เกาะมายาแห่งนี้ มีเธอเป็นเจ้าของ 

ลูกหนี้คือฉันแต่ไม่ใช่เธอ 

เพราะเธอคือเจ้าหนี้หัวใจของฉันตลอดกาล 

บทที่ 1 

หญิงสาวหน้าตาสะสวยวิ่งเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ของบ้าน พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลพรากเต็มใบหน้า ก่อนจะเข้าไปกอดรอบเอวของผู้เป็นแม่ไว้แน่น ปากพร่ำพูดอ้อนวอนขอร้องให้ช่วยเหลือตนไม่ยอมหยุด

“คุณแม่ขา คุณแม่จะต้องช่วยรสนะคะคุณแม่”

“อะ...อะไรกันยัยรส เกิดอะไรขึ้นลูก บอกแม่มาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

นางถามอย่างตื่นตระหนก ภายในอกร้อนรุ่มขึ้นมาทันที ใคร

!

มันไอ้อีหน้าไหนกันที่มาทำให้ลูกสาวของนางผกากรอง ทวีขจรไพศาล ต้องวิ่งร้องไห้เข้ามาหานางแบบนี้

“ก็พี่ยุทธนะสิคะคุณแม่ จะให้รสไปเป็นนางบำเรอเพื่อใช้หนี้แทนน่ะค่ะ คุณแม่อย่ายอมนะคะ คุณแม่ต้องช่วยรสนะคะคุณแม่ ฮือๆ” โชติรสเอ่ยบอกน้ำตานองหน้า

“หา

!

นี่ตายุทธมันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาล่ะนี่ ถึงจะเอาน้องไปยกให้เป็นนางบำเรอของใครต่อใครกันน่ะ” นางผกากรองถามกลับเสียงดังขึ้นมาทันที

“เดี๋ยวก่อนครับคุณแม่ ฟังยุทธก่อน อย่าเพิ่งไปฟังยัยรสฝ่ายเดียวสิครับ”

พีรยุทธเอ่ยอย่างใจเย็น สาวเท้ายาวๆ เดินเข้ามาหาผู้เป็นแม่ พลางโอบเอวแล้วรั้งให้มารดานั่งลงบนโซฟาเนื้อดี รีบเอ่ยบอกอย่างแก้ตัวทันที

“คุณแม่อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ มันไม่ใช่อย่างที่ยัยรสบอกสักหน่อย”

พูดพลางหันไปถลึงตาใส่น้องสาวเพื่อเป็นการห้ามไปในตัว

“ก็ยัยรสมันวิ่งร้องห่มร้องไห้เข้ามาหาแม่ แล้วบอกแม่ว่าแกจะให้มันไปเป็นนางบำเรอเพื่อใช้หนี้ที่แกติดเขาน่ะ แล้วแกจะไม่ให้แม่ร้อนใจได้ยังไง บอกแม่มานะว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่” นางผกากรองเอ่ยอย่างมีอารมณ์

คึ...คือ ยุทธกับ...รสไปบ่อนมากันครับ

ไปบ่อน

นางผกากรองเอ่ยเสียงสูงออกมาจนเกือบจะเป็นตะโกน

ตายุทธ

!

นี่นึกยังไงถึงได้พาน้องเข้าบ่อนน่ะห๊ะ

นางผกากรองเอ็ดเสียงหลง พลางฟาดเพี๊ยะลงไปที่แขนของลูกชายเป็นพัลวัน พีรยุทธได้แต่ยกมือขึ้นป้อง ก่อนจะรีบลุกขึ้นหนีจากการตบตีของผู้เป็นแม่ โดยมีนางผกากรองลุกตามไปตีไม่ยอมหยุด

“โธ่...คุณแม่ครับ โทษยุทธฝ่ายเดียวไม่ได้นะครับ ก็ยัยรสมันขอตามไปเอง ยุทธห้ามแล้วมันไม่ฟัง แล้วไอ้หนี้ที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ใช่ของยุทธคนเดียวนะครับ ของยัยรสครึ่งหนึ่งด้วย”

พูดจบมือของนางผกากรองก็หยุดตีโดยอัตโนมัติ ก่อนร่างท้วมของผู้เป็นแม่จะค่อยๆ หันกลับมาทางโชติรส

ยัยรส

!”

นางผกากรองครางออกมาอย่างคนหมดแรง ลูกสาวที่เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูมาอย่างดีริอ่านเข้าบ่อน ถ้ารู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น ร่างท้วมซวนเซเหมือนจะเป็นลม พีรยุทธที่อยู่ใกล้รีบเข้าไปประคองนางไว้แล้วรีบพากลับมานั่งลงบนโซฟาทันที

“คุณแม่ครับ

! /

คุณแม่คะ

!”

“คุณแม่นั่งก่อนนะครับ ยัยรสไปหายาดมมาสิ เร็วๆ ด้วย”

โชติรสรีบวิ่งไปที่ตู้ยาประจำบ้านทันที แต่เสียงสูงเอ่ยห้ามของนางผกากรองก็ดังขึ้นมาก่อน

“ไม่ต้อง

!

“คุณแม่ครับ ฟังผมก่อนนะครับ” พีรยุทธเอ่ยเสียงอ่อย

“คุณแม่ขา” โชติรสเอ่ยเสียงเครือ

นางผกากรองยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้รู้ว่าไม่ให้ใครพูดอะไรออกมา ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดเพื่อให้ผ่อนคลายจากความเครียด แล้วเอ่ยถามออกมาว่า

พากันไปเข้าบ่อนน่ะ ไปกันเองหรือว่ามีใครมาชวนให้ไป บอกมาให้หมดนะ อย่าได้คิดปิดบังเชียว

นางผกากรองพูดถามออกมาเสียงขรึม พีรยุทธก้มหน้างุด ก่อนจะพูดเล่าเรื่องทุกอย่างออกไป

หุ้นส่วนที่ทำธุรกิจร่วมกันน่ะครับเป็นคนชวน ตอนแรกก็ว่าจะไม่ไปหรอกครับคุณแม่ แต่เขาบอกว่าลองไปเปิดหูเปิดตาดูบ้าง แล้วยัยรสเองก็อยากรู้อยากเห็นว่าบ่อนน่ะมันเป็นยังไง ผมก็เลยรับคำชวน แรกๆ ที่เล่นก็เล่นได้ครับ ยิ่งเล่นยิ่งได้ ผมก็เลยทุ่มไม่อั้น แต่พอมันเสียผมก็เลยอยากได้ทุนคืน ก็เลยยิ่งเล่นหนักมากขึ้น แต่มันกลับเสียจนกลายเป็นหนี้กับบ่อนซะมากมาย”

พีรยุทธเล่าเสียงอ้อมแอ้ม ไม่กล้าสบตากับมารดา ก่อนที่นางจะหันขวับไปมองหน้าลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

“แล้วเราล่ะยัยรส คิดยังไงถึงได้อยากรู้อยากเห็นกับไอ้เรื่องแบบนี้นัก ไหนบอกแม่มาสิ” ผู้เป็นแม่หันมาเอ็ดให้กับแม่ลูกสาวตัวดีเข้าอีกคน

“ก็...ก็รสอยากเห็นนี่คะ ก็อย่างที่พี่ยุทธบอกนั่นแหละค่ะ แรกๆ ก็เล่นได้ แถมได้เยอะด้วยค่ะ แต่พอเสียแล้วก็อยากได้คืนน่ะค่ะ แต่สุดท้ายก็เป็นแบบที่พี่ยุทธเล่าให้คุณแม่ฟังนั่นแหละค่ะ คุณแม่ต้องช่วยรสกับพี่ยุทธนะคะ ถ้าไม่เอาเงินไปใช้ให้เขาละก็ รสก็ต้องไปเป็นนางบำเรอของเจ้าหนี้พี่ยุทธแน่ๆ เลยค่ะ”

พูดจบก็รีบก้มหน้าหลบสายตาเหมือนกับผู้เป็นพี่ทันที ก่อนที่ทั้งสองจะได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ออกมา

“เฮ้อ

!

พวกแกสองคนพี่น้องนี่ละน้า แล้วพวกแกติดหนี้บ่อนอยู่เท่าไหร่ล่ะ”

ในที่สุดนางผกากรองก็เอ่ยถามถึงยอดหนี้ที่จะต้องชำระแทนให้ลูกๆ ของนางออกมา

“10 ล้านครับ / 10 ล้านค่ะ”

“10 ล้าน

!!!”

นางผกากรองอุทานเสียงดังลั่น

“เล่นบ้าเล่นบออะไรกันนี่ พวกแกถึงได้เป็นหนี้ตั้งมากมายซะขนาดนี้น่ะห๊ะ

!”

แต่ถ้าคุณแม่ไม่ช่วยละก็รสต้องไปเป็นนางบำเรอเขาแน่ๆ นะคะ” โชติรสโวยวายขึ้นมาทันที

“คุณแม่ครับช่วยพวกเราสักครั้งเถอะนะครับ แค่คุณแม่เซ็นเช็คแกร็กเดียวพวกเราก็ไม่เป็นหนี้พวกบ่อนนั่นแล้ว” พีรยุทธเสริมอีกแรง

“หยุดเลยนะตายุทธ แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมาออกความเห็นเรื่องนี้ ดีนะที่ฉันไม่ได้ให้อำนาจในการเบิกจ่ายเงินมากกว่าห้าล้าน นี่ถ้าแกสามารถเบิกจ่ายเป็นสิบๆ ล้านได้ฉันคงไม่มีโอกาสได้รู้แน่ๆ ว่าแกเอาเงินของฉันไปถลุงในบ่อนนั่นไปเท่าไหร่แล้ว”

นางผกากรองไม่วายพูดอย่างมีอารมณ์ ก่อนจะนั่งนิ่งเงียบอย่างคนใช้ความคิด สักพักจึงเอ่ยถามพีรยุทธขึ้นมา

“ทางนั้นเขาบอกกับแกมาว่ายังไงถ้าหากว่าแกไม่มีเงินไปใช้หนี้พวกมันน่ะ”

นางผกากรองซักถามข้อมูลเพิ่มอย่างอยากรู้

“พวกมันบอกว่าถ้าไม่มีเงินไปใช้หนี้มันก็ให้เอาน้องสาวไปใช้หนี้แทนครับคุณแม่”

“ตายุทธ แกได้บอกชื่อยัยรสให้กับพวกมันรู้หรือเปล่า”

“เปล่าครับ คนที่รู้ชื่อยัยรสก็มีแต่หุ้นส่วนของผมคนเดียว และตอนนี้เขาก็บินกลับฮ่องกงไปแล้วด้วย”

นางผกากรองผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด ก่อนจะหลับตาลงอยู่อย่างนั้นเป็นครู่ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดที่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

พวกมันบอกว่าถ้าไม่มีเงินไปใช้หนี้ก็ให้เอาน้องสาวไปใช้หนี้แทนใช่ไหม มันพูดอย่างนี้แน่นะตายุทธ

“ไม่นะคะคุณแม่ รสไม่ไปเป็นนางบำเรอให้กับไอ้เจ้าของบ่อนนั่นหรอกนะคะ ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาจะเป็นยังไง แก่หรือว่าหนุ่มก็ไม่รู้ แต่รสว่ามันน่าจะแก่แล้วแน่ๆ เลย หรือไม่ก็อ้วนลงพุงหัวล้าน แค่คิดรสก็อยากจะอ้วกแล้ว ไม่เอาหรอกค่ะ รสไม่ไป รสไม่ยอม

!

ไม่ยอม

!!”

โชติรสร้องโวยวายขึ้นมาทันทีที่ได้ยินมารดาถามย้ำเรื่องจะเอาน้องสาวไปใช้หนี้แทน ก่อนที่นางผกากรองจะรีบปรามให้ลดเสียงลงอย่างหงุดหงิดในกิริยาของลูกสาวที่แสดงออกมา

หยุดร้องโวยวายสักทีเถอะน่ายัยรส แม่รำคาญ แล้วแม่จะบอกให้รู้นะว่าแม่จะไม่ยอมให้ลูกของแม่ต้องไปใช้หนี้ไอ้บ่อนบ้านี่ด้วย แม่จะส่งนังลูกสาวนอกไส้ที่เป็นเหมือนหอกแหลมทิ่มแทงแม่อยู่ทุกวันไปแทนแกต่างหากล่ะ”

รอยยิ้มฉายแววมาดร้ายพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งเครียดของหญิงสูงวัยทันที

“คุณแม่อย่าบอกนะครับว่าจะให้ยัยแพรไปแทนยัยรสน่ะ

!!

ไม่ได้

!

ไม่ได้นะครับ”

พีรยุทธเอ่ยห้ามน้ำเสียงร้อนรน นึกถึงใบหน้าสวยหวานของคนที่มารดาพูดถึงก็ยิ่งให้นึกเสียดายหากจะต้องตกไปเป็นนางบำเรอของคนอื่นก่อนตน

“หยุด

!

หยุดเลยตายุทธ

!

แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมาห้ามแม่ แกจะเห็นคนอื่นดีกว่าน้องของตัวเองได้ยังไง ในเมื่อโอกาสมันมาให้คว้าอยู่ตรงหน้าแล้วทำไมฉันถึงจะต้องปล่อยมันไปด้วยล่ะ”

นางผกากรองไม่คิดที่จะสนใจกับคำพูดของลูกชายแม้แต่น้อย

“อย่าทำแบบนี้เลยครับคุณแม่ เงินทองเราเองก็มีมากมาย เพียงแค่คุณแม่เซ็นเช็คให้เท่านั้น ยังไงยัยแพรก็เป็นลูกคุณพ่อคนหนึ่ง เป็นน้องของเราสองคน อีกอย่างยัยแพรก็เรียนอยู่เลย คุณแม่อย่าส่งแพรไปเลยครับ เซ็นเช็คเถอะนะครับคุณแม่ ผมขอร้อง”

พีรยุทธอ้อนวอนกับผู้เป็นแม่ให้ยอมเปลี่ยนใจ แต่แล้วเสียงแปร๊ดของโชติรสก็ดังขัดขึ้นในทันที

“คุณแม่ขาอย่าไปฟังพี่ยุทธค่ะ เอาตามที่คุณแม่บอกนั่นแหละดีแล้ว รสเห็นด้วย รสเกลียดมัน มันไม่ใช่น้องสาวของรส ที่คุณพ่อให้มันใช้นามสกุลร่วมกันกับพวกเรามันก็มากเกินพอแล้ว พี่ยุทธไม่ต้องมากล่อมคุณแม่เลยนะ ตัวเองน่ะไม่อยากให้คุณแม่ยกมันไปล้างหนี้ให้ก็เพราะอยากจะเก็บมันเอาไว้บำเรอตัวเองใช่ไหมล่ะ”

“นี่ยัยรส...”

พีรยุทธเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็มีอันต้องค้างคำพูดไว้เพียงเท่านั้นเมื่อนางผกากรองเอ่ยห้ามออกมาเสียงดัง

“หยุด

!

หยุดกันทั้งคู่นั่นแหละ แกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นตายุทธ แกจะเอาใครมากกมากอดก็ได้ทั้งนั้นแม่จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่สำหรับนังเนื้อแพรคนนี้แม่ไม่ยอมเด็ดขาด และแม่ก็ตัดสินใจแล้วด้วย แต่ถ้าหากแกไม่เห็นด้วยกับแม่แกก็ไปหาเงินมาใช้หนี้บ่อนที่แกไปเล่นเองก็ได้นะ เพราะยังไงแม่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะส่งยัยแพรมันไปแทนยัยรส”

พูดจบนางก็เดินออกไปจากห้องรับแขกทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่โล่งอกและประกายตาที่สาสมใจเมื่อนึกถึงนังลูกเมียน้อย ทีนี้แหละนางจะได้กำจัดเสี้ยนที่มันคอยทิ่มคอยแทงหัวใจของนางออกไปได้เสียที

นังเนื้อแพร 

!! 

หญิงสูงวัยที่นั่งอยู่บนโซฟาเนื้อดี ปรายตามองหญิงสาวร่างบอบบางที่ค่อยๆ คลานเข้ามาหาอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบหากแฝงความเกลียดชังเอาไว้

มาแล้วเหรอ...ยัยแพร

ค่ะ...คุณท่าน คุณท่านมีอะไรจะให้แพรรับใช้หรือคะ...

เนื้อแพรเอ่ยถามเสียงหวาน ดวงตากลมโตสวยหวานเปล่งประกายสดใส

หญิงสาววัย 21 ปี รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก เพราะนับครั้งได้ที่คุณท่านจะเรียกหาให้มาพบ ถ้าหากไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วละก็น้อยครั้งนักที่เนื้อแพรจะมีโอกาสได้เข้ามาพบกับท่าน หญิงสาวนั้นเจียมตัวอยู่เสมอ เพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นเป็นลูกเมียน้อย มารดาเสียไปตั้งแต่หญิงสาวยังเล็กๆ จนบิดาต้องพามาอยู่ที่ตระกูลทวีขจรไพศาล และมีชื่นจิต กับพี่ๆ ที่เป็นคนรับใช้ภายในบ้านคอยช่วยเลี้ยงและดูแลหญิงสาวมาโดยตลอด

เนื้อแพรจึงกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในเรื่องงานบ้านงานครัวของตระกูลทวีขจรไพศาลเป็นอย่างดี

และครั้งนี้ก็เช่นกัน คุณท่านเรียกพบเธอ แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญที่จะพูดด้วยอย่างแน่นอน

หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เราสอบได้ทุนของมหาวิทยาลัย คุณท่านอาจจะทราบเรื่องแล้วก็เลยเรียกเรามาคุยด้วยเรื่องนี้ก็ได้

เนื้อแพรคิด

ในขณะที่หญิงสาวเงยมองหน้านางผกากรองอยู่นั่น นางเองก็ทอดสายตาสบกับดวงตาของหญิงสาวเช่นกัน

เชอะ...ยิ่งโตมันก็ยิ่งสวย หน้าแม่มันสวยขนาดนี้นี่เองคุณยุทธนาถึงหลงมันซะหัวปักหัวปำ ขนาดว่ามันตายไปแล้วยังไม่ยอมหมดรักในตัวมันเลย

นางผกากรองคิดในใจ พลางนึกไปถึงเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา

เมื่อตอนที่คุณยุทธนาอุตส่าห์มาขอร้องนางให้ยอมรับนังเนื้อแพรให้มาเป็นลูกอีกคนหนึ่ง เพราะความรักที่มีต่อคุณยุทธนา นางผกากรองถึงยอมทำตามคำขอร้องของเขา ซึ่งนางบอกกับตัวเองว่านางคิดผิด เพราะตั้งแต่ที่สามีนำลูกที่เกิดจากเมียน้อยเข้ามาอยู่ในบ้านทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

คุณยุทธนาผู้เป็นประมุขของบ้านนั้นเปลี่ยนไป ความรักทุกอย่างที่เคยมีให้พีรยุทธกับโชติรสนั้นก็ถูกแบ่งปันไปให้กับนังเด็กคนนี้ แม้ขนาดก่อนจะสิ้นใจคุณยุทธนาก็ไม่วายฝากฝังนังเด็กคนนี้ให้นางช่วยดูแลจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะและได้รับมรดกในส่วนที่ผู้เป็นพ่อได้ทำให้ไว้ ยิ่งคิดมาถึงตรงนี้นางผกากรองก็ยิ่งแค้น

อย่าฝันว่าแกจะได้สมบัตินังเนื้อแพร ถ้าวิญญาณคุณยังอยู่ละก็จงดูไว้ซะ ว่าฉันจะแก้แค้นนังลูกเมียน้อยของคุณคนนี้ยังไง คุณยุทธนา

!’

ใช่...ฉันมีงานจะให้หล่อนทำ”

งานอะไรหรือคะ...คุณท่าน

?”

ฉันจะให้หล่อนไปทำงานใช้หนี้แทนตายุทธกับยัยรส แต่หล่อนไม่ต้องกลัวไปหรอกนะว่ามันจะเป็นงานหนัก เพราะที่ให้ไปทำน่ะมันงานสบาย เตรียมตัวไว้ก็แล้วกัน

“ทำงานใช้หนี้แทนคุณยุทธกับคุณรส ไปทำที่ไหนหรือคะคุณท่าน”

เนื้อแพรเอ่ยถามเสียงสั่น ใจหายวาบกับคำพูดบอกเล่าของอีกฝ่าย

จะรู้ไปทำไม หรือว่าหล่อนจะไม่ไปทำตามที่ฉันสั่ง

นางผกากรองเอ่ยเสียงดุ ดวงตาถลึงจ้องเขม็งขึ้นมาทันที จนเนื้อแพรต้องรีบหลบตา ร่างบอบบางสั่นน้อยๆ อย่างตื่นตระหนกไปกับเสียงของคุณท่าน

“ปะ...เปล่าค่ะ เพียงแต่ว่าอาทิตย์หน้านี้ทางมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วน่ะค่ะ พอดีว่าแพรสอบชิงทุนของมหาวิทยาลัยได้ แพรก็เลยอยากจะรู้ว่าเป็นวันไหน” เนื้อแพรเอ่ยบอกตามความจริง

“หล่อนน่ะเหรอสอบชิงทุนของมหาวิทยาลัยได้”

นางผกากรองเอ่ยเสียงเยาะอย่างไม่อยากเชื่อ

“หล่อนน่ะเหรอสอบชิงทุนได้” นางผกากรองไม่วายถาม

“ค่ะ คุณท่าน แพรสอบชิงทุนได้ค่ะ จะได้ไม่รบกวนค่าใช้จ่ายและลดรายจ่ายของแพรในปีสุดท้ายลงด้วยค่ะ”

เนื้อแพรเอ่ยอย่างภูมิใจ แต่ก็ต้องน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมา เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากของคนที่ตนนับถือ

“ถึงหล่อนจะสอบชิงทุนได้ หล่อนก็คงจะไม่ได้ไปเรียนหรอกนะ เพราะหล่อนจะต้องไปทำงานใช้หนี้ตายุทธกับยัยรสแทนฉันเสียก่อน เข้าใจไหม

!

นางผกากรองประกาศออกมาเสียงดังสนั่น

“คุณท่าน

!!”

“หล่อนไม่ต้องมาเรียกฉัน ฉันสั่งอะไรหล่อนก็จะต้องทำสิ”

นางผกากรองพูดใส่อารมณ์ มองเหยียดหญิงสาวที่นั่งตัวสั่น มือบางบีบเน้นไปมาอย่างหวาดกลัวในน้ำเสียงของผู้พูด

“คุณท่านคะ แต่แพรเป็นลูก...”

“หยุด

!

หล่อนอย่ามาเอ่ยอ้างคำนี้นะ เพราะคำที่หล่อนกำลังจะพูดออกมามันทำร้ายฉัน มันทิ่มแทงฉัน ถ้าหากว่าหล่อนไม่ทำฉันจะถือว่าหล่อนเนรคุณ ข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันใช้เลี้ยงหล่อนมามันไม่มียาง ฉันเลี้ยงดูหล่อนมา ฉันเคยไหว้วานให้หล่อนทำอะไรเพื่อฉันบ้างหรือเปล่า ก็ไม่มี หล่อนน่ะมีแต่ได้รับจากฉันอยู่ฝ่ายเดียว และสิ่งที่ฉันจะให้หล่อนทำในครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวด้วย หล่อนยังกล้าที่จะปฏิเสธงานที่ฉันจะให้ทำอีกเหรอห๊ะ”

นางผกากรองเอ่ยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดก่อนจะหันหลังให้หญิงสาวทันทีเพื่อกลั้นอารมณ์โกรธ

เนื้อแพรก้มหน้านิ่งพร้อมกับน้ำตาเม็ดใสที่ไหลรินออกมา เมื่อรู้แน่แล้วว่าคงไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของนางผกากรองได้เป็นแน่ มือเรียวบางป้ายปาดน้ำตาออกจากแก้มนวล ก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่คุณท่านต้องการ นั่นเพราะเนื้อแพรรักผกากรองเหมือนแม่แท้ๆ แม้ว่าคุณท่านของเนื้อแพรจะไม่เคยรักเธอเหมือนลูกเลยก็ตาม

“คุณท่านคะ แพรจะไปทำงานใช้หนี้คุณยุทธกับคุณรสแทนคุณท่านค่ะ” หญิงสาวเอ่ยออกไปในที่สุด

นางผกากรองหันกลับมามองหญิงสาวที่นั่งเช็ดน้ำตาอยู่เงียบๆ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาอย่างสาสมใจ ระดับความร้อนแรงของอารมณ์ลดลงมาเกือบครึ่ง ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้ดูเหมือนพึงพอใจและโอบอ้อมอารีต่อหญิงสาวยิ่งนัก แต่ทั้งหมดนั้นก็คือการเสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น

“ฉันขอบใจหล่อนมากนะที่ยอมช่วยเหลือตายุทธกับยัยรสและฉัน”

“แพรขอทราบได้ไหมคะว่าแพรจะต้องไปทำงานอะไรให้คุณท่านน่ะค่ะ”

“หึหึ ได้สิ ถ้าหล่อนอยากรู้ฉันก็จะบอก งานที่ฉันจะให้หล่อนไปทำน่ะมันก็ไม่ได้หนักได้หนาอะไรนักหรอกนะ ก็แค่ไปเป็นเมียหรือนางบำเรอใช้หนี้เขาก็เท่านั้น หรือหล่อนจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่หล่อนเถอะ แต่ว่ารู้แล้วก็อย่าเปลี่ยนใจไม่ยอมไปล่ะ”

นางผกากรองรีบเอ่ยขึ้นทันที นางกลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเปลี่ยนใจ

เนื้อแพรเองเมื่อรู้ถึงงานที่จะต้องไปทำใช้หนี้แทนพี่ชายและพี่สาวก็ตกใจอยู่มิใช่น้อย ใบหน้าสวยหวานซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหลับตาลงอย่างตั้งสติ แล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่หรอกค่ะคุณท่าน แพรรับปากแล้วแพรไม่กลับคำหรอกค่ะ แล้วแพรจะต้องทำงานใช้หนี้เขานานเท่าไหร่ล่ะคะถึงจะหมดหนี้”

หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบ หากแต่น้ำตานั้นไหลท่วมท้นหัวใจหญิงสาวยิ่งนักกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของคนที่เธอเคารพนับถือ

“หล่อนก็คิดดูสิว่าเงินสิบล้านน่ะจะใช้หนี้กันนานขนาดไหนดีถึงจะหมดน่ะ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะ ก็คงแล้วแต่เจ้าหนี้รายนี้แหละว่าจะให้หล่อนอยู่ใช้หนี้เขานานเท่าไหร่ รู้แค่นี้ก็คงจะพอนะ หล่อนรีบๆ กลับไปในที่ของหล่อนได้แล้ว แล้วก็เตรียมตัวไว้ด้วยนะ ถ้าเขามารับเมื่อไหร่จะได้เดินทางไปได้เลย”

“ค่ะคุณท่าน”

หญิงสาวตอบรับเสียงแผ่ว ยอดหนี้ที่ได้ยินจากปากของคุณท่านมันช่างมากมายเสียเหลือเกิน แล้วนี่เธอมิต้องใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้คนนี้กันทั้งชีวิตหรอกหรือนี่ ก่อนจะค่อยๆ คลานออกไปจากห้องอย่างคนหมดแรง โดยมีสายตาชิงชังของนางผกากรองมองตามไปด้วย

“ฮือๆๆๆ”

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ดังออกมาเป็นระยะๆ นั้นบ่งบอกถึงความเสียใจของคนร้องได้เป็นอย่างดี สองสาวต่างวัยที่ฝ่ายหนึ่งเป็นคนร้อง อีกฝ่ายเป็นคนปลอบและเป็นอยู่อย่างนั้นได้พักใหญ่ หญิงวัยกลางคนยกมือข้างหนึ่งลูบเรือนผมนุ่มสลวยของหญิงสาวที่ยังเอนซบอกร้องไห้อยู่อย่างนั้นอย่างแผ่วเบา

ชื่นจิตกอดร่างบอบบางเอาไว้แน่น ตั้งแต่ที่เห็นหญิงสาววิ่งร้องไห้เข้ามาในครัว ก่อนจะเค้นถามอยู่นานกว่าเนื้อแพรจะยอมเอ่ยบอกเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เธอต้องร้องไห้ออกมาไม่หยุดอยู่แบบนี้

“คุณแพรของน้า...โธ่ แม่คุณของน้า เคราะห์กรรมอะไรนักหนานะถึงได้ต้องมาเจอะมาเจอกับคนแบบนี้”

“น้าชื่นอย่าพูดแบบนี้สิคะ”

เนื้อแพรพูดบอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากอกที่เอนซบอยู่ในขณะนี้ หญิงสาวเห็นดวงตาของชื่นจิตที่มองสบมานั้นแดงก่ำจึงพูดต่อออกมาว่า

เดี๋ยวคุณท่านมาได้ยินเข้าน้าชื่นจะเดือดร้อนเอาได้

ได้ยินก็ได้ยินสิคะ ดีซะอีก น้าจะได้ลาออกไปให้มันพ้นๆ จากที่นี่ซะที ในเมื่อไม่มีคุณหนูอยู่ที่นี่แล้วน้าก็ไม่อยากอยู่เหมือนกันแหละค่ะ” ชื่นจิตพูดบอกน้ำเสียงเอาเรื่อง

“อย่าเลยค่ะ แพรขอเถอะนะคะ”

หญิงสาวเอ่ยเสียงสะอื้น และนั่นก็ทำให้ชื่นจิตต้องหยุดอารมณ์โกรธเอาไว้ ก่อนจะคว้าเอาร่างบางของหญิงสาวที่รักเหมือนลูกเข้ามากอดไว้อีกครั้ง

“ทำไมคุณผู้หญิงถึงทำอย่างนี้นะ เงินทองก็ออกจะมีมากมาย ใช้ไปถึงชาติหน้าก็ไม่หมด แล้วทำไมจะต้องให้คุณหนูของชื่นไปใช้หนี้ด้วยวิธีแบบนี้ด้วย ชื่นไม่เข้าใจเลยจริงๆ แล้วนี่คุณหนูจะต้องไปเมื่อไหร่ล่ะคะเนี่ย แล้วไหนจะเรื่องเรียนอีกล่ะจะทำยังไง”

ชื่นจิตไม่วายห่วงกังวลเรื่องเรียนของหญิงสาว

ยังไม่รู้เหมือนกันเลยค่ะ คุณท่านบอกแต่เพียงว่าให้เตรียมตัวเอาไว้เท่านั้น แต่ยังไงแพรก็คงจะต้องไปขอดร็อปเรียนจากทางมหาวิทยาลัยให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วก็ยังเรื่องทุนที่ได้อีก คงต้องสละสิทธิ์ให้กับคนอื่นเขาไปแทน”

“โธ่...คุณหนูขา ไม่น่าเลย น้าชื่นขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองคุณหนูของชื่นด้วยนะคะ ขอให้คนที่มันคิดร้ายกับคุณหนูมันต้องแพ้ภัยไปเอง ขอให้เจ้าบ่าวของคุณหนูเป็นคนใจดีมีเมตตานะคะ”

พูดไปน้ำตาก็ไหลรินไม่ขาดสาย

“เจ้าบ่าวที่ไหนกันล่ะน้าชื่น คุณท่านให้แพรไปเป็นเมีย เอ่อ...อย่าพูดว่าเมียเลย ไปเป็นนางบำเรอใช้หนี้เขาต่างหาก ใครที่ไหนเขาจะมาแต่งงานกับเรา ยกย่องเราให้เป็นเจ้าสาวล่ะ”

พูดจบน้ำตาเม็ดใสก็ร่วงเผาะลงมาใส่มือของชื่นจิต ที่กอบกุมมือเรียวเอาไว้อย่างให้กำลังใจก็ยิ่งบีบกระชับแรงยิ่งขึ้นไปอีก

“ไม่รู้ว่าน้าจะมีโอกาสได้เจอกับคุณหนูอีกไหม คุณท่านได้บอกระยะเวลาหรือเปล่าคะ”

ชื่นจิตเอ่ยถามออกมาเสียงสั่นเครือ ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าให้รู้ พร้อมกับใบหน้าเศร้าๆ ของหญิงสาวที่ยังคงมีหยาดน้ำตาไหลซึมออกมาอยู่ตลอดเวลา

“กี่วันคะคุณหนู”

“ไม่มีกำหนดค่ะ”

“ไม่มีกำหนด

!”

เสียงชื่นจิตร้องออกมาจนเกือบจะเป็นตะโกน แล้วพูดต่ออีกว่า

“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะคุณหนู ถึงจะไปใช้หนี้เขายังไงก็ต้องมีระยะเวลากำหนดค่ะ”

“จำนวนหนี้มันสูงค่ะ อาจจะต้องใช้ทั้งชีวิตเลยก็ได้”

เนื้อแพรพูดเสียงเศร้า เมื่อนึกถึงจำนวนหนี้ที่จะต้องไปชดใช้ให้กับเจ้าหนี้ของคุณท่านรายนี้

“ทั้งชีวิตเลยหรือคะ มันสูงถึงขนาดนั้นเลยหรือคะคุณหนู แล้วเรื่องเรียนจะทำยังไงล่ะคะ” ชื่นจิตยังไม่วายซัก

“ก็...10 ล้านน่ะค่ะน้าชื่น เรื่องเรียนเดี๋ยวค่อยคิดหาวิธีทีหลัง ตอนนี้แพรเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันค่ะ”

“10 ล้าน

!!!”

ชื่นจิตอุทานดังลั่น จนเนื้อแพรต้องรีบยกมือขึ้นมาอุดปากของชื่นจิตเอาไว้แทบไม่ทัน

“น้าชื่นอย่าเสียงดังไปสิคะ แพรไม่อยากให้ใครรู้”

“โธ่

!

คุณหนูของชื่น”

พูดจบชื่นจิตก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ทำเอาเนื้อแพรน้ำตาไหลตามออกมาเช่นกัน ชื่นจิตเห็นหญิงสาวร้องไห้ตามก็รีบป้ายเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนยกมือขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ไหลรินรดแก้มนวลของหญิงสาวตรงหน้าออกอย่างเบามือ

“คุณหนูอย่าร้องนะคะ คุณหนูต้องเข้มแข็งนะคะ น้าชื่นขอโทษค่ะที่ร้องไห้ออกมาแบบนี้ทำให้คุณหนูต้องร้องไห้ตาม อย่าร้องเลยนะคะคนดีของน้าชื่น”

“น้าชื่นเองก็เหมือนกันนะคะ อย่าร้องนะคะ ถือซะว่ามันเป็นชะตากรรมของแพรที่ถูกลิขิตมาให้ต้องชดใช้ให้กับคุณท่านก็แล้วกันค่ะ และแพรจะถือด้วยว่าแพรได้ชดใช้หนี้ของแม่ที่มีต่อคุณท่านไปแล้วด้วย”

พูดจบเนื้อแพรก็ไม่อาจห้ามน้ำตาของตัวเองได้ จึงได้แต่ปล่อยให้มันไหลรินออกมาอยู่อย่างนั้น โดยมีชื่นจิตร่วมร้องไห้เป็นเพื่อนอยู่ด้วย ต่างฝ่ายต่างปลอบใจกันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ชื่นจิตจะเป็นฝ่ายที่หยุดร้องก่อนหญิงสาว เพราะไม่อยากให้เนื้อแพรรู้สึกหดหู่และเศร้าโศกต่อโชคชะตาของตัวเองไปมากกว่านี้

“หยุดร้องเถอะค่ะคุณหนูของชื่น ร้องมากเดี๋ยวตาบวมนะคะ”

พลางเอื้อมมือมาลูบที่แผ่นหลังบางเบาๆ เป็นการปลอบ

“ไปค่ะ เดี๋ยวชื่นจะช่วยคุณหนูเก็บของเองนะคะ เอาของสำคัญๆ ไปให้หมดเลยค่ะ อย่าเก็บเอาไว้ เอาติดตัวไปด้วยนะคะ”

“ค่ะ น้าชื่น”

เนื้อแพรรับคำเสียงแผ่ว ก่อนพากันลุกเดินไปยังห้องของหญิงสาวเพื่อเก็บของใช้จำเป็นในการเดินทาง

สองวันต่อมา 

หญิงสาวในวัยที่สดใสแต่เวลานี้หัวใจกลับไม่สดสวย หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนักกับเวลานี้ ที่เจ้าหนี้ของคุณท่านกำลังจะมารับตัวเธอไปในอีกไม่ช้านี้แล้ว

เนื้อแพรถูกบังคับให้แต่งกายด้วยชุดใหม่ที่ดูดีและสมฐานะลูกสาวของคุณผกากรอง ทวีขจรไพศาล หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสผ้าชีฟองสีชมพูอ่อน ซึ่งเป็นชุดที่คุณผกากรองซื้อให้กับหญิงสาวเป็นครั้งแรก และมันอาจทำให้เนื้อแพรดีใจก็เป็นได้หากว่าเธอจะได้รับมันในโอกาสอื่นที่ไม่ใช่โอกาสนี้...เพราะการรับในครั้งนี้มันหมายถึงการที่เธอจะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้นั่นเอง

ยิ่งคิดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่แล้วก็ไหลรินอาบแก้มนวลขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ชื่นจิตจะเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงสวนหย่อมข้างบ้านเงียบๆ

“คุณหนูขา”

ชื่นจิตพูดเสียงแผ่ว หากแต่ภายในใจนั้นเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนัก ลูกสาวของคุณผู้ชายที่ตนเองเคารพรักและรับปากว่าจะดูแลให้ดีที่สุดนั้น บัดนี้ชื่นจิตไม่สามารถทำตามที่เคยให้สัญญาเอาไว้ได้ คุณหนูคนสวยของนางถูกคนที่มีอำนาจมากที่สุดของบ้านหลังนี้ใช้วิธีสกปรกที่สุดบังคับให้ต้องรับใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อให้กับเจ้าหนี้ ก่อนเอื้อมมือลูบเรือนผมนุ่มสลวยนั้นอย่างเบามือ เนื้อแพรมองสบดวงตาแดงก่ำของชื่นจิตก่อนจะโอบเอวของคนที่เปรียบเสมือนมารดาเอาไว้แน่น

“ทำไมคุณหนูถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะคะ”

“คุณท่านสั่งให้มารออยู่ที่นี่ค่ะ บอกว่าถ้าเจ้าหนี้มารับก็ให้ไปกับเขาได้เลย ไม่จำเป็นต้องพาเข้าไปในบ้านน่ะค่ะ” หญิงสาวพูดเสียงสั่นเครือ

“คุณผู้หญิงทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วยนะ ทั้งๆ ที่คุณหนูยอมไปใช้หนี้แทนคุณยุทธกับคุณรสให้ ความเมตตาสักนิดก็ไม่มี จิตใจทำด้วยอะไรกันเนี่ย”

ชื่นจิตพูดอย่างมีอารมณ์ นึกขุ่นเคืองกับการกระทำของนางผกากรองยิ่งนัก

“น้าชื่นอย่าพูดดังไปสิคะ ถือซะว่าการใช้หนี้ของแพรให้กับคุณท่านในครั้งนี้เป็นการชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่แพรกับแม่ของแพรทำไว้กับคุณท่านก็แล้วกันค่ะ เพราะหลังจากวันนี้ไปแพรจะไม่เป็นหนี้อะไรกับคุณท่านอีกแล้ว”

“คุณหนูขา คุณหนูไม่ได้เป็นหนี้อะไรคุณผู้หญิงเลยนะคะ คุณหนูบริสุทธิ์ คุณหนูของน้าชื่นไม่ได้มีความผิดอะไรเลยสักนิด คนที่ผิดน่ะคือคุณผู้หญิงต่างหากค่ะ”

“แพรผิดค่ะน้าชื่น แพรผิด แม่ผิด คุณพ่อผิด...ผิดที่ทำให้คุณท่านต้องเจ็บช้ำน้ำใจจนถึงทุกวันนี้”

พูดจบน้ำตาเม็ดใสก็ไหลรินกระทบแก้มนวลทันที และนั่นก็ทำให้ชื่นจิตไม่อาจที่จะพูดอะไรออกมาได้อีก เพราะมันคือความจริงที่สุดในสิ่งที่หญิงสาวพูดออกมา แต่ถึงจะจริง ความผิดนั้นก็ไม่น่าที่จะต้องมาตกอยู่ที่คุณหนูแพรของตนให้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเลยสักนิด

ในระหว่างนั้นได้มีรถเบนซ์สีดำแล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูรั้วของบ้าน แล้วบีบแตรเสียงดังเป็นสัญญาณ

ปี๊น ปี๊น

“เสียงแตรรถ ไม่ใช่รถที่จะมารับคุณหนูมาแล้วหรือคะ น้าชื่นขอตัวไปดูก่อนนะคะ”

ชื่นจิตพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้นที่หน้ารั้วบ้าน

“ค่ะน้าชื่น”

หญิงสาวตอบรับเสียงแผ่ว ก่อนที่ชื่นจิตจะเดินไปที่รั้วบ้านเพื่อสอบถามในทันที ก่อนชายฉกรรจ์สองคนในชุดดำจะลงมาจากรถ และพูดขึ้นทันทีที่เห็นมีคนเดินมาที่ประตูรั้วบ้าน

“พวกเรามารับน้องสาวของคุณพีรยุทธ”

“รอสักครู่ค่ะ”

ชื่นจิตรับคำอย่างเกรงๆ ทีแรกว่าจะเข้าไปซักถามข้อมูลสักหน่อย แต่เอาเข้าจริงกลับไม่กล้า ก่อนบ่นอุบอิบเสียงเบาว่า

“คนอะไรกัน หน้าตาน่ากลัว ท่าทางไม่เป็นมิตรเลยสักนิด” แล้วรีบสาวเท้าเข้าไปหาเนื้อแพรที่ยืนเตรียมพออยู่แล้วตรงหน้า

“คนที่จะมารับแพรใช่ไหมคะน้าชื่น”

“ค่ะ คุณหนู สองคนนั่นหน้าตาน่ากลัวจังค่ะ”

“คงไม่มีอะไรที่จะน่ากลัวไปกว่านี้แล้วล่ะค่ะ”

พูดจบเนื้อแพรก็เดินนำออกไปทันที ชื่นจิตรีบยกกระเป๋าเดินทางใบเล็กของหญิงสาวตามไปติดๆ

เนื้อแพรกวาดตามองใบหน้าที่สวมแว่นกันแดดปกปิดดวงตาของชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนรออยู่อย่างหวาดๆ ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของทั้งสองยิ่งทำให้หญิงสาวหวาดกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าของชายชุดดำทั้งสอง

“คุณหนูมาแล้วค่ะ” ชื่นจิตเป็นฝ่ายพูดขึ้นทันทีที่เดินมาถึงประตูรั้ว

“เชิญครับ”

หนึ่งในสองชายชุดดำพูดขึ้น แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นฟังดูแข็งกระด้างยิ่งนัก

“ฉะ...ฉันขอถามอะไรพวกคุณก่อนขึ้นรถได้ไหม”

“ไม่ได้ คุณจะถามอะไรพวกเราก็ให้ถามในรถ เพราะเราต้องเดินทางกันอีกไกล ถ้าช้ามันจะทำให้เราไปถึงที่เกาะมืด มันจะเป็นอันตราย”

ชายชุดดำอีกคนปฏิเสธการตอบคำถามของเนื้อแพร ก่อนจะรีบดันร่างบอบบางของหญิงสาวเข้าไปในรถทันที

“ว้าย

!

เนื้อแพรหวีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนกด้วยไม่คิดว่าชายชุดดำจะกล้าทำกับเธอเช่นนี้

“นี่

!

พวกแกทำอะไรคุณหนูน่ะ ปล่อยคุณหนูเดี๋ยวนี้นะ”

ชื่นจิตเมื่อเห็นคุณหนูของตนหวีดร้องออกมาเช่นนั้นก็หมายที่จะเข้าไปช่วย ก่อนที่ชายชุดดำจะชี้นิ้วไปที่หน้าของชื่นจิตพร้อมกับเสียงคำรามลั่นออกมาสั่งให้หยุด ทำให้เนื้อแพรเองก็หยุดการดิ้นรนที่จะพาตัวเองออกมาจากรถเบนซ์สีดำคันนั้น

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ

!

อย่าเข้ามายุ่งเชียวนะ

!

และจำเอาไว้ด้วยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นทรัพย์สินของคุณอัศนี

!

ใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่งเด็ดขาด

!!”

พูดจบก็ก้าวขึ้นไปนั่งคู่กับหญิงสาวที่เบาะหลังและปิดประตูรถทันที พร้อมกับรถที่ขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนู

!

คุณหนูเนื้อแพร

!

ชื่นจิตได้แต่พร่ำร้องเรียกชื่อของคุณหนูที่ตนรักอยู่อย่างนั้น โดยหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีสายตาสองคู่ของนางผกากรองและโชติรสลูกสาวยืนมองดูผ่านทางหน้าต่างบริเวณห้องนั่งเล่นชั้นบนของตัวบ้านด้วยความสะใจ ที่สามารถกำจัดเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงหัวใจของตนออกไปพ้นๆ ได้สำเร็จ

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว