บทนำ
ร่างบางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเมื่อยืนอยู่หน้าตึกสูงใจกลางเมืองใหญ่ เธอไม่คุ้นชินกับกรุงเทพทั้งสภาพอากาศที่ร้อนจัด ฝุ่นควันและการจารจรอันติดขัดแต่เมื่อต้องการงานที่และเงินเดือนที่ดีกว่าหญิงสาวจึงตัดสินใจมาสมัครตามคำแนะนำของใครบางคนแม้คนๆ นั้นจะแนะนำให้เธอมาทำตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้วก็ตาม
วันนี้หญิงสาวจะเข้ามาสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้ายหลังจากผ่านข้อเขียนและการสัมภาษณ์ไปถึงสองครั้ง เธอก็ไม่คิดเช่นกันว่าจะมีโอกาสเข้ามาในรอบนี้เพราะคนที่มาสมัครแต่ละคนล้วนมีคุณสมบัติเหนือกว่าเธอแทบทั้งนั้น
“คุณสิตา ปรีชาพัฒน์เชิญค่ะ” พนักงานเอ่ยเรียกผู้สมัครคนต่อไปเข้าสัมภาษณ์
“ค่ะ” เจ้าของชื่อลุกขึ้นแล้วสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้งก่อนจะเดินตรงไปยังห้องประชุมเล็กทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความประหม่าและไม่มั่นใจ ถ้าได้งานนี้เธอต้องย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพถึงแม้จะไม่ชอบแต่เพื่อใครบางคนหญิงสาวก็พร้อมจะทำ
“แล้วเราจะติดต่อกลับไปภายในหนึ่งอาทิตย์” น้ำเสียงเรียบบอกเมื่อคนตรงหน้าตอบคำถามสุดท้ายจบ
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” คนเพิ่งสัมภาษณ์จบเอ่ยก่อนจะลุกออกจากห้อง คำตอบแบบนี้เธอคิดว่าคงไม่ได้งานอย่างแน่นอน
สิตามองตัวเองในกระจกใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มเครื่องสำอางแม้ว่าจะทำงานแล้วหากหญิงสาวก็ไม่เคยซื้อของพวกนั้นมาใช้เพราะถือว่าเป็นของสิ้นเปลือง ถ้าจะมีสิ่งที่เรื่องว่าเครื่องสำอางสักชิ้นสำหรับตัวเองอย่างนั้นก็คงเป็นลิปสติก ผมยาวถึงกลางหลังถูกเปียไว้อย่างเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกระโปรงทรงเอยาวคลุมเข่าทำให้สิตาดูเรียบร้อยเหมือนกันคุณครู หญิงสาวได้ยินคำนี้บ่อยๆ จากเพื่อนร่วมงานแต่เธอก็ไม่คิดจะเปลี่ยนการแต่งตัว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของมือเล็กจึงเปิดกระเป๋าสะพายแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมารับทันทีเมื่อเห็นว่าใครโทรศัพท์เข้ามา
“สวัสดีค่ะ พราวสัมภาษณ์เสร็จแล้วค่ะไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” เสียงหวานบอกอย่างเกรงใจเมื่อคนทางปลายสายอาสาให้คนขับรถไปส่งที่สนามบิน
“ยังก็หนูพราวก็เตรียมตัวย้ายมาทำงานที่นี่ได้เลยนะ”
“พราวคงไม่ได้งานนี้หรอกค่ะ” เพราะคนที่มาสัมภาษณ์รอบนี้ต่างเก่งๆ กันทั้งนั้น
“มั่นใจในตัวเองหน่อยหนูพราว เท่านี้ก่อนนะฉันมีประชุม”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” สิตาวางสายก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ
เมื่อลงมาด้านล่างหญิงสาวก็เดินไปยังประชาสัมพันธ์เพื่อแลกบัตรคืนการได้มีโอกาสมาสัมภาษณ์บริษัทใหญ่ๆ อย่างนี้สักครั้งก็ดีแล้วชีวิตเธอน่าจะเหมาะกับงานในต่างจังหวัดมากกว่า สิตาก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเองยังพอมีเวลาที่จะไปเดินดูหนังสือก่อนจะกลับบ้าน
คนที่เดินออกมานอกตึกกำลังจะข้ามถนนเล็กๆ ด้านหน้าถึงกับหยุดชะงักเมื่อรถคันหรูเลี้ยงเข้ามาจอดด้วยความเร็ว นี่ถ้าเธอหยุดไม่ทันคงโดนชนไปแล้วทำไมพวกคนเมืองถึงขับรถไม่มีน้ำใจเอาเสียเลยสิตาส่ายหน้าด้วยความหน่ายใจ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาจากรถซูเปอร์คาร์คันหรูด้วยใบหน้าเรียบเฉยทุกย่างก้าวที่ชายหนุ่มเดินเต็มไปด้วยความมั่นใจ เมื่อเข้ามาด้านใจพนักงานต่างหยุดและมองมายังจุดเดียวกัน โดยเฉพาะพนักงานสาวต่างลืมหายใจเมื่อเห็นในระยะใกล้แบบนี้ ก็จะไม่ให้สาวๆ ฝันถึงได้อย่างไรเมื่อชายหนุ่มครองตำแหน่งนักธุรกิจในฝันที่สาวๆ อย่างเดตด้วยมากที่สุดในขนาดนี้ ถ้าใครติดตามข่าวสารแวดวงธุรกิจเชื่อเลยว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก ราเมศวร์ อัครโภคิน ประธานบริษัท The one estate จำกัดมหาชน บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของเมืองไทย ทั้งๆ ที่ชายหนุ่มเพิ่งจะก้าวเข้ามารับหน้าที่ประธานบริษัทแทนบิดาได้เพียงสองปีแต่ผลงานและผลประกอบการก็การันตีความสามารถอย่างที่ไม่มีใครกล้ากังขา ทั้งที่ราเมศวร์เพิ่งจะอายุย่างเข้า 30 ปีเท่านั้น
ชายหนุ่มจึงถูกจับตามองว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่สุดในตอนนี้ สาวน้อยสาวใหญ่ค่อนเมืองจึงอยากจะจับจองเป็นเจ้าของหัวใจแต่ก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ อย่างมากก็แค่เป็นคู่ควงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ราเมศวร์มีชื่อเสียงทั้งในเรื่องของงานและสาวๆ ไม่เว้นแต่ละวัน
“เอกสารสำหรับการประชุมเช้านี้ฉันวางไว้ให้บนโต๊ะแล้วนะคะ” เสียงเลขาเอ่ยบอกเมื่อเจ้านายเดินกำลังจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน
“ขอบใจมาก” ชายหนุ่มตอบแล้วเดินเข้าไปด้านในวันนี้เขามีประชุมเกี่ยวกับการสร้างคอนโดมิเนียมสุดหรูใจบนถนนสายหลักของกรุงเทพ เลขาเหมือนจะเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็ไม่ทันเมื่อเจ้านายเดินเข้าไปห้องไปเสียก่อน