ปิ่นชลธี
คำโปรย
เงินสองล้านบาทแลกกับการแต่งงานของเรา
"ไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายย่อมแพงกว่าโรงพยาบาลของรัฐเท่าตัว"
ใบหน้าของ 'เพื่อนเก่า' ก้มต่ำลงจนคางชิดอก น้ำตาเอ่อคลอดวงตากลมโตสดใสคู่เดิมที่เขายังคงฝันถึงทุกค่ำคืน
"ในเอกสารเธอไม่ได้ชำระค่ารักษามาสองเดือนแล้ว ตอนนี้ร่วมสองล้านบาท เงินไม่มากสำหรับฉัน แต่สำหรับเธอคิดว่าชาตินี้จะหามาชดใช้ได้ไหมละ"
ริมฝีปากหนาสีอ่อนที่เคยพร่ำพูดแต่คำสุภาพกล่าวเหยียดหยามออกไปอย่างที่ไม่เคย ยิ่งย้อนนึกไปถึงวันวาน ยิ่งอยากจะเหยียดหยามคนตรงหน้าให้มากกว่าเดิม
"ลำพังแค่เงินจากงานยิบย่อยที่ทำกับงานประจำที่ทำอยู่คิดว่าพอจ่ายเหรอ ฮึ" ช่วงท้ายเขาแค่นหัวเราะอย่างสมเพชเวทนา
หญิงสาวทำงานเป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเล็กๆ เงินเดือนไม่ถึงสองหมื่น เลิกงานไปทำงานพาสไทม์ล้างจานที่ร้านอาหารกึ่งผับของเพื่อนคนหนึ่ง และไอ้เพื่อนคนนั้นก็คือคนที่เทียวรับเทียวส่งเธออยู่เป็นประจำ!
“สองล้านนะไม่ใช่สองบาท”
หากเป็นคนอื่นคงโงหัวขึ้นมาต่อว่าเขาตอบ บริภาษด่ากราดไปนานแล้ว แต่นี่... เพราะเป็นผู้หญิงคนนี้ถึงได้เอาแต่ก้มหน้าก้มตายืนฟังเงียบๆ มาตลอด
"เอาละ ถ้าคิดว่าไม่มีปัญญาหามาจ่าย ฉันก็มีข้อเสนอ"
ทางเลือกของเขามีให้หล่อนเพียงทางเดียวเท่านั้น
"เงินสองล้านบาทแลกกับการแต่งงานของเรา!"
"ลูกจะแต่งงานกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่แม่ม่ายลูกติดคนนั้น!" ใบหน้าของชลธียังคงเรียบนิ่ง แววตาไม่ไหวระริก ยามตอบมารดาเสียงราบเรียบไม่ต่างจากเดิม
"ปิ่นไม่ใช่แม่ม่าย เพราะงานแต่งงานยังไม่เสร็จสิ้น" เขาก้มหน้าเซ็นชื่อลงไปใบเอกสารใบสุดท้ายจึงปิดแฟ้มตรงหน้าลง เงยหน้ามองมารดาที่กำลังเกรี้ยวกราดไม่ลดละ
"นั่นไม่ยิ่งกว่าหรอกเหรอ แล้วไหนจะเด็กคนนั้นอีก ลูกพี่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าเป็นลูกเจ้าตัวแต่อุปมาเป็นลูกพี่ขึ้นมาจะทำยังไง!"
ใบหน้าของคุณหมอหนุ่มยังคงเรียบนิ่ง หากดวงตาสงบนิ่งคู่เดิมพาดผ่านความขุ่นมัวเล็กน้อย ก่อนร่างสง่าจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวออกจากโต๊ะทำงานตรงไปหามารดาที่นั่งหน้าทะมึนบนโซฟารับแขกไม่ไกลกัน
ชายหนุ่มทิ้งกายลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กด้านข้าง ยกขาขึ้นไขว่ห้างพลางเท้าข้อศอกที่พนักโซฟา ประสานมือกันแล้ววางคางลง เพ่งสายตาสงบนิ่งเป็นนิจมองสีหน้าซีดสลับเขียวของมารดานิ่ง ยังไม่ตอบอะไร เพราะยังอยากฟัง 'ทัศนคติ' ของ 'มารดา' ที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นอีกสักนิด
"ผู้หญิงมีให้เลือกตั้งมากมาย ทำไมลูกไม่สนใจ หนูแพรวก็ไม่เลวเลยนะ ลูกสาวคนเดียวเจ้าของห้างด้วย หรือจะเป็นพยาบาลสาวๆ สักคนในโรงพยาบาลแม่ก็ไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่เด็กกำพร้าไม่มีหัวนอนปลายเท้า เป็นม่ายขันหมากทั้งยังมีลูกติดแบบนั้นอีก!"
ใบหน้าที่เคยราบเรียบมีร่องรอยความไม่พอใจเล็กน้อย มุมปากข้างขวายกสูงขึ้น ยามขยับริมฝีปากหนาสีอ่อนเอ่ยเสียงทุ้ม
"ปิ่นไม่ใช่แม่ม่าย และเด็กคนนั้นก็เป็นลูกของผม"