บทนำ
สาวสวยผมสีบรอนด์ทอง กำลังเต้นยักย้ายส้ายสะโพก ตามจังหวะเพลงอย่างเร่าร้อน ดูช่างเย้ายวนราคะ เต้นแหกโค้ง กระเด้าพื้นอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางลีลาการเต้นโดนใจสุดๆ ถอดเสื้อผ้าเหวี่ยงหมุนรอบตามจังหวะเพลงไปมา แล้วก็เหวี่ยงทิ้งกระจัดกระจาย สามนางกำลังแย่งกันนั่งตักชายหนุ่มเล้าโลมเบียดเสียด สารรูปไม่ต่างกันสักเท่าไร นัวเนียกันอยู่กับสาวสวย ส่วนสองคนเต้นแล้วค่อยๆ ถอดออกมาทีละชิ้นจนร่างเปลือยเปล่า นางไม่สนอะไรหากเมามันกับของเล่นผู้ใหญ่ ชิ้นสุดท้ายคือกางเกงในตัวน้อยสีฉูดฉาดผ้าลูกไม้ลายสุดเท่ ปลิวไปไกลลิบ ดันไปตกลงตกศีรษะคนเป็นประมุขของคฤหาสน์
" บัดสี!!พวกเจ้าช่างไม่มียางอาย ออกไปจากคฤหาสน์ของข้าเดี๋ยวนี้! มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ" ท่านฮัน ยัวเก้อน โอแบร์ อภิมหาเศรษฐีที่ติดอันดับท็อบเท็นของโลก ตะโกนลั่นสุดเสียงวีนแตก เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น นี่ละครนอกจอหรือนี่ เคยอ่านเจอแต่ข่าวในหนังสือพิมพ์ แต่ตอนนี้บุตรชายบังเกิดเกล้ากลับชวนเพื่อนมาเล่นเซ็กส์หมู่ พวกบ้าโรคจิตเกินขอบเขต
เจ้าชายแห่ง บาเด้นกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับสาวๆ บนบ่ายังมีเสื้อยกทรงสีสันฉูดฉาดพาดไหล่อยู่ ไร้เครื่องนุ่งห่มถึงสามนาง อย่างไม่อับอายฟ้าดิน พอได้ยินเสียงกรีดร้อง
วงแตกทันที
อารมณ์เดือดตอนที่ กางเกงตัวน้อยปลิวลอยลมตกลงตรงศีรษะ มันช่างเหลืออด หยามหน้ากัน ตรงตกไหนไม่ตกดันไปตกลงถูกจุดผิดที่ผิดเวลา ศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน เรื่องของเงินตราไม่เกี่ยว
"เอะอะ ... โวยวายอะไรกันคะท่าน" พระนาง โรซาลิเดอร์ แห่ง ณ นคร บาเด้นพระมารดาผู้สืบสายเลือดสีน้ำเงิน เดินตามมา ตกใจกับสิ่งที่เห็น ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ เรื่องอัปมงคลได้บังเกิดขึ้นแล้ว พระเจ้าช่วย!!
"เจ้าดูให้เต็มตาเจ้าซะ ว่านี่คืออะไร" ผู้เป็นประมุขใช้นิ้วชี้ ให้ดูภาพอนาจาร ที่รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น
"มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้" เจ้าชายผลักร่างสาวออกจากกายอย่างเสียดาย เดินโทงเทงยังกับชีเปลือยหาผ้าผ่อนมาปกคลุมร่างกาย
พวกเจ้าดูต้นทางอย่างไร ปล่อยให้ท่านทั้งสองเข้ามาได้" องค์โธมัสพาลไปขบดเขี้ยวใส่ฮาราด องครักษ์ทั้งห้า ที่ไม่ส่งสัญญาณเตือนภัยให้ทราบก่อนปล่อยให้เข้ามาจนได้เรื่อง
"พวกกระผมพยายามแล้ว แต่เกินความสามารถ จนกระทั่ง.." ฮาราดก้มหน้าแก้ตัว ซวยอะไรอย่างนี้นายกำลังจะถึงจุดสุดยอดอยู่รอมร่อ แต่ผู้บังเกิดเกล้าจะเข้ามา ขวางไว้เท่าไรก็ไม่อยู่ ถ้าสมัยก่อนคอหลุดออกจากบ่าไปนานแล้ว ไม่ได้มายืนเถียงฉอดๆ อยู่อย่างนี้
"พวกเจ้าหลบไป" บิดายังแค้นไม่หาย อุบาทว์ลูกตา ถ้าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ได้ มันเหลืออดจริงๆ
“ทำไมถึงทำตัวอย่างนี้ ขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไปแล้วพ่อกับแม่จะวางใจได้ยังไง โธมัสจงฟังพ่อนะ ถ้าเจ้าหาผู้หญิงสักคนแล้วแต่งงานด้วยเป็นตัวเป็นตน พ่อจะยกสมบัติให้ ร้อยห้าสิบล้านยูโร พร้อมโรงงานผลิตเบียร์ วิลล่าติดชายหาด ทะเลสาบโบเด้นเซ ภายในสามเดือนเจ้าจงรีบดำเนินการ” หมดความอดทนกับราชบุตรหมดสมัย ไม่ว่าหญิงคนนั้นนางใดก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ไม่ต้องรวยล้นฟ้า ไม่ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และปริญาเอกอะไรทั้งนั้น ขอให้เป็นคนดีมีน้ำใจพอ ไอ้พวกเศรษฐีเรื่องมากไม่เอาแล้ว จะไปหาในป่าดงดิบที่ไหนก็ไม่ว่าแล้ว แต่แบบนี้ฟรีเซ็กส์ไม่เอาพอแล้วจบแล้วสิ้นสุดกันทีโลกมายา
“แล้วถ้าทำไม่ได้ตามเป้าหมายกำหนดล่ะท่านพ่อ”องค์ชายโธมัสถามถึงสิ่งที่เขาพึงได้พึงเสีย ถึงข้อตกลงกับผู้เป็นบิดา
“เจ้าต้องอดอย่างเดียวเท่านั้นน่ะสิ เพราะฉันจะนำทรัพย์สินไปบริจาคให้ผู้แก่ผู้ยากไร้ ที่พวกเขามีความจำเป็นต้องใช้คงจะดีกว่าที่จะโยนให้เจ้าเล่นสนุกไปวันๆ” ผู้เป็นพระบิดาเปล่งเสียงเข้มเครียดขรึมตอบลูกชายอย่างเอาจริงเอาจัง
“ ท่านพ่อก็เกินไปลูกชายเพิ่งจะจบ ป.โท มาหมาดๆ ยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่งตั้งตัวยังไม่ติดเลย แล้วจะจับลูกแต่งกับใคร?“ ใครหน้าไหนจะมาเอาลูกเราไปทำพ่อพันธุ์กันจริงจัง พระมารดาท้วงติง
“ตกลงครับ แต่ต้องมีข้อแม้ว่าผู้หญิงที่ลูกจะแต่งงานด้วยนั้น จะต้องเป็นคนที่ลูกหาเอาเองนะ ไม่ว่านางจะเป็นใครมาจากไหนอย่ามาว่ากันแล้วกันนะ” ดีนักจะหาลูกสะใภ้ให้ท่านพ่อท่านแม่สมดังใจ แต่เวลามีจำกัดซะด้วยสิ แล้วจะหาที่ไหนดี ผู้หญิงที่ดีเพียบพร้อมทุกอย่าง ก็อย่าหวังเลย ขอให้สวยพอ ไม่ต้องสดก็ได้แต่ขอให้โสดก็พอแล้ว ยังดีกว่าที่พ่อแม่จะจับใครก็ไม่รู้มายัดเยียดให้ อยากจะบ้าตายคิดไม่ออกบอกไม่ถูก นอนสักคืนตื่นขึ้นวันใหม่คงจะคิดออกนะ “ข้ามันลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น!!! รักษาสัจจะของลูกผู้ชาย ไม่ต้องมาโอดครวญ ถึงข้าจะไม่ใช่หน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ แต่ข้าก็อภิเษกสมรสกับเชื้อกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ” ไอ้ลูกเวร ไม่คิดจะทำมาหากินอะไร วันๆ ทำได้อย่างเดียวคือ'ทำรัก' ไม่เคยคิดที่จะช่วย ตนเองก็อ่อนล้า หมดแรงทุกวัน แรงถดถอยอย่างนี้ จะต้องทำอะไรสักอย่าง ถ้าไม่ขู่อย่างนี้ มีรึจะคิด ใครจะเลี้ยงลูกจนแก่เฒ่าถึงตาย ดีไม่ดีอาจจะไม่ตายก่อนที่ลูกจะทำอะไรเป็น ใช่ว่าได้เป็นถึงองค์ชายแล้ว จะนั่งกินนอนกิน ไม่ทำอะไรเลย สักวันสมบัติก็คงจะค่อยๆ หมดไปไม่เหลือ ถ้าไม่มีความรู้รักษาของ ก็คงไม่ต่างกับอัศวินไร้ดาบ ที่จะปกป้องบัลลังก์เอาไว้ คิดแล้วเศร้าใจยิ่งนัก
“ท่านพ่อลูกยังทรงพระเยาว์แล้วใครเขาจะอภิเษกสมรสด้วยล่ะพระชนม์มายุเพียงไม่กี่พระชันษาแค่นี้เขายังไม่อภิเษกสมรสกันง่ายๆ หรอก ท่านก็ตรัสเกินจริง”พระมารดาพูด
“ไม่หรอกพระนาง ถ้ายังมัวเที่ยวเตร่เปลี่ยนหญิงเป็นว่าเล่นอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาซักที ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้เราจะไปไม่รอด จำไว้นะ นี่คือคำประกาศิตของข้า” เสียงเด็ดเดี่ยวเกรี้ยวกราด ในหัวใจรุ่มร้อนดั่งไฟเผา
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ลูกก็เป็นลูกผู้ชายพอ เป็นถึงเจ้าฟ้าไร้บัลลังก์ มีกำลังความสามารถพอที่จะแสวงหานางของลูกเอง ตกลงตามนี้” เด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด อย่างเจ้าชายในวรรณคดี แต่นี่หมดสมัยในการใช้งาน ราชบัลลังก์ก็ไม่มีให้ครอง สมบัติต้องหาเองเสียภาษีเช่นเดียวกับประชาชนคนทั่วไป มันช่างน่าอนาถใจเสียเหลือเกิน ไม่รู้จะโทษโกธรใครสงครามก็แพ้ รบกี่ครั้งเป็นได้แต่เพียงผู้แพ้
"เจ้าจะไปไหนล่ะ" พระมารดารู้สึกแน่นในอกอดที่จะไถ่ถามเจ้าฟ้าชายผู้สืบราชสมบัติมิได้
"อ้าว ลูกก็จะไปตามล่าหานางในฝันของลูกน่ะสิครับ" องค์ชายโธมัสตอบ
"แล้วเจ้าจะไปหาที่ไหน ประเทศใดกันรึลูก"
"ลูกจะเดินทางไปยังประเทศไทย ได้ยินคนเขาร่ำลือกันว่าสาวไทยมีความงามเลิศ อยากจะครอบครองสักคน" ตรัสเสร็จก็เดินดุ่มๆ หายไป เอาก็เอาไหนๆ ก็ให้เหลือระหว่างเงินกับความรัก รักแท้ไม่เคยเจอ ไม่รู้ว่ามันมีตัวตนอย่างไร ฝากไว้ก่อน
ประเทศไทยดินแดนสยามเมืองยิ้ม ที่ทั่วโลกได้ขนานนามเอาไว้ ช่างสวยงามจริงๆ องค์โธมัสยังกลุ้มในพระทัย จะทำอย่างไรล่ะ จะหานางในฝัน สตรีผู้งามเลิศ คู่ควรกับพระองค์ ช่างเถอะนะไม่เคยทำอะไรแย่ๆ อย่างนี้มาก่อน สัจจะก็ยังต้องรักษาเอาไว้ให้มั่น แสงแดดสาดส่องร้อนเปรี้ยงๆ ช่างร้อนอบอ้าวเหลือเกินที่จะทนทานได้ ไม่รู้ผู้คนในประเทศนี้เขาอยู่กันได้อย่างไร แค่เดินไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเหนื่อยเหงื่อแตก น้ำใสๆ มันมาจากไหนมากมายขนาดนี้ เสื้อยืดคอกลมที่ใส่ เปียกโชกไปทั้งตัว เม็ดเหงื่อที่ไหลออกจากหน้าผากซึมเหนียวทั้งต้นคอ วันนี้พอก่อน พระชายาคงไปเดินหาตามท้องตลาดนัดไม่ได้
“ท่านชายโธมัสจะกลับโรงแรม ไปแช่น้ำในสระดีไหมครับ” องครักษ์ผู้ที่ติดตามมาด้วย ออกความเห็นให้นายท่าน ไม่รู้พาเดินหาอะไรในตลาดนัด เหม็นก็เหม็น ยิ่งกลิ่นทุเรียนนี่ล่ะนะโคตรเหม็นเลย สภาพอากาศที่ร้อนเกินพิกิดอย่างนี้ ใครจะทนได้
ช่างเบื่อหน่ายคนติดตามจริงๆ ไม่อยากให้ติดสอยห้อยตามเหนียวแน่นเป็นตังเมอย่างนี้หรอกนะ แต่เดินทางข้ามทวีปอย่างนี้มีรึที่พระนางโรซาลิเดอร์จะยอมปล่อยให้บินเดี่ยว แต่ช่างเถอะถึงประเทศเยอรมันเมื่อไหร่ จะตัดหางปล่อยวัดทันที งานมีให้ทำเยอะแยะขออย่างเดียวหยุดคอยเดินตามเป็นเงาตามตัว อย่างนี้เซ็งแย่
“ดีเหมือนกัน จะได้ลงแช่ให้เย็นสบาย” องค์โธมัสเห็นด้วย
“ถ้าอาบน้ำเสร็จ ข้าพเจ้าขอไปใช้บริการสปา นวดไทย อันขึ้นชื่อนะท่าน” ฮาราด องครักษ์ออกความเห็น
“จะไปไหนก็ไป ฉันอาบน้ำแล้วจะนอนอยู่แถวสระว่ายน้ำ ตรงหน้าทรายหาดส่วนตัวของโรงแรมพัทยา” โธมัสอดยิ้มดีใจในอก ได้เป็นอิสระแล้วงานนี้ ข้างบนเป็นระเบียงสระว่ายน้ำ องค์โธมัสเดินเข้าไปในบาร์เพื่อที่จะสั่งหาอะไรดื่มแก้คอแห้ง ร่างกายเสียน้ำเยอะ มองทอดออกไปข้างนอกหน้าต่างผ่านกระจกใสๆ เห็นมีสตรีงาม ร่างเพรียวสวยสูงกว่าหญิงไทยทั่วไป ผิวสีเข้มน้ำตาลแดง ใส่หมวกสานด้วยไม้ไผ่ ใส่เสื้อม่อฮ่อมสีเข้ม ใส่ผ้าถุงยาวจนปิดน่องเป็นผ้าลายโสร่ง พบแล้วก็ชะงักจังงัง เป็นความงดงามราวภาพฝันตกอยู่ในภวังค์ โลกหยุดหมุนชั่วขณะ เธอยังเยาว์วัยอยู่ ชั่วในครึ่งวินาทีแรกที่เห็นเท่านั้นมีความรู้สึกว่าอยากพูดคุยด้วยรู้สึกประทับใจ จึงเข้าไปสอบถามพนักงานที่กำลังผสมเครื่องดื่ม ว่าเธอคนนั้นทำอะไร พอรู้เรื่องว่าผู้หญิงที่แสนสวยคนนี้เป็นแม่ค้าขายส้มตำไก่ย่าง ท่านชายโธมัสจึงทำทีว่าอยากจะซื้อไก่ย่างกับเธอ และนั่งกินไก่ย่างตรงริมหาดทราย ดื่มน้ำมะพร้าวสด คุยกับเธอ ถึงนางจะใช้ภาษาต่างประเทศได้ไม่ดีนักแต่ก็พอจะคุยกันรู้เรื่องประกอบกับใช้ภาษากายผสมเข้าไปด้วยกัน
"How much is this? (ชิ้นนี้เท่าไร)" เจ้าชายชี้มือไปตรงไก่ย่าง สายตาจ้องมองสาวไทยผิวสีน้ำผึ้ง
"ห้าสิบบาทค่ะ" ปราณียกห้านิ้วส่วนอีกมือหนึ่งกำกำปั้น ตอบเป็นภาษาไทยจำได้ว่า พนักงานโรงแรมสอนเอาไว้ว่าห้าสิบภาษาอังกฤษว่าอย่างไร เธอจึงเดาะภาษาต่างประเทศตาม ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ไม่สบายป่วยหนักต้องการเงิน คงได้ไปเรียนภาษาอย่างกับคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันแล้ว แต่โชคชะตาเล่นตลกต้องก้มหน้ารับอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้พอนึกได้ก็เดาะภาษากับเขาบ้าง สายตาของชายหนุ่มที่มองเธอนี่สิทำเอาหน้าร้อนผ่าว
"Fifty (ห้าสิบ)" ปราณีตอบเอียงอาย
"that's cheap (ราคาถูก) " มงกุฏไร้บัลลงก์ส่งประกายสายตาจ้องมองเธออย่างไม่ลดละ
โอ๊ยปวด หัวคำนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วตรูจะตอบอย่างไรดีเนี่ย ทำไมถึงโง่อย่างนี้นะ โคตรอยากเลย อายก็อาย อย่างนี้ล่ะนะเขาถึงว่ามีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน พรุ่งนี้จะเข้าไปแอบอ่านที่ตลาดนัดแผงลอยเผื่อมีคำยากอย่างนี้อีกจะได้รู้ สายตามองซ้ายมองขวาหาพี่พนักงานโรงแรม บาเทนดี้พวกนี้เขาเก่งภาษาอาจจะช่วยเธอได้อีกแรง ว่านายฝรั่งรูปงามคนนี้ต้องการอะไรกับเธอกันแน่
ปราณีจำได้ว่า ไม่แพง ถือว่าชมก็แล้วกัน ยื่นไก่ย่างให้หนึ่งไม้
"I'll take this (ผมเอาอันนี้) " มือชี้ตรงไก่ย่างชิ้นหนึ่งพร้อมทั้งยิ้มให้ปราณี ช่างเป็นรอยยิ้มที่ประทับใจมากที่สุด หนุ่มเยอรมันใช่ว่าจะไม่เคยเกี้ยวหญิง ต่างกันตรงที่เธอธรรมชาติมาก ไม่มีสีสันแต่งแต้ม บรรยากาศช่างอบอุ่น ลมโชยพัดมาเบาๆ ท้องฟ้าสีครามของทะเลกว้าง
ปราณีพอจะเข้าใจความหมายว่า นายฝรั่งหนุ่มหล่อต้องการชิ้นนี้ มาขายไก่ได้หลายเดือนแล้ว ฝึกพูดภาษากับพี่ใจดีพนักงานโรงแรม ที่มาซื้อไก่ได้สอนเอาไว้แทบทุกวัน วันละคำสองคำ หลายคนบอกสอนจำเอาก็ดีนะจำได้เร็ว พอมีลู่ทางทำมาหากินได้บ้าง
"You are very beautiful. (คุณสวยมาก) " เจ้าชายเชื้อชาติเยอรมันเอ่ยกับสาวไทย
ปราณีเริ่มงง คิดอยู่ในในใจ”ไอแอมมึดตึ๊บ” แต่ไม่พูดได้แต่ส่งยิ้มให้หน้าจืดไปหน่อยเพราะไม่เข้าใจ
เกิดมายังไม่เคยนั่งกินบนพื้นดินดิน นั่งกองทรายอย่างนี้ ไหนๆ ก็เกี้ยวแล้วขอเถอะนะ องค์โธมัสยื่นเงินแบงค์พันให้ ดูเหมือนสาวจะไม่มีเงินทอนเสียด้วย เลยขอเป็นเพื่อนล่อไปหลายชิ้น ชี้ไม้ชี้มือหัวเราะชอบใจ ไม่เคยรู้สึกสนุกอย่างนี้มาก่อนคุยกับสาวจนเมื่อยมือและเท้า รูสึกว่าได้ผจภัยอีกแล้ว ตื่นเต้นน่าดู พอจะเข้าใจกันบ้างถูกบ้างผิดบ้างสรุปว่านางคนนี้ล่ะ
ก่อนจากไปท่านชายยังไม่ลืมถามถึงเบอร์ที่จะติดต่อเธอ กลายเป็นจุดประกายแรกของรักแรกพบ 'เจอแล้วเจ้าหญิงของข้า'
เจ้าชายได้ไหว้วานล่ามแปลภาษามาด้วย เพื่อตกลงข้อเสนอกับปราณี ที่เพิ่งจะเจอกันวันแรก วันที่สองก็เชิญเข้าพบเลย
"ว่าอย่างไรปราณี ถ้าเธอยอมทำตามข้อตกลง เธอจะได้อยู่อย่างสุขสบายไปตลอดชาติ" ล่ามสาวถามความสมัครใจของสาวพื้นเมืองหน้าตาซีดเซียวไร้เครื่องสำอางบนใบหน้า ไม่รู้นายฝรั่งไปชอบนางคนนี้ได้อย่างไร เธอต่างหากถึงจะอายุมากกว่านิดหน่อยแต่มีการศึกษาดีกว่า ไม่เห็นชายหนุ่มคนนี้หันมามองแม้แต่เพียงหางตา
"พี่คะ เงินตั้งเยอะหนูก็ต้องการที่จะเอาไปรักกษาแม่อยู่ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ถูกหลอกไปขาย" ปราณีนั่งมือไม้สั่นหน้าซีดเซียว วินเวียน ห้องทั้งห้องหมุนไปหมด พอรู้ว่าตนเองกำลังตกลง ขายชื่อเสียงเหมือนผักปลาอยู่ตามท้องตลาดไม่มีผิด กำลังยับยั้งชั่งใจตนเองอยู่อย่างลำบาก
"เธอน่าจะดีใจนะ อย่างน้อยก็มีบุญมาหล่นทับขนาดนี้ ไม่ต่างกันเจ้าหญิงซินเดอร์เรล่าเลยนะ" ล่ามสาวหว่านล้อมเพื่อต้องการค่านายหน้า ถ้างานสำเร็จหมายถึงเงินก้อนโต พร้อมกับหันไปส่งภาษาเยอรมันเร็วรัวให้ชายหนุ่มรูปหล่อที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟังอยู่
"พี่คะ หนูขอนั่งคิดนอนคิดอีกซักคืนจะได้ไหม?" ปราณีตัดสินใจไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่สาวดูก่อน
"ไม่ได้นะ ฉันต้องถามชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเงินก่อน" ล่ามสาวหันไปแปลภาษาให้ชายคนเดิม คนที่เคยคุยกันจนปวดมือเมื่อยเท้าเมื่อวันก่อน
พอชายหน่มรูปหล่อฟังแล้วยิ้มกว้างทันทีแสดงว่าตกลง ปราณีก็เลยส่งยิ้มให้เหมือนกัน
"นายฝรั่งตอบตกลง นับตั้งแต่บัดนี้เธอจะต้องเรียนภาษาเยอรมัน จะมีครูพิเศษมาสอนวันละสองชั่วโมงจนกว่าจะได้บินไปจริง" ผู้แปลภาษาสื่อความหมายให้เธอรับรู้
ปราณียิ้มดีใจมากที่จะได้เรียนหนังสือกับเขาแล้ว ดีใจจนบอกไม่ถูก "จริงรึพี่หนูจะได้เรียนภาษาแล้ว" ถูกใจที่สุดตรงนี้ที่จะไม่ได้เป็นคนโง่เขลาแล้ว อย่างน้อยก็ยังพอที่จะสื่อสารกันได้
"อีน้องบ้า แกทำไมโง่ขนาดนี้ มีฝรั่งมาชอบเสือกบอกเขาว่าคิดดูก่อน คนอย่างแกถ้าอยู่ประเทศไทยก็คงเป็นได้แค่เมียน้อยเสี่ยสักคนเขายังคิดดูก่อน ดำมืดอย่างแกมันขัดไม่ออกหรอกนะโว้ย" พี่สาวตะโกนด่าลั่นจนไม่เป็นภาษา
"แล้วไงต่อนายฝรั่งยังอยู่เปล่า เครียดจังหาเหล้ามาโด๊ปหน่อยสิ" พี่เขยก็พอกันกับพี่สาวสองคนต้องการให้เธอขายตัว
กองแก้วอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ไม่รู้ว่าจะร้องไปทำไม
"แกมันโง่ พรุ่งนี้แกไปตามนัดตอบตกลงเข้าใจไหม แม่นอนพระงาบอยู่โรงพยาบาลจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ แกช่างไม่รู้จักคิด" พี่สาวเขกมะเหกลงหลายเม็ดตรงหัวผมสีดำสนิท
"โอ้ย!! เจ็บเบาๆ หน่อย หัวคนนะพี่ไม่ใช่ซีเมนต์ กะลามะพร้าวก็ไม่ใช่" พูดคำก็ลงเม็ดคำ สองค่ำก็ด่าด้วยมิหนำซ้ำลุกลามไปทั่ว เจ็บทั้งกาย เก็บทั้งใจ ถ้ามีทางหนีทีไล่จะหนีไปจากขุมนรกแห่งนี้ให้พ้นเสียที ทำไมนะเกิดมากับเขาชาติเดียวก็ดันทุรังเกิดมาจน จะไม่มีวันลืมตาอ้าปากกับเขาสักครั้งเลยเชียวหรือ?
ปราณีนั่งคิดนอนคิด หาทางออกไม่ได้ เห็นล่ามแปลภาษาบอกมาว่า เขาหวังดีแค่เข้าพิธีแต่งงานกับไอ้หนุ่มรูปหล่อแค่นั้น ถ้าหนุ่มฝรั่งหาเมียไม่ได้ตามกำหนด พ่อแม่จะตัดออกกองมรดก หน้าตาก็ดี๊ดี ทำไมถึงหาเมียไม่ได้ และทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นเธอด้วย ที่สำคัญเธอจะได้เรียนภาษาต่างประเทศ เอาก็เอาวะไหนๆ ชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องสูญเสียอีกแล้ว เอาเป็นว่าทำเพื่อแม่ก็แล้วกัน ปราณีอดที่จะเอาแม่มาอ้างหลอกตัวเองไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งพอนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มผู้ที่ยื่นข้อเสนอให้เธอ ทำเอาหัวใจหวั่นๆ ไปได้เหมือนกัน
รุ่งเช้าปราณีมาพบตามเวลาที่ได้นัดหมายไว้ ล่ามสาวขอบัตรประจำตัวประชาชนจากเธอ ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ตอนแรกก็แปลกใจอยู่เช่นกัน แต่พอถึงตอนกลางเนื้อหาจึงรู้ว่ามีการทำสัญญาขึ้น เนื้อหาคร่าวๆ ว่าชายหนุ่มนามว่าโธมัส ไปบอกกับเธอแล้ว พอจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง โชคดีที่มีล่ามแปลภาษาให้หมด ได้เซ็นสัญญาตามข้อตกลงกัน เงินที่ได้มากมายก่ายกอง ตั้งแต่เกิดเป็นคนมาแบงค์พัน ยังหายากแทบจะไม่ได้จับ แต่ตอนนี้เยอะมากใช้ทั้งชาติก็คงไม่หมด ตอนแรกพี่สาวเธอจะเอาไปเข้าบัญชีตัวเองหมด แต่โธมัสแยกไว้ บัตรประชาชนที่ให้ไปก็กลายเป็นว่ามีคนของนายฝรั่งนำไปเปิดบัญชีให้เธอ เงินจึงถูกแบ่งสันปันส่วนออกเป็นสามส่วน บัญชีของแม่ยี่สิบล้าน ของพี่สาวยี่สิบล้าน ส่วนของเธอตอนแรกว่าจะไม่เอายกให้แม่กับพี่หมด แต่เห็นโธมัสหน้ามุ่ย จึงแบ่งให้เธอสิบล้าน เงินจึงกลายเป็นบัญชีฝากประจำเอาไว้ในยามตกยากกันพลาด เห็นพี่ใจดีแปลภาษามาบอก ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ปราณีจึงไม่ได้ไปขายส้มต้มไก่ย่างตามทรายหาดเมืองพัทยาอีกต่อไป แต่เธอต้องนั่งเรียนภาษาเยอรมันและอังกฤษ จนกว่าเอกสารที่ต้องใช้ในการเดินทางจะเสร็จสิ้น ทำพาสปอร์ต วีซ่าสมรส ทางสถานทูตต้องการใบรับรองโสด เพิ่งจะรู้ว่าคนโสดไม่ว่าจะสดหรือไม่สดต้องมีเอกสารกำกับ ภาษาทางราชการเขียนกำกับไว้ว่าใบรับรองโสด สอบภาษาเยอรมัน เรียนเข้าคอร์สติวเข้ม เธอใช้เวลาไม่ถึงเดือนก็สามารถสอบผ่านภาษาเยอรมันขั้นพื้นฐานได้ พอจะสื่อสารกับองค์ชาย ในภาษาเยอรมันคำง่ายๆ ที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันได้
ปราณีได้โบกมือลาประเทศไทยบ้านเกิด ดินแดนสยาม ไปสู่ถนนแห่งชีวิตเส้นใหม่เส้นทางสายอินเตอร์ เดินทางไปยังเมืองเบียร์ใต้ร่มเงาของอินทรีย์เหล็ก ประเทศที่ครอบคลุมอำนาจทางการเงินของยุโรป หัวใจดวงน้อยเต้นอยู่กลางยุโรป ลาก่อนประเทศไทยที่แสนรักโอกาสหน้าฟ้าใหม่ฉันจะกลับมาเยือน อาจไม่ได้อยู่ในฐานะเดิม นามสกุลต้องเปลี่ยนจากนางสาวกลายเป็นนางไปในเพียงข้ามคืน จากหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงแห่ง บาเด้น เมื่อก่อนไปไหนไม่มีใครสนใจขนาดหมามองหมายังเมิน มาบัดนี้มีถึงองครักษ์ล้อมหน้าล้อมหลังคงอึดอัดน่าดู แต่อยู่ไปสักพักสาวไทยผู้ไกลบ้านก็คงปรับเข้ากับสภาพแวดล้อมได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เป็นการจิตนาการของผู้เขียน ไม่ได้อ้าอิงพาดพิงถึงใคร แต่เมืองต่างๆ ที่เขียนถึงมีจริงในประเทศเยอรมัน โครงเรื่องได้เขียนอิงประวัติศาสตร์เล็กน้อย แต่เจ้าชายที่ว่าไม่มีตัวตนจริง เจ้าหญิงได้สร้างตัวละครขึ้นมาเอง เพราะสังคมในยุคปัจจุบันนี้เห็นสตรอเบอรี่แต่งงานกับหญิงไทยเยอะ และไรท์เตอร์เองก็เขียนขึ้นในประเทศเยอรมัน กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วย และแม่บทกฎหมายต่างๆ ที่ได้เล่ามามีจริง
https://www.facebook.com/pages/Madam-Ludwig/1502433249969685