ชีวิตของเบลล์รวีตกอยู่ในห้วงอันตราย หลังจากที่มอบรอยจุมพิตดูดดื่มให้กับคู่หมั้นผู้เคราะห์ร้าย
อุบัติเหตุคราวนั้นไม่ได้กระชากเพียงลมหายใจของชายคนรัก แต่ยังพรากความรู้สึกไปจากขาทั้งสองข้างของหญิงสาว
เบลลรวีกลายเป็นเป้านิ่งที่นอนรอความตายอยู่บนเตียง อันตรายคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกที บูรฉัตรจึงจำเป็นต้องยอมเสี่ยงกับจุมพิตมรณะที่แสนเย้ายวน รับเป็นเจ้าบ่าวให้เบลล์รวีเพื่อคุ้มกันภัยให้เธอ หรือว่าคุ้มกันคนอื่นให้พ้นจากเงื้อมมือเบลล์รวีกันแน่
เมื่อน้ำผึ้งปนรอยจุมพิตแสนหวานในเทพนิยายเรื่องเก่ากลายเป็นยาพิษ ใครเล่าจะอยากจูบเจ้าหญิง
...รอยจุมพิตของเจ้าชายรูปงาม สัมผัสกลีบปากเย็นเยียบของเจ้าหญิงผู้หลับใหลมาเป็นเวลานับร้อยปี นิลเนตรของเจ้าหญิงกระจ่างวาววับ ในขณะที่เจ้าชายทรุดลงอย่างช้าลมหายใจขาดช่วง สิ้นพระชนม์แทบพระบาทเจ้าหญิงแสนสวยที่ตื่นจากฝันร้าย...
“คุณหนู” รุจีครางเสียงแหบแห้งแทบจะไม่หลุดรอดออกมานอกริมฝีปากแห้งผาก หญิงสาวพุ่งตัวไปข้างหน้าจนสุดเอื้อม จับบ่าบอบบางยึดไว้ ดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าอาคันตุกะยามวิกาล
ลมเยือกลูบไล้หลังคอของรุจีจนกล้ามเนื้อหดเกร็งด้วยความหนาวเหน็บ
กร้อบ...เสียงของหักดังแผ่วเบาในความมืดที่เงียบกริบ รุจีร่วงลงดุจใบไม้ถูกปลิดออกจากขั้ว
เเคร่ก ซากรถเข็นโกโรโกโส ถูกเลื่อนเข้ามารอรับร่างไร้วิญญาณก่อนที่จะรูดลงไปกองกับพื้น
เก็ก...เก็ก เสียงคันเบรกตีกงล้อดังไปตลอดทาง รถเข็นซากคนค่อยๆ ดิ่งลงไปตามทางลาดเรื่อยๆ เร็วและเเรงขึ้น ทาบทับไปบนรอยเดิมเมื่อยามเช้า
แกร้กกก.... นกเเสกโฉบต่ำเฉียดเรือนผมสลวยของรุจีที่ถูกลมตีจนกระจายปิดใบหน้าซีดขาว นกทึดทือขานรับราตรีกาล เสียงตึงตังโครมค่อยๆ จมหายไปกับบทเพลงของนกราตรี แสงจันทร์นวลแหวกเมฆบางเบา สาดส่องต้องกิ่งสนป่าจนแลเห็นเศษแพรแดงปลิวไสวในสายลม
จูบฉันสิ...ฉันคือเบลล่า