THE GRIMM: สาปร้ายเร้นรัก
เกริ่นเรื่อง....
บนดาดฟ้าใจกลางเมืองใหญ่ยามค่ำคืน เงาของใครบางคนยืนอยู่เคียงข้างกันมองออกไปเบื้องนอก อีกคนอยู่ในร่างมนุษย์ แต่กลับมีผมที่รูปร่างคล้ายอสรพิษเคลื่อนไหวไปมา ส่วนอีกร่างนั้น ใบหน้าว่างเปล่า ไร้ซึ่งอวัยวะใดๆ
ทำไมถึงอยากเป็นมนุษย์นัก
ผู้ไร้ซึ่งใบหน้าถามคนข้างๆ
“เพราะข้าไม่อยากเป็นอมนุษย์ครึ่งๆกลางๆแบบนี้ และที่สำคัญ ข้าไม่อยากทนดูคนที่ข้ารักสิ้นลมไปต่อหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าอยากตายบ้าง” ดวงตาสีเหลืองอร่ามจ้องมองร่างไร้ใบหน้าเขม็ง
การคิดอยากเป็นมนุษย์ ช่างเป็นความคิด...ที่โง่งมเสียจริง
มันพูดขึ้นก่อนปล่อยร่างกายตนให้ลอยละล่องไปตามสายลมท่ามกลางความมืดมิดบนฟากฟ้ากว้างใหญ่
โรงเรียนซึ่งมีอาคารหลากหลายสีท่ามกลางเมืองหลวง แบ่งโซนฝั่งซ้ายขวาเป็นแผนกประถมและมัธยม แต่ก็ยังมีบ่อยครั้งที่เด็กประถมจะแอบปีนรั้วมาจีบพี่มัธยม และพี่มัธยมปีนรั้วไปหาน้องประถม จนถูกทำโทษไปตามๆกัน บางคนที่ทำติดต่อกันก็ติดทันฑ์บน
บนทางเดินย่ำไปด้วยผืนซีเมนต์โดยเบื้องล่างพรมไปด้วยหญ้าสีเขียวขจี ลากยาวไปยังสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของแผนกประถม ในตอนเย็นพอสมควรทำให้สระว่ายน้ำเต็มไปด้วยเด็กเล็กและเด็กโต รวมทั้งผู้บุกรุกเพียงหนึ่งเดียว
ยูตะ
ชายหนุ่มผู้มีมานะพยายามปีนป่ายจนไปถึงห้องอาบน้ำประจำสระว่ายน้ำแผนกประถม
เป้าหมายสำคัญนั้นไม่ใช่การมาจีบรุ่นน้องแต่อย่างใด แต่มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น...
ทำไมกูต้องทำขนาดนี้ด้วยเนี้ย
มือที่ถือสมาร์ทโฟนเริ่มสั่นเทา ร่างบางปีนป่ายจนถึงสุดขอบผนังหนา สายตากลับต้องสะดุดเข้ากับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเปลือยกายอาบน้ำอยู่ห้องอาบน้ำอับแคบคับ มือหนาลูบไล้ไปทั่วทั้งศีรษะของตนเอง กลิ่นแชมพูลอยละล่องมาแตะจมูกร่างบางเต็มรัก
หอมจัง
เฮ้ยไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำเรื่องอย่างนี้
“หลิน เห็นไหม” เขากระซิบถามคนที่ถือสายรออยู่ ใบหน้าของคนผู้นั้นจากปลายสายยิ้มแฉ่ง
/เห็นชัดเลย หุ้ยเด็กสมัยนี้มันน่ากินสุดๆ/
“ชู่วว เบาๆหน่อยสิหลิน”
/จ้า จ้า/
แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อคนเบื้องล่างสบตากับยูตะพอดี ดวงตาสีมรกตอมทองเหมือนกำลังสะกดเขาให้อยู่ในภวังค์
แย่แล้วกู
เขาค่อยๆยกโทรศัพท์หนีแต่ก็พลาดท่าทำให้ตกหัวคะมำไปทางร่างสูง เหมือนโลกทั้งใบหมุนเคว้งคว้าง ดำมืด ดวงตาของร่างบางมองไม่เห็นสิ่งใด นอกจากเสียงพูดคุยกันและแรงดึงรั้งที่ ดึงแขนและขาของเขา ยูตะพยายามลืมตาแต่ไม่เป็นผลสิ่งที่กลับกลายเป็นเพียงสุญญากาศสีขาวโพลน
มาแล้ว
น้ำเสียงอันแหบพร่าดังขึ้น
เพื่อนใหม่
ออกมาสิ
มาอยู่กับเรา
ช่วยกันดึงเร็ว
ยูตะดิ้นทุรนทุราย บางอย่างหนักๆพยายามกดเปลือกตาของเขาให้หลับ แต่ยูตะขัดขืน เสียงร้องโหยหวนอย่างไม่พอใจดังลั่น ยูตะเองก็ไม่ยอมให้ถูกดึงไปที่ใดเช่นกัน
“นี่ โรคจิต ตื่นสิ โรคจิต” เสียงอีกเสียงดังเข้ามาในโสตประสาท ยูตะพยามเพ่งมองให้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าการได้ยินแค่เสียง
ไม่ใช่ยมทูต เจ้าของวิญญาณ
เราไม่ต้องกลัว
รีบดึงมันออกมา
เสียงหลายเสียงเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง ยูตะสั่นหัวระริก มือและแขนขาถูกดึงรั้งอย่างแรง เหมือนสายใยบางๆที่ต่อติดกับร่างกายเริ่มขาดสะบั้นไปทีละน้อย ทีละน้อย
“อึก” อยู่ๆดวงตาเขากลับปรากฏเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนขึ้น และมันชัดเจนมากที่สุดคงไม่พ้นใบหน้าของคนที่เขากำลังแอบถ่ายอยู่ใกล้เพียงคืบ
แถมริมฝีปากคนตรงหน้ายังบดจูบอยู่บนริมฝีปากของเขาแน่นขนัด ยูตะเกือบเคลิ้มไปถ้าไม่ติดว่าเบื้องรู้สึกถึงบางอย่างของคนตรงหน้าทิ่มแทงลงมา
“อึก...อื้อ อื้อ อื้อ” ร่างบางทุบเด็กหนุ่มให้ผละออกไปจากร่างของตน
“เฮ้ย อะไรเนี้ย จะมาจูบทำไม” เสียงยูตะร้องลั่นรีบเช็ดปากของตนอย่างแรง ก่อนจะลุกพรวดจนลื่นหกล้มทับร่างสูงอีกครั้ง ดวงตาเล็กเห็นนัยน์ตาสีมรกตของร่างสูงชัดเจนก็ชะงักไป
“คนที่ควรถามควรเป็นผมมากกว่านะ” เด็กหนุ่มหันไปทางโทรศัพท์ของยูตะที่ยังคงไลฟ์สดอยู่ แต่ใบหน้าของหลินได้หายไปจากจอเสียแล้ว
ไม่ใช่
ยังไม่ได้เอ่ย ร่างบางก็เลื่อนสายตาลงมาระหว่างขาที่ตนทับ พบว่ามันเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดๆปกปิด ทุกสิ่งทุกอย่างเปิดเผยอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน แถม....มันใหญ่กว่าของเขาอีก
นี่หรือเด็กประถม?