ในพระราชวังที่รายล้อมไปด้วยความงดงามของต้นลีลาวดี เสียงหัวเราะสดใสของ "องค์หญิงอมรา"
ดังไปทั่วสวนกุหลาบสีแดงที่บานสะพรั่ง อมรา เจ้าหญิงน้อยวัย 10 พรรษา ทรงซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ขนาดใหญ่
พระพักตร์เปื้อนรอยยิ้มสดใสขณะที่ทรงมองดูพี่ชายทั้งสองเดินวนไปมาเพื่อค้นหา
“อมรา! คราวนี้เจ้าซ่อนที่ไหนอีก!” เสียงของพี่ชายฝาแฝดคนโต "เจ้าฟ้ากฤษณา" ดังขึ้น
แม้จะทรงดูเคร่งขรึมและสุขุม แต่แววตาที่มองไปรอบ ๆ นั้นมีความอ่อนโยน พี่กฤษผู้ทรงโปรดการอ่านตำราประวัติศาสตร์มากกว่าการวิ่งไล่จับอย่างนี้ ดูจะเริ่มหมดความอดทน
“ข้าว่าอมราต้องอยู่แถวนี้แน่ ๆ ดูซิ แอบหัวเราะไม่เบาเลย”
“เจ้าฟ้ากรินทร์”
พี่ชายฝาแฝดคนรองเอ่ยขึ้นพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ต่างจากพี่กฤษ พระองค์โปรดกีฬาและการผจญภัย
และมักจะเป็นคนแรกที่ร่วมมือกับอมราในแผนการแผลง ๆ ทุกครั้ง
ในที่สุด อมราก็กลั้นเสียงหัวเราะไม่ไหว ทรงยืนขึ้นจากพุ่มไม้ “เจอแล้ว!”
พี่กรินทร์ทรงร้องด้วยความยินดีก่อนจะวิ่งไปจับน้องสาวตัวน้อยที่พยายามจะหนี แต่ด้วยพระวรกายที่เล็กกว่า
พระองค์จึงถูกจับได้อย่างง่ายดาย
“คราวนี้ข้าชนะแล้ว!” พี่กรินทร์ทรงอุ้มอมราขึ้นพร้อมกับหมุนไปรอบ ๆ ขณะที่อมราหัวเราะเสียงดัง
“วางข้าลงนะพี่กรินทร์! ข้าจะเวียนหัว!”
พี่กฤษยืนมองด้วยรอยยิ้มเบาบาง ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับตำราเล่มโปรด
“อมรา เจ้าควรจะเลิกเล่นซนแล้วไปอ่านหนังสือได้แล้ว”
“แต่ข้าเบื่ออ่านหนังสือ! ข้าชอบเล่นมากกว่า” อมราตอบด้วยน้ำเสียงดื้อรั้น ขณะที่พี่กรินทร์หัวเราะเสียงดัง
“เห็นไหมพี่กฤษ ข้าบอกแล้วว่าอมราเหมือนข้า ไม่เหมือนเจ้าเลย”
“แต่เจ้าเล่นมากไปก็ไม่ดีนะ อมรา”
พี่กฤษตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พยายามที่จะรักษาบทบาทของพี่ชายคนโตที่ต้องดูแลทุกคน