เธอหนีคนร้าย แต่กลับต้องมาเจอคน 'ที่ร้ายยิ่งกว่า' จำเป็นไหมที่เขาต้องเร้าใจขนาดนี้

นิยายเรื่องนี้สร้างขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน  

เนื้อหา ตัวละคร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลใดทั้งสิ้น  

 

หากมีสิ่งใดผิดพลาด กระดาษทรายแก้ว ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ 

ข้อความสำคัญ นิยายเรื่องนี้เคยตีพิมพ์รูปเล่มแล้ว ในชื่อเรื่องเดียวกัน 

 

 

เพียงแค่ก้าวเดียวที่เธอผ่านกรอบประตูเข้าไป โลกทั้งใบก็เหมือนจะหมุนคว้าง เอมมิกาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่ามกลางความมืดนั้นอะไรบางอย่างฉุดข้อมือเธอ ความเจ็บปวด ความจุกแล่นไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย แขนทั้งสองข้างเจ็บร้าว แต่เธอไม่สามารถจะเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพราะน้ำหนักของอะไรบางอย่างหรืออาจจะใครบางคนที่ทับอยู่ด้านบน 

               “เธอเป็นใคร?” เสียงต่ำเยือกเย็นนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยของคนฟังหล่นลงไปในหลุมดำที่มองไม่เห็น 

               ความกลัวเข้าเกาะกุมที่ขั้วหัวใจ เธออยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถูกจับให้นอนคว่ำหน้าแนบอยู่กับพื้นไม้เย็นเฉียบ แขนทั้งสองข้างถูกยึดตรึงเอาไว้กับพื้นข้างศีรษะ มือหนาหยาบกร้านของเขาล็อกข้อมือของเธอเอาไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก 

               “ฉันไม่ชอบถามอะไรซ้ำซากหรอกนะ” 

               “ยะ...อย่าทำอะไรฉันเลยนะ... ฉะ...ฉัน...ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” 

    “ฉันไม่ได้ถามว่าเธอรู้อะไร แต่ถามว่าเธอเป็นใคร?” 

               “ฉะ...ฉันชื่อเอมมิกา... อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันขอร้อง ถ้าคุณปล่อยฉันไป ฉันจะไม่บอกใครว่าคุณเข้ามาขโมยของในนี้หรอกนะ” เอมมิการีบลนลานบอก แม้การพูดนั้นจะยากลำบาก 

               “ถ้าใครสักคนจะต้องถูกเรียกว่าขโมยก็น่าจะเป็นเธอมากกว่าไม่ใช่เหรอ เพราะเธอคือคนที่บุกรุกเข้ามา” 

               “ฉันไม่ได้บุกรุกนะ!” 

               “บ้านหลังนี้อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล” 

               “ฉันไม่ได้บุกรุก!” เอมมิกายืนกรานเสียงแข็ง 

               “แอบเข้ามาในบ้านคนอื่นแล้วยังบอกว่าตัวเองไม่ได้บุกรุกงั้นเหรอ?” 

               “ฉันรู้จักกับเจ้าของที่นี่ เคทลินให้ฉันมาที่นี่ได้ แบบนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นการผู้บุกรุก!” เอมมิกาเถียงกลับ 

  ชื่อของน้องสาวที่ได้ยินนั้นทำให้คนร่างสูงชะงัก แต่เขายังไม่ปล่อยตัวผู้บุกรุก มือทั้งข้างสองข้างตรึงข้อมือน้อยเอาไว้แน่น “เธอบอกว่าเคทลินงั้นเหรอ?” 

        .... 

               เอมมิกากัดฟันกรอด เธอพยายามผงกศีรษะขึ้นจากพื้น แต่มันไม่ช่วยอะไรนอกจากทำให้เธอเจ็บหลังมากยิ่งขึ้น โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองนั้นส่งผลต่อคนร่างสูงที่นั่งคร่อมทับร่างเธออยู่ 

“โทรศัพท์มือถือฉันอยู่ในกระเป๋า ฉันจะโทรหาเคทลินตอนนี้เลย เพราะฉะนั้นเลิกเอาปืนมาจี้เอวฉันสักที!” ครั้งนี้เสียงหวานที่ตะโกนอู้อี้กลับมาทำให้อดีตทหารหน่วยซีลแห่งกองทัพสหรัฐ คริสเตียน แฮรีส ถึงกับต้องกลั้นลมหายใจ 

เขาจะบอกเธอได้อย่างไรว่าเขาไม่มีปืน และถ้าเธอตระหนักสักนิด เธอก็จะพบว่ามือทั้งสองข้างของเขากำลังตรึงข้อมือของเธออยู่ แล้วเขาจะเอามือที่ไหนไปถือปืน ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก เสียงคำรามดังขึ้นในลำคอแกร่งเมื่อร่างน้อยนุ่มนิ่มใต้ร่างขยับไหวเสียดสีส่วนที่กำลัง ‘จี้’ เธออยู่! 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว