Chemical Engineering ( ถ้าพี่ไม่อยากใช้โควต้า 8 ปี ก็ต้องยอมให้น้องคนนี้สั่งสอนนะครับ )
PurpleBlood
Y
พูดคุยกับนักเขียน
( เมื่อรุ่นพี่ที่ผมแอบชอบกำลังจะถูกรีไทร์ ผมจึงจำเป็นที่จะต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้พี่เขาเรียนจบไปพร้อมๆกับผมให้ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมไม่ช่วยพี่เขาฟรี ๆ หรอกนะ เพราะว่าพี่เขา จะต้องยอม......กับผม )
สวัสดีนักอ่านทุกคนนะ เราคือนักอยากเขียน PurpleBlood เอกลักษณ์งานเขียนของเราคือ ไม่มีโครงเรื่องและแบบแผน อาศัยอารมณ์และความรู้สึกล้วน ๆ แต่ก็ตั้งใจพิมพ์ทุกตัวอักษรนะ ตอนนี้กำลังฝึกปรือจินตนาการอยู่ หวังว่าจะถูกใจทุกคน และที่สำคัญคือทุกคนสามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนางานเขียนของราได้ ด้วยการคอมเม้นและแนะนำ เป็นแนวทางให้เราพยายามปรับปรุงตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ
ขอบคุณค้าบบบบ
PurpleBlood
บทนำ
Chemical Engineering ( วิศวกรรมเคมี ) เป็นสาขาวิชาทางวิศวกรรมที่เลื่องชื่อลือชามากที่สุดในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ รับนักศึกษาจำนวน 150 คนต่อปีการศึกษา มาตรฐานหลักสูตรเรียนจบภายใน 4 ปี ไม่ต่ำกว่า 200 หน่วยกิต แต่ทว่า ทุก ๆ ปี มีรุ่นพี่แจ้งจบภายใน 4 ปี ไม่ถึง 10 คนเลยด้วยซ้ำ รวมรุ่นพี่ที่จบเกิน 4 ปี และรุ่นพี่ที่จบ ป.โท ป. เอก รวมๆกันก็ไม่ถึง 20 คน ทำไมน่ะหรอ อย่างรุ่นพี่ #ChemE#69 ที่พึ่งรับใบปริญญาไปหมาด ๆ ก็เดินเข้ามาในรั้วมหาลัย ในนามของนักศึกษาวิศวกรรมเคมี จำนวน 150 คน แค่ปีแรก รุ่นพี่ก็พากันย้ายสาขากันออกไปประมาณ 40 คน ปีสอง ก็พากันเปอร์ระนาว ( เปอร์ ณ ที่นี้ หมายถึง ไม่สามารถเรียนจบภายในสี่ปีได้ ) เกรดที่ออก ก็ D กระจุก F กระจาย ไปตามระเบียบ พอปีสาม รุ่นพี่หลายคนก็ถูกมหาลัยเชิญออกอย่างเป็นทางการ ( โดนรีไทร์ ) เนื่องจาก GPAX ไม่ถึง 1.80 สุดท้ายปีสี่ ก็มีผู้เหลือรอดอยู่ไม่ถึง 50 คน มีรุ่นพี่ที่เรียนจบตามหลักสูตรอยู่แค่ 4 คนเท่านั้น ส่วนที่เหลือ ก็ต้องลงเรียนรายวิชาที่ยังไม่ผ่าน เฮออออออออออ แต่ก็ยังดีที่ยังมีชีวิตรอดจากสาขามหาโหดนี้ได้น่ะนะ
ตัดภาพมาที่เรื่องราวของผม ผมชื่อ ไพ่ นายพิพัฒน์ รัชนิกรกุล นักศึกษาปีหนึ่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเคมี ผมเข้ามาเรียนที่นี่ด้วยโควต้าโอลิมปิกวิชาการ ด้านฟิสิกส์ครับ ผมเป็นคนที่เรียนเก่ง หน้าตาดี กีฬาเยี่ยม และที่สำคัญคือ ผม โสด ครับ ส่วนนั่น รุ่นพี่ปีสี่ที่ผมตามเต๊าะอยู่ พี่เขาชื่อ ไฮโล นายนิรุตติ์ กิตติกรไกร เป็นคนตัวสูง เกือบจะเท่าๆผมเลย ผิวขาว หุ่นนายแบบสุดๆ เป็นคนที่ทำหน้าขรึมอยู่ตลอดเวลา เกเรหน่อยๆ แต่ก็จริงใจและตรงไปตรงมาหรือปากหมานั่นเอง
“ มึงมองกูหาส้นตีนอะไรว่ะ ” พี่เขาหันมาต่อว่าผมที่เอาแต่จ้องหน้าพี่เขาตาไม่กระพริบ
“ ก็มองว่าที่แฟนไงครับ ไม่อยากทำแค่มองแล้วอ่ะ ขอทำอย่างอื่นด้วยได้มั้ยครับ ” ผมพูดพร้อมกับก้มลงไปทำคิสมาร์คตรงซอกคอขาว ก่อนที่พี่เขาจะใช้กำลังผลักผมออกไปอย่างเต็มแรง
“ สัส มึงทำอะไรว่ะ ” พี่เขาทำท่าเหมือนจะต่อยผม แต่มีหรือที่ผมคนนี้จะรู้ไม่ทัน ผมจึงจัดการล็อคร่างกายของพี่เขาให้ติดลงไปกับเตียงนอนสีขาว ไม่ให้กระดุกกระดิก หรือดื้อกับผมได้อีก “ ไอ้ไพ่!! ”
“ ครับ เรียกผมทำไมหรอครับรุ่นพี่ ” ผมพูดพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก ส่วนสายตาก็มองลวนลามร่างกายของพี่เขาไปเรื่อย ๆ
“ ปล่อยกู ” พี่เขาพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการที่ผมได้โอบล้อมพี่เขาเอาไว้
“ ตอบรับจูบของผมก่อนสิครับ แล้วผมจะปล่อย ” ผมค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ บุคคลอารมณ์ร้อนด้วยความท้าทาย
“ มึงแม่ง ! กูไม่ทำหรอก แล้วทำไมกูต้องทำด้วย ” รุ่นพี่พูดพร้อมกับแสดงสีหน้าอันเกรี้ยวกราด และเบือนหน้าหนีผมจนคอแทบหลุด
“ อืมมมมม ทำไมนาาาา ” ผมกรอกสายตาไปมองทางอื่นอย่างครุ่นคิด แล้วหันมาสบตากับบุคคลตรงหน้าอีกครั้ง “ ใครเอ่ยที่เป็นคนติวหนังสือให้นาาาาาาา ”
“ มึง..........ไม่เอาดิ ” ตอนนี้รุ่นพี่ทำหน้าตลกแบบสุดๆ คนอะไรทำไมถึงได้น่าแกล้งขนาดนี้
“ ใครเอ่ยที่เป็นคนทำให้พี่ GPAX ขึ้น จนทำให้รอดจากการรีไทร์นาาาาาา ”
“ ไอ้ไพ่ ” รุ่นพี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ หน้าตาอ้อนผมสุด ๆ ไปเลย
“ ใครเอ่ย ที่อาสาจะอยู่ช่วยพี่ไม่ให้ต้องใช้โควต้าเรียนจบ 8 ปี อีกต่อไปนาาาาา คิดให้ดีดีนะครับผม ”