีกต่างหาก ใบหน้าที่ตกแต่งออกมาเข้าได้กับทุกชุดทุกแฟชั่นทุกแนว ด้วยเหตุผลนี้เหล่าออแกไนและเจ้าของสินค้าทั้งหลายนิยมเลือกใช้เธอปล่อย ๆ แต่ว่าก็นั้นแหละเพราะทุกงานมักทำออกมาได้ดีสินค้าเด่นเกินคน จนลืมไปเลยเอ๊ะ ใครใส่เดินใครถือแสดง ผลสุดท้ายเพราะจคนไม่ได้ งานอื่นก็หลุดลอยไปหาคนที่นึกได้จำแม่นเสียอย่างนั้น
ส่วนลมฝน เธอเป็นนางแบบจากเอเจนซี่เดียวกันกับอินดราและเข้าวงการมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งสองคนจึงเป็นเพื่อนสนิทกันไปโดยปริยาย ลมฝนเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองสูงและเปรี้ยวจนเข็ดฟัน การเข้าคู่ดูโอกับอินดราที่มักจะวางท่านิ่งเฉยกับทุก ๆ สิ่งเสมอจนคล้ายหยิ่ง ทำให้บางครั้งสื่อก็เขียนถึงพวกหล่อน ลมฝนอินดี้ ในทางที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ด้วยชื่อเสียงที่ไม่โงดังมากขนาดซุปเปอร์สตาร์ประเทศ ทำให้พวกหล่อนไม่ได้สนใจข่าวนั่งเทียนมากนัก ลมฝนบอกบ่อย ๆ ว่าให้นิ่งไว้แล้วข่าวก็จะผ่านไป และมันเป็นแบบนั้นทุก ๆ ครั้ง
“อ้าว น้องฝน...มาด้วยเหรอคะวันนี้ ทำไมเจ๊ไม่เห็นหนู”
“พี่แองจี้!” ลมฝนหันไปทักทายเมคอัพอาร์ทิสต์คนเก่งอย่างสนิทสนม เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมวางมือลงบนบ่าลาดของเธอ “ฝนเพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จเองค่ะพี่จี้ แล้วนี่ไปแต่งหน้าให้ใครมา แต่งให้สวยกว่าอิน ฝนไม่ยอมนะคะ”
“หูย แต่งให้ตายยังไงก็ไม่สวยกว่าอินหรอกค่ะ” แองจี้จีบปากจีบคอว่าพลางดันไหล่ลมฝนมาชิดกับไหล่อินดราพลางหยิบกระจกบานใหญ่มาส่องทั้งคู่ “ไหนใครงามกว่า พูด!” ลมฝนชะงักไปครู่ใหญ่ถึงหัวเราะรั่วพรืด
“พี่จี้ก็นะ” แองจี้ทิ้งหางตาให้นางแบบสาวขาเมาท์ก่อนหมุนตัววางกระจกลงบนโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วหันมาจีบปากพูดต่อ
“เจ๊ไปแต่งหน้าให้น้องฟารีสมาค่ะ ปกตินางก็เรื่องมากอยู่แล้วนะคะ วันนี้คุณขุนเขามาด้วย โอ๊ย เยอะยิ่งกว่าเยอะ! เรื่องมากไปกันใหญ่”
“คุณขุนเขามาเหรอคะ?” ชื่อของใครบางคนที่หลุดออกจากปากของพี่แองจี้ทำให้ลมฝนตาโต อินดราเห็นลมฝนตาลุกวาวแล้วนึกขัย ปกติลมฝนกับฟารีสก็ไม่ถูกกันอลู่แล้ว ยิ่งฟารีสมีข่าวควงคุณขุนเขาขนาดนี้ อินดราพนันเลยว่ายัยฝนจะต้องหงุดหงิดใจสุด ๆ แน่ ลมฝนไม่ได้ชอบคุณขุนเขาหรอก แต่ลมฝนไม่ชอบอะไรก็ตามที่ฟารีสมีเหนือกว่าเธอต่างหาก
“ค่ะ มาให้กำลังใจกันหลังเวทีเลย เห็นเจ๊ปลาวาฬบอกว่าฮีขับลัมโบกินี่คนใหม่ 45 ล้านมาส่งยัยฟารีสถึงที่เลยล่ะค่ะ”
“ตายแล้ว คุณขุนเขาตาต่ำถึงขนาดไปคว้าฟารีสเลยเหรอ” ลมฝนเบะปาก อินดราได้แต่แตะแขนเพื่อนเป็นเชิงปราม
“เจ๊ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าไปจีบกันอีท่าไหน แต่ระดับนี้ไม่ต้องจีบมั้งคะ ลากขึ้นเตียงเลยน่าจะง่ายกว่า”
“ไม่ใช่ง่ายกว่าค่ะ เพราะนางง่ายจริง ๆ” แล้วพี่แองจี้กับลมฝนก็หัวเราะคิกคักกันสองคนอย่างมีความสุข อินดราได้แต่ส่ายหัวกับฝีปากจัดจ้านของคนทั้งคู่ วงการมายา ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง อินดราไม่ได้แย้งอะไร เพราะเรื่องแบบนี้มันคือการปรับตัว ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็คือผู้ชนะ และไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยถูกนินทา แต่เรื่องแบบนี้มันเหมือนเป็นเรื่องที่ควรทำเป็นนิ่งเฉยและปล่อยมันผ่านไปมากกว่า
ขุนเขา อาจกิจโกศล หรือ คอลลิน หว่อง หนุ่มลูกครึ่งไทย - ฮ่องกง นักธุรกิจไฟแรงผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจนำเข้าและส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ผู้ชายรูปงามที่รวยทั้งกำลังทรัพย์และปัญญา ใบหน้าคมคร้าม จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักที่เหมือนเหยียดยิ้มตลอดเวลานั้นทำให้เขาดูน่าค้นหา เบื้องหน้าคือธุรกิจ แต่เบื้องหลังใคร ๆ ก็รู้ว่าขุนเขาคือมาเฟียเจ้าของบ่อนการพนันยักษ์ใหญ่ที่ชายแดนและธุรกิจมืดอีกหลายอย่าง เขาคือทายาทมาเฟียฮ่องกงที่มีอิทธิพลสูงสุดในเอเชีย ขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชา เจ้าเล่ห์ เด็ดขาด และโหดร้าย
“ว่าแต่.. นี่เขาเลิกควงคุณนางเอกเอวาแล้วเหรอคะ?” ลมฝนผู้ยังคงตั้งคำถามกับเรื่องชาวบ้านตลอดเวลาก็ยังคงมคำถามให้กับพี่แองจี้เรื่อย ๆ
“โอ้ย รายนั้นน่ะ เลิกไปแล้วค่ะ ไม่งั้นคงไม่มาเดินควงยัยฟารีสหรอก หนูก็รู้ว่าคุณขุนเขาน่ะ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยพอ ๆ กับถุงยางเลย”
“ว้าย พี่แองจี้ พูดอะไรก็ไม่รู้” ปากก็ว่าแต่ดูยัยฝนก็มีความสุขกับบทสนทนาในครั้งนี้ไม่น้อย อินดราส่ายหัวเบา ๆ ก่อนเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าของคนที่ตกเป็นประเด็นสนทนา ใบหน้าคมเรียวเรียบนิ่ง แทบไม่พูดอะไรนอกเสียจากนั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่บนเก้าอี้บริเวณนั้นให้ยันฟารีสออดอ้อน อินดราเหลือบสังเกตเห็นชายใยชุดสูทดำยืนกระจายตามจุดต่าง ๆ รอบ ๆ บริเวณ ไม่นึกแปลกใจเท่าไหร่นัก ก็ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าพ่อมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล
ท่ามกลางความวุ่นวายของบริเวณหลังเวทีที่ไม่มีใครสนใจใคร อินดราอดไม่ได้ที่จะคิดว่าขุนเขาช่างรูปงามเหมือนที่ใคร ๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน เขาทั้งลุ่มลึก น่ากลัว แต่ช่างน่าค้นหา เสี้ยววินาทีหนึ่งที่อินดราเผลอจ้องหน้าเขา และ เขา ก็จ้องกลับมา สายตาคมกริบราวกับเหยี่ยวที่จ้องเหยื่อราวกับจะไม่ยอมให้รอดพ้นเงื้อมมือ อินดราไม่ทันตั้งตัวจึงเผลอมองค้าง หัวใจเต้นแรงระส่ำไม่เป็นจังหวะ วินาทีถัดมาที่ขุนเขาเหยียดยิ้ม คือวินาทีที่อินดรารู้สึกเสียวสันหลังวูบไปทั้งกาย
“เขาว่ากันว่า ถ้าคุณขุนเขาอยากได้ใครขึ้นมา ต่อให้หนีไปสุดขอบฟ้า ก็ไม่มีทางหนีพ้นหรอกค่ะน้องฝน...”
กึง!
อินดราผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่แองจี้พูดจบ เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายเธอสั่นไปหมด แม้กระทั่งจะยืนให้นิ่งยังทำได้ยาก ยิ่งรู้ว่าขุนเขาจ้องเธออยู่ ก็แทบก้าวขาไม่ออก
“อ้าว อิน..จะไปไหนเนี่ย?” เสียงลมฝนแทบไม่เข้าหู อินดราพยายามสะกดกลั้นความกลัวที่กำลังแล่นพล่านแทบทุกเส้นประสาท ในหัวมีแต่คำว่าทำไม ... ทำไม.. และทำไม ทำไมเธอต้องรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้ทำไมขุนเขาถึงมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเธอมากขนาดนี้
“เดี๋ยว...เดี๋ยวเราไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” แม้กระทั่งเสียงยังสั่น อินดรากำมือแน่น ก่อนกลั้นใจก้าวฉับ ๆ ไปหาฝ่ายคอสตูมแถว ๆ หน้าห้องแต่งตัว
เธอรู้...รู้ดีเหลือเกินว่าสายตาคู่นั้นยังคงจับจ้องเธอตลอดเวลา อินดรารู้ดี...ว่าไม่ควรไปเล่นกับไฟ แต่เหมือนที่เขาว่ากันว่ายิ่งหนีเท่าไหร่ ก็ยิ่งหนีไม่พ้น เช่นเดียวกับสายตาของขุนเขาที่จ้องเธอไม่วางตา และอีกอย่างที่อินดราไม่เคยรู้นอกเหนือว่าอย่าไปเล่นกับไฟอย่างขุนเขา คือ..อินดราไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นน้ำมันชั้นดีนั่นเอง