เหมียว(พิศ)สวาท

เขาจะทำยังไงดี เมื่อจู่ๆ เจ้าเหมียวตัวดี ก็กลายร่างเป็นสาวน้อยน่าหม่ำ 

แถมยังขยันยั่ว(อารมณ์)เสียเหลือเกิน 

............................................................................... 

“อ๊ะ...อ๊าส์” 

เธอรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังได้รับเหมือนคร่าลมหายใจให้หมดลงไปคาปากของเขา เสียงเล็กครางกระเส่าจนแทบจะไม่มีเสียง หากมันเหมือนกระตุ้นให้ริมฝีปากหนากดลึกและระรัวปลายลิ้นลงไปบนปุ่มเนื้อนุ่ม ไม่สิ นุ่มไปหมด ทั้งนุ่มทั้งหอม กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ผลิตออกมาจากกายสาว เหมือนกระตุ้นให้อารมณ์ของวริศยิ่งโหมกระหน่ำ สองแขนใหญ่จึงสอดเข้าใต้สะโพกอวบ รั้งสองขาเล็กให้เข้ามาแนบชิดหน้ามากขึ้น  

“หวานเหลือเกินที่รัก ทำไมถึงได้หวานหอมขนาดนี้” 

“แด๊ด น้องกำลังจะตาย” 

“ไม่หรอก พี่กำลังพาที่รักขึ้นสวรรค์ต่างหาก” 

แล้วปลายลิ้นใหญ่ก็ตวัดไล้เลียเบาๆ เป็นการทิ้งท้าย ก่อนจะถอดชั้นในสีขาวของตัวเองออก ความใหญ่โตที่คับแน่นดีดเด้งออกมาปรากฏแก่สายตาทันที ใบหน้าหวานแดงจัดหากไม่ใช่เพราะความเขินอาย แต่เพราะฤทธิ์เสน่หาที่วริศมอบให้ ดวงตากลมโตมองท่อนเนื้อตรงหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้ เพราะเธออยู่ในร่างแมวมาตลอดจึงไม่ค่อยเข้าใจนักว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร 

“อ๊ะ ~ เมี๊ยว~ ซี๊ดด แดดดี๊” 

เสียงหวานครางพร่า เมื่อวริศไม่ได้ปล่อยเวลาให้เจ้าแมวน้อยสงสัยนาน สองแขนใหญ่รั้งร่างเล็กเข้ามาหาอีกครั้ง ยกสะโพกเธอขึ้นมานั่งทับบนตักโดยที่หันหน้าเข้าหากัน ทันทีที่กลีบกายสาวสัมผัสถูไถท่อนเนื้อร้อนแข็งตึง สุดที่รักก็บิดกายอย่างเสียวกระสัน บดเบียดดอกไม้งามเข้าหา เธอไม่รับรู้อะไรมากไปกว่าความเสียวซ่านที่โอบรัดรอบตัว  

“อาส์ ใจเย็นๆ ที่รัก” ทั้งๆ ที่อยากจะกระโจนเข้าใส่ในช่องทางสวาทที่แสนนุ่มหยุ่นและคับแน่น กระแทกกระทั้นกระหน่ำให้ร่างเล็กหวีดร้องอย่างสุขสม แต่วริศก็ยังรู้จักผิดชอบชั่วดี เขาพยายามอดกลั้นไว้ แล้วใช้สองมือกดสะโพกอวบเข้าหาให้สัมผัสถูไถแนบชิด เมื่อเริ่มรับรู้ได้ถึงจังหวะการโยกตัว ร่างอวบอิ่มที่แสนเย้ายวนก็ยกสองแขนขึ้นโอบรอบคอใหญ่ ขยับสะโพกเข้าตอบรับจนเนินดอกไม้ใหญ่ค่อยๆ กระแทกกระทั้นเข้าหาท่อนเนื้อร้อนเป็นจังหวะ ยิ่งขยับจังหวะรุนแรงมากแค่ไหน ก็เหมือนจะยิ่งขาดใจเสียให้ได้ แต่ก็สุขสมในคราเดียวกัน วริศครางเสียงพร่าไปกับจังหวะร้อนแรงของแมวสาว