เล่ห์พันธกานต์[E-bookมาแล้วค่า] (มาสัมผัสความมีคุณสาเป็นหมอสูฯไปด้วยกันนะคะ) NC30+-
พันธกานต์/พลับพลึงธาร
อีโรติก
เล่ห์พันธกานต์
โดย....พันธกานต์
*ขออนุญาตลบเนื้อหาภายในวันที่10/12/62*
*ตัวอย่างหนังสือรีดสามารถหาได้จากMEBหรืออ่านจากตอนด้านล่างนี้*
“อะไรคะ”มือบางรับไปเปิดออกแม้จะเอ่ยถามอย่างสงสัยก็ตาม
“ผลตรวจสเปิร์ม”
“อะไรนะคะ!”
เสียงแหลมสูงนั้นทำให้นายแพทย์หนุ่มหรี่ตาลงน้อยๆเพราะมันดังเกินกว่าระดับปกติไปมากโข สายตาคมมองใบหน้าอ่อนหวานที่ปราศจากเครื่องสำอางซึ่งขึ้นสีจัดอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย นัทธมนถือซองเอกสารอยู่เช่นนั้นไม่ยอมเปิดออกดู ชายหนุ่มจึงจำต้องเอ่ยบอก
“ปกติจะตรวจในคนที่มีภาวะมีบุตรยาก”
“คุณมีลูกยากหรอคะ”คำถามที่ผ่านออกมาจากริมฝีปากอิ่มนั้นทำให้ความอยากอาหารทั้งหมดของเขาหายไปโดยสิ้นเชิง
“ฉันแข็งแรงดี”ปรวีร์ไม่ว่าเปล่า มือหนาหยิบซองเอกสารมาเปิดออกก่อนจะส่งให้คนที่ยังคงตื่นตระหนกดู “แล้วก็แข็งแรงมากด้วย”นิ้วเรียวใหญ่ชี้ไปยังผลตรวจที่แสดงค่าปกตินั้นเทียบกับผลตรวจของเขาก่อนจะเอ่ย
“ถ้าเธอไม่ท้องขึ้นมา ฉันจะถือว่าเธอเล่นตุกติกกับคำสัญญา”
..................................................
แนะนำตัวละคร
นพ.ปรวีร์ ปุริมธรณ์ (ธาม) อายุ 35 ปี
สูตินรีแพทย์หนุ่มผู้เคร่งขรึม หัวใจของเขาแห้งแล้งราวกับผืนดินแตกระแหงตั้งแต่วันที่ผู้เป็นที่พักพิงเพียงหนึ่งเดียวจากไป ทว่ารากแก้วของความเจ็บปวดที่หยั่งรากฝังลึกลงในหัวใจกลับเติบโตขึ้นในทิศทางตรงกันข้ามตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา
ทว่าวินาทีแรกที่เขาได้กลับไปที่บ้านหลังที่เต็มไปด้วยความทรงจำ และวินาทีแรกที่ได้สบสายตาเด็กในอุปการะของผู้เป็นย่า...ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจนั้นกลับวิ่งวนอยู่ในกระแสโลหิตของเขาอีกครั้ง
และเขาเห็นว่าหลานย่าที่คุณมาลาเฝ้าฝันหาตลอดมานั้นควรจะได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกเสียที
“ไม่ใช่ฉวยโอกาสหรอก ก่อนจะมีลูก เธอก็น่าจะรู้ว่าเราต้องลึกซึ้งกันมากแค่ไหน และดูเหมือนว่าตอนนี้...แม่ของลูกจะยังทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง”
นัทธมน จารุเกียรติ (พริ้ม) อายุ 24 ปี
มัณฑนากรสาวผู้หลงใหลไปกับการได้ทำงานที่รัก เธอเป็นเด็กกำพร้าผู้ที่เกิดมาท่ามกลางความโชคดีมากมาย และความโชคดีที่สุดคือการได้เป็นเด็กดีของคุณมาลา ท่านเลี้ยงเธอด้วยความรักความเมตตาและแน่นอนว่าเธอไม่มีวันลืมบุญคุณนั้น แต่กับปรวีร์ผู้เป็นหลานชาย...ไม่กี่ปีที่เขาเลื่อนสถานะกลายมาเป็นผู้ปกครองของเธอ เธอก็จดจำได้ขึ้นใจว่านายแพทย์คนนั้นดุมากแค่ไหน
เธอไม่คิดว่าเขาและเธอจะเข้ากันได้อย่างที่คุณมาลาต้องการ...ทว่าวันหนึ่งปรวีร์กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม!
“แต่เราไม่ได้รักกันนะคะ ถ้าคุณย่าของคุณรู้ ท่านก็คงไม่ยอมเหมือนกัน”
.................................................................................
กลับมาแล้วตามสัญญา เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไรต์ตัดสินใจใช้นามปากกา 'พันธกานต์' ที่กักเก็บเอาไว้เนิ่นนาน 555 นัยหนึ่งคือเพื่อเป็นการสะกดจิตตัวเองไม่ให้ดำเนินเรื่องแบบดำดิ่งสู่ความดราม่าอันหนักหน่วงจนเกินไป แต่ถามว่ามีมั้ย ก็ยังคงมีบ้างเป็นกลิ่นไอเล็กๆค่ะ เรื่องนี้คงจะเน้นตัวพี่หมอที่ติดจะเจ้าเล่ห์ กับตัวพริ้มเองที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีแต่ก็ไม่ได้ดีจนเกินไป อันนี้ไม่ต้องกลัวน้องจะทำให้ปวดหัวเด้อ บวกตัวละครสมทบอีกตัวสองตัว
โดยรวมแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดราม่าหนักหน่วงอะไร พอรับไหว...รึเปล่า 555 ไรต์เขียนเรื่องนี้ด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นอย่างที่ตั้งใจ อยากให้นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่กลับมาอ่านเมื่อไหร่ก็หัวใจพองโตอะไรประมาณนั้น หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ
(กระซิบว่าบทหวานก็มี บทซึ้งก็มา ดราม่ากรุบ(ที่จะกรุบไม่กรุบก็แล้วแต่รีดจะพิจารณาค่า555) และพี่หมอนางขนฉากกระตุ้นเลือดลมให้พุ่งพล่านมาเต็มแบบไม่ให้เสียชื่อนิยายอิโรติกตามเคยจ้า)
****ปล.ไม่ติดเหรียญและอัพให้อ่านจนจบเหมือนเคยนะคะ ทั้งนี้ทั้งนั้นไรต์อยากจะบอกว่าคอมเมนต์คือกำลังใจที่ใหญ่เท่าโลกของนักเขียนตาดำคนนี้ รักนะคะ
.................................................................................................
บทนำ
ริมฝีปากอิ่มถูกฟันขาวสะอาดขบกัดเอาไว้เพราะความเจ็บปวด เหงื่อเม็ดเล็กไหลซึมออกมาจากไรผมสีน้ำตาลเข้มแม้ว่าภายในห้องตรวจของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังจะเย็นเฉียบมากขนาดไหนก็ตาม นัทธมนหลับตาแน่นเมื่อความเจ็บปวดจากใจกลางกายนั้นทวีความรุนแรงขึ้น หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้น ถึงแม้ว่าภายใต้ผ้าสีเขียวผืนเล็กที่ถูกนำมาปิดตาเอาไว้เธอจะไม่สามารถมองเห็นอะไรๆที่กำลังเกิดขึ้นก็ตาม
“เรียบร้อยแล้วนะคะ”เสียงหวานของนางพยาบาลทำให้เธอคลายความกังวลลงบ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยเมื่อความเจ็บปวดหลังจากเครื่องมือตรวจถูกนำออกไปนั้นทำให้เธอสะดุ้งไหวไปทั้งกาย
“ขะ ขอบคุณค่ะ”เธอเอ่ยขอบคุณเมื่อพยาบาลสาวนำผ้าปิดตาออกให้ก่อนจะเดินนำชาร์ตออกไปจากห้องตรวจและเหลือไว้เพียงเธอและสูตินรีแพทย์หนุ่ม
ปรวีร์ถอดถุงมือทิ้งลงในถังขยะติดเชื้อ มองเจ้าของร่างบางที่พยายามลุกจากเตียงตรวจด้วยแววตานิ่งเฉยอยู่เพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางนั้นลงจากเตียงมาวางลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา สายตาคมพินิจมองใบหน้าซีดเผือดที่เต็มไปด้วยความขลาดกลัวของนัทธมนอย่างนึกขันทว่ายังคงสงวนท่าทีนิ่งขรึมเอาไว้
“ทุกอย่างปกติดี รอผลแลบออก พรุ่งนี้ฉันจะไปหา”เจ้าของใบหน้าอ่อนเยาว์น่าเอ็นดูพยักหน้าน้อยๆ มือบางที่ปรวีร์สังเกตเห็นว่ากำลังประสานเข้าหากันแน่นนั้นทำให้เขาแน่ใจทีเดียวว่าหญิงสาวยังคงประหม่าที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา
ก็คงจะอย่างนั้น...เขาหายไปจากชีวิตเธอร่วมสามปี เป็นสามปีที่เขาพยายามจะลืมทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นหลังจากผู้ผูกพันธะระหว่างเขาและนัทธมนจากไปอยู่บนฟ้า
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น ผู้เป็นย่าของเขาท่านยังคงมองดูเขาและหญิงสาวจากบนฟ้าและแน่นอนว่าท่านไม่ยอมให้เขาตระบัดสัตย์! โดยเฉพาะกับเด็กสาวในอุปการะที่ท่านรักยิ่งกว่าหลานในไส้เช่นเขา
“พริ้มกลับได้แล้วใช่มั้ยคะ”เสียงหวานเอ่ยถามและนั่นทำให้ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ มือหนายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู จะว่าไปนี่มันก็หมดเวลาทำงานของเขาแล้วเช่นกัน
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ แวะทานข้าวแล้วเดี๋ยวจะไปส่งที่บ้าน”เขาหมายถึงบ้านสวนที่ชานเมืองของผู้เป็นย่าซึ่งท่านตัดสินใจยกให้เด็กในความอุปการะของท่าน นัทธมนอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่จำความได้และแน่นอนว่าเขาเองก็เห็นเธอมาตั้งแต่แบเบาะ เขาเองก็คิดมาโดยตลอดว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนี้มันช่างน่าขันและไม่มีทางเป็นไปได้ กระทั่งความอดทนกับสามปีที่มันผ่านไปอย่างแสนทรมานหมดลง...
เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมถึงต้องกลับมาตายรังอยู่กับเด็กสาวที่เขาเคยมองว่าแสนจืดชืดคนนี้ มันเป็นเพราะเขาไม่เคยลืมได้เลยว่ามีเจ้าหล่อนอยู่ในฐานะใดหรือเพราะเขากำลังตกหลุมพรางของเด็กสาวแสนจืดชืดที่บัดนี้ได้เติบโตกลายเป็นสาวงามสะพรั่งกันแน่
ปรวีร์แวะไปจัดการค่ารักษาพยาบาลระหว่างรอหญิงสาวจัดการความเรียบร้อยให้กับตนเองก่อนจะกลับมานั่งรอที่หน้าแผนกสูติ-นรีเวช พลางคิดไปเรื่อยเปื่อยโดยเฉพาะคิดถึงคนที่เดินออกจากห้องตรวจของเขาไปด้วยใบหน้าแสนซีดเผือด ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้มีเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัยอย่างที่เขาแน่ใจว่าจะสามารถช่วยลดความกังวลของนัทธมนได้ แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่เพราะสูตินรีแพทย์ที่นัทธมนต้องเข้าตรวจด้วยคือเขาที่เธอแสนประหม่ากลัว
“หมอธามจะกลับแล้วหรอคะ”พยาบาลวัยกลางคนเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่”ปรวีร์เอ่ยติดตลก
“ที่จริงบ่ายนี้ผลแลบน่าจะออกแล้วนะคะ ให้พี่ส่งให้เลยมั้ย”ใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้ารับ แม้นจะรู้ว่าไม่ควรรีบร้อน แต่เขา ...ไม่มีเหตุผล ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรอคอยอะไรอีกแล้ว
“รบกวนด้วยนะครับ”
“ใจร้อนจังนะคะ พี่ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลยว่าหมอมีแฟน”นั่นสินะ เขาเองก็ไม่รู้สึกเช่นกัน คำพูดของเพื่อนร่วมงานกำลังทำให้เขาเกิดสงสัยในตัวเองขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“ผมเอาแต่ทำงานน่ะสิครับ ต้องรีบหน่อยเดี๋ยวเขาจะหนีไปมีใคร”ปรวีร์คุยกับหญิงวัยกลางคนอีกสองสามคำก่อนฝ่ายนั้นจะขอตัวกลับไปทำงานประจวบเหมาะกับนัทธมนที่เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพอดี
มือหนาจับจูงหญิงสาวเดินไปที่ลานจอดรถก่อนรถคันหรูจะวิ่งออกจากโรงพยาบาลชื่อดังในไม่กี่นาทีต่อมา และแน่นอนว่าการจราจรที่แออัดในช่วงเที่ยงของวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้เขาและคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งเงียบต้องติดแหง็กอยู่บนท้องถนน
ปลายนิ้วเรียวหนาดึงพลาสเตอร์ที่ปิดแผลจากการถูกเจาะเลือดออกหลังจากเหนื่อยหน่ายกับการจับจ้องสัญญาณไฟจราจร แล้วก็อดที่จะหันไปมองเจ้าของใบหน้าอ่อนหวานที่นั่งอยู่ข้างๆกันไม่ได้
“ทำไมวันนี้ดูเงียบไป เป็นอะไรฮึ”ดวงตากลมโตเป็นประกายนั่นเบิกกว้างน้อยๆก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ
“เปล่าค่ะ”
“เจ็บรึเปล่า”ปรวีร์ไม่ถามเปล่า นิ้วเรียวยาวนั้นจับปลายคางมนของคนที่คอยแต่จะหลบสายตาให้สบตากับเขา และเขากำลังคิดว่ามันเป็นการกระทำที่ดีไม่น้อยเพราะมันทำให้เขาได้เห็นพวงแก้มนวลที่ยุ้ยน้อยๆนั้นขึ้นสีจัดในทันตา มองอย่างไรเธอก็เหมือนยังเป็นแค่เด็กหญิงตัวอ้วนที่คอยเจื้อยแจ้วอยู่ใกล้ๆผู้เป็นย่าของเขาวันยังค่ำ
“นิดหน่อยค่ะ”
“ก็ดี เพราะต่อไปเธอจะเจ็บกว่านี้อีก”คำพูดสองแง่สองง่ามนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยของนัทธมนเต้นไม่เป็นจังหวะแม้ว่าชายหนุ่มจะพูดด้วยสีหน้าแววตาที่แสนจะเรียบเฉย หญิงสาวไม่คิดว่าตัวเองจะทัดทานเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้เลย เธอไม่รู้...ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ทุกอย่างดูสับสนมึนงงเกินกว่าที่เธอจะแน่ใจได้ว่าการมีลูกกับปรวีร์ในเวลานี้จะเป็นเรื่องที่ดีและเหมาะสม สี่ปีที่ผ่านมาระหว่างเธอและเขามันไม่มีอะไรที่คลับคล้ายคลับคลากับความรักเกิดขึ้นเลยสักครั้ง อาจจะเรียกได้ว่าเธอและเขาไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ แต่หลานตัวน้อยของคุณมาลาเป็นสิ่งที่เธอและเขาเคยรับปากกับท่านเอาไว้ในวาระสุดท้ายของชีวิตท่าน
“เราจะมีลูกด้วยกันจริงๆหรอคะ”เธอกลั้นใจถามออกไป สองอาทิตย์หลังจากวันที่เขากลับมาเยี่ยมบ้านสวน ปรวีร์ทำให้เธอว้าวุ่นใจไปหมด...เขาทำราวกับไม่ได้หายไปจากชีวิตของเธอตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา
“แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ”
“พริ้มเพิ่งจะทำงานได้แค่สองปี”เธอหวังว่าปรวีร์จะเข้าใจ...
“ก็ไม่เห็นต้องรีบร้อนอะไรนี่”
“แต่!...”เสียงหวานเงียบลงในทันทีที่หัวสมองประมวลผลได้อย่างเร็วจี๋ว่าไม่ควรจะพูดสิ่งที่คิดออกไป ปรวีร์เลิกสนใจเธอเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทว่าเธอยังตกอยู่ในห้วงภวังค์ของความคิดแสนฟุ้งซ่าน
เขาบอกว่าไม่เห็นต้องรีบร้อนอะไร ในขณะที่วันนี้เขาเพิ่งจะพาเธอไปตรวจสุขภาพเตรียมตั้งครรภ์น่ะหรือ คิดดูอย่างไรก็ช่างย้อนแย้งกันสิ้นดี เธอแค่กำลังรู้สึกว่าเขากำลังไล่ต้อนเธอให้จนมุมด้วยวิธีแสนแยบยลที่เหยื่อตัวน้อยอย่างเธอไม่มีวันรู้สึกตัวเพราะความฉลาดเป็นกรดของเขา!
......................................................
***** ติดตามผลงานเรื่องเก่าได้ในโปรไฟล์ของไรต์เลยน้า (ลิงก์ E-book อยู่ในหน้าหลักนิยายเร่องเก่าน้า ตอนนี้ทางธัญวลัยไม่ให้แปะลิงก์แล้วค่ะ)*****