จวนตระกูลโจว
“ท่านแม่ หยุดร้องห่มร้องไห้เสียทีเถิดเจ้าค่ะ”
“จริงด้วยฮูหยิน ถึงอย่างไรพวกเราคงขัดราชโองการไม่ได้ เจ้าร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด”
“ฮึก...ขะ...ข้ามีบุตรเพียงคนเดียว กลับถูกพระราชทานให้เป็นชายาองค์ชายผู้โหดเหี้ยมผู้นั้นเหตุใดฝ่าบาทต้องพระทัยร้ายกับข้าเช่นนี้”
“จุ๊จุ๊...ฮูหยินอย่าได้กล่าวเช่นนั้น หากผู้ใดมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี”
“จริงอย่างท่านพ่อว่า เรื่องมาถึงขั้นนี้ราชโองการก็รับมาแล้ว ก็คงต้องแต่งแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
“ระ...หรือว่าพวกเราจะหนีไปดี ไป.. ไป.. เก็บข้าวเก็บของ”
“ท่านแม่!/ ฮูหยิน!”...
โจวเจินหนี่นั่งมองมารดาอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจ ผู้ที่ต้องร้องห่มร้องไห้ มันสมควรเป็นนางมิใช่หรือไร ครอบครัวของนาง บิดาเป็นเพียงเจ้ากรมพิธีการ ขุนนางปลายแถวในท้องพระโรง แต่อยู่ ๆ เหตุใดฝ่าบาทจึงจดจำได้ว่ายังมีขุนนางผู้นี้อยู่กัน
กระทั่งราชโองการมาถึงบ้านแบบไม่รู้ตัว ซ้ำยังเป็นสมรสพระราชทาน แต่งเป็นชายาองค์องค์ชายห้าเหิงเซียนจวิน มันต้องเป็นตัวนางต่างหากเล่า ที่สมควรเป็นทุกข์ แม่นางน้อยถึงพ้นวัยปักปิ่นไม่กี่วัน เป็นหญิงสาวเต็มตัวไม่ทันไรก็ต้องแต่งงานมีสามีคลอดบุตรเสียแล้ว หากไม่ติดว่าต้องมานั่งปลอบใจมารดา นางเองก็อยากร้องไห้เช่นกัน
วังอู่หนง
“องค์ชาย ราชโองการไปถึงจวนรองเจ้ากรมพิธีการแล้วพะยะค่ะ” เพียงจบคำรายงาน บรรยากาศภายในห้องก็ลดต่ำจนแทบแช่แข็งผู้คน แม้แต่องครักษ์ที่ยืนรอฟังคำสั่งยังอกสั่นขวัญแขวนองค์ชายห้าผู้นี้มีนิสัยทั้งเย็นชาและโหดเหี้ยมอำมหิตอยู่ ๆ เพราะคำทำนายของนักพรต ทำให้ต้องแต่งงานกับสตรีผู้หนึ่งอย่างกะทันหัน มิหนำซ้ำ พระองค์ทรงมีหญิงสาวอันเป็นที่รักอยู่แล้วเพียงนี้ก็สามารถคาดเดาชะตากรรมของบุตรีคนเดียวของรองเจ้ากรมพิธีการได้แล้ว