“เอ่อ! ท่านแขกผู้มีเกียรติครับ กรุณารออยู่ที่โต๊ะด้านล่างก่อนนะครับ ตอนนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังจะสวมแหวนกันนะครับ” รติรสจึงเดินไปดึงไมค์ออกมาจากพิธีกรชายทันที
“ว้าย” สาโรจน์ตกใจร้องออกมาเสียงดังเมื่อถูกกระชากไมค์ไปจากมือแล้วรีบถอยหลังออกห่างจากรติรสด้วยความตกใจ
“เอาล่ะค่ะ ถ้าใครยังไม่รู้จักดิฉัน ดิฉันขอเฉลยก่อนนะคะว่าดิฉันคือใคร แต่จากที่ทุกท่านเห็นคงจะเดาออกแล้วว่าดิฉันน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าบ่าวแน่นอน” รติรสหยุดพูดแล้วกวาดสายตาไปหยุดที่สีหราชน้องชายของเขาที่นั่งส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เธอและเลื่อนสายตาไปที่พ่อแม่ของพยัคฆิน
“ใช่ค่ะ ดิฉันคืออดีตภรรยาที่เพิ่งเซ็นใบหย่าของคุณสิงค่ะ
“จริงเหรอเนี่ย” แขกในงานนั้นพูดกับเซ็งแซ่
“นี่เธอ หยุดนะ” เสียงแหลมของผู้เป็นเจ้าสาวดังขึ้นจากทางด้านหลัง รติรสหันไปส่งยิ้มเหยียดให้พิมรสา
“หุบปากไปก่อนนะคะ คุณเจ้าสาว”
“แต่ทุกท่านรู้ไหมคะด้วยเหตุผลอะไรของดิฉันถึงได้หย่ากับเจ้าบ่าวคนนี้เพราะว่าพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่เห็นด้วยค่ะ” เธอหยุดยิ้มเพราะเสียงพูดที่สั่นเครือ รติรสพยายามตั้งสติให้มั่นและสูดหายใจเข้าลึกๆ
“พวกคุณรู้ไหมคะว่าด้วยเหตุผลอะไร” เสียงซุบซิบนินทาก็ดังขึ้นอื้ออึงทั้งห้องจัดเลี้ยง
“เรื่องนั้นก็ช่างมันเถอะค่ะ แต่ดิฉันอยากจะบอกว่าเหตุผลสำคัญที่ดิฉันมาในวันนี้ ก็คือดิฉันมีเรื่องที่จะมาแสดงความยินดีกับลูกชายเจ้าของโรงแรม ไม่ใช่เพราะว่าเขากำลังจะแต่งานกับเจ้าสาวคนนี้หรอกค่ะ แต่เหตุผลนั่นก็คือ.......”ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงก็นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“แต่ก่อนที่ทุกท่านจะได้รู้ว่าเรื่องอะไร ดิฉันมีนิทานเรื่องหนึ่งจะมาเล่าให้ฟังค่ะก็ถือซะว่าเป็นการเบรกโฆษณาก่อนที่จะเข้าพิธีแต่งงานก็แล้วกันนะคะ”
“มีผู้หญิงคนหนึ่งได้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้มาเป็นเวลาเกือบสี่เดือนแต่แล้วจู่ๆวันหนึ่งเราก็ต้องหย่ากันหลังจากหย่าเธอจึงรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์” เสียงฮือฮาดังขึ้นกว่าเดิม
“ใช่ค่ะ ผู้หญิงคนนั้นก็คือดิฉันเอง” เสียงฮือฮาดังขึ้นในฮอล์จัดงานแขกเหรื่อที่อยู่ในงานต่างพากันตกใจและคนที่น่าจะตกใจมากที่สุดก็คือพยัคฆิน เขากำกล่องแหวนไว้แน่นจนมือสั่นไปหมด เขาไม่อยากจะเชื่อหูเลยว่าเธอนั้นท้องจริงๆ รติรสหันมาส่งยิ้มให้กับพยัคฆินแล้วปรายตาไปยังพิมรสา
“มันไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้นมานะคะ แต่มันเป็นเรื่องจริง” ว่าแล้วจอภาพที่เป็นรูปถ่ายพรีเวดดิ้งก็กลายมาเป็นวิดีโอของภาพอัลตร้าซาวด์เด็กที่กำลังอยู่ในท้องซึ่งหัวใจดวงน้อยๆกำลังเต้นอยู่
“ตึก ตึก ตึก” หยดน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาอาบแก้มของพยัคฆิน เขามองวิดีโอที่เปิดขึ้นจอใหญ่จากทางเบื้องหลัง เสียงหัวใจของเด็กที่อยู่ในครรภ์นั่นเต้นดังเป็นจังหวะ จนมันบีบรัดหัวใจของเขาจนจะหายใจแทบไม่ออก
“ทุกท่านได้ยินเสียงหัวใจเล็กๆที่กำลังเต้นอยู่ไหมคะ” เธอพูดและหันมองไปรอบๆ
“เด็กคนนั้นกำลังอยู่ตรงนี้ค่ะ” หญิงสาวชี้ไปที่ท้องน้อยของตัวเอง
“ใช่ค่ะ หัวใจของเขาเต้นอยู่ในนี้และวันนี้เขาก็รู้ด้วยนะคะว่าพ่อของเขากำลังแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น” รติรสพูดพร้อมรอยยิ้มเหมือนคนข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ให้ลึกที่สุด
พยัคฆินกำมือแน่นด้วยความเจ็บปวด หญิงสาวหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อของลูกในท้อง
“ในวันที่เราหย่ากัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันกำลังท้องแต่ที่เจ็บใจมากที่คืออะไรรู้ไหมคะ” รติรสหันไปยิ้มกับแขกในงานแต่งของพยัคฆินและพิมรสา
“ในวันที่ฉันรู้ว่าตัวเองท้อง คือวันที่ฉันได้รับการ์ดเชิญแต่งงานจากพ่อของลูกนั่นเอง” เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงที่กลางหัวของพยัคฆินเขาไม่คิดเลยว่าเขาจะทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งได้ขนาดนี้