ยัยโซเชียล กับ หนุ่มโลว์เทค
“อาหารที่สั่งครบยังวะ”
“เดี๋ยวเช็คดูก่อน 1 2 3 4 5 ครบแล้ว”
“ครบแล้วใช่ปะ”
“ครบแล้ว”
“งั้นก็เหมือนเดิมเรา”
“จัดไป”
เมื่อทุกอย่างพร้อมทุกคนก็เตรียมทำพิธีกรรมอย่างที่เคยทำก่อนจะต้องร้องห้ามออกมาอย่างตกใจ
“เฮ้ย!! หยุดเลยนะยุนโฮกูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเพิ่งกินถ้ายังทำพิธีไม่เสร็จ”
“ก็คนมันหิวอ่ะ”
“แค่แป๊บเดี๋ยวมึงคงไม่หิวตายหรอกยุนโฮ”
“ก็แล้วทำไมเวลาจะกินอะไรจะต้องถ่ายรูปก่อนทุกทีล่ะ ถามจริงมีใครอยากรู้บ้าง”
“หนุ่มอนาล็อกโลว์เทคอย่างมึงไม่มีทางเข้าใจพวกดิจิตอลโซเชียลอย่างพวกกูหรอก” ซีวอนหนุ่มหล่อผู้เป็นที่กรี๊ดของบรรดาสาวๆ ทั้งหลายที่อยากจับจองเป็นเจ้าของพูดพร้อมยักไหล่น้อยๆ
ทั้งอนาล็อกทั้งโลว์เทคนี่เขาก็ไม่ได้อยู่ในยุคหินยุคพ่อแม่นะกูเกิลเขาก็รู้จักนะ ยุนโฮได้แต่บ่นอยู่ในใจ
“เมื่อไหร่ที่มึงเล่นโซเชียลเป็นนะมึงจะรู้ว่าความสนุกมันมีอยู่จริง และพวกข่าวสารต่างๆ มึงก็จะรู้ก่อนหนังสือพิมพ์กรอบเช้ากรอบบ่ายลงซะอีก” ทงเฮหนุ่มน้อยหน้าใสขี้เล่นพูดพร้อมตบไหล่ยุนโฮเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“ว่าแต่บ้านมึงน่ะทุกวันนี้อินเตอร์เน็ตเข้าถึงยัง? ล่าสุดกูเพิ่งเห็นเซเว่นเข้าถึงบ้านมึงนะ” ชางมินชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาดีแต่มีปากเป็นอาวุธ พูดแต่ล่ะทีถ้าไม่จุกก็ต้องมีเลือดออกซิบๆ กันบ้างไม่มากก็น้อย
“ชางมินมึงก็พูดเกินไปถ้าเน็ตเข้าไม่ถึงแล้วกูจะส่งไฟล์งานให้หัวหน้าได้ไง” ยุนโฮรีบพูดสวนกลับทันที
“แสดงว่าที่เขาบอกต่อๆ กันมาก็จริงซินะ”
“บอกอะไรวะ” ซีวอนรีบถามกลับด้วยความสงสัยในขณะที่ทงเฮก็นั่งลุ้นตามไปด้วย
“ที่ไหนมีเซเว่นเข้าถึงแสดงว่าที่นั้นความเจริญเข้าถึงแล้ว” ชางมินตอบกลับก่อนที่ทั้งสามคนจะหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานพร้อมลงมือถ่ายรูปอาหารที่วางอยู่ตรงคนละสองสามภาพเพื่อเลือกรูปที่ออกมาดูดีดูสวยที่สุด ก่อนที่ซีวอนจะเอาไม้เซลฟี่ออกมาถ่ายรูปพวกเขาทั้งสี่คนพร้อมทั้งอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
ยุนโฮได้แต่อ้าปากค้างจะเถียงอะไรไปก็กลัวโดนตอกกลับมาอีกเลยได้แต่นั่งอยู่เงียบๆ รอให้บรรดาเพื่อนๆ ทั้งสามของเขาถ่ายรูปเสร็จจะได้ลงมือกินอาหารที่สั่งสักที
เมื่อถ่ายรูปเสร็จทุกคนก็ลงมือกินกันตามปกติไม่ได้ลีลาอ้อยอิ่งแบบที่ถ่ายรูปในตอนแรก และระหว่างที่กินอาหารไปนั้นแน่นอนในมือของทุกคนข้างหนึ่งต้องจับมือถือ ทั้งกินไปดูมือถือไปสไลด์หน้าจอมือถือไปมา ซึ่งยุนโฮก็ไม่เข้าใจว่าจะถือกันทำไม? คือวางลงแล้วกินกันแบบจริงๆ จังๆ กันก่อนดีไหม? อะไรจะติดมือถือขนาดนั้น
“เฮ้ย!! รูปที่มึงถ่ายเมื่อกี้น่ะอย่าลืมแท็กกูในไอจีด้วยนะ” ชางมินเตือนซีวอนเบาๆ
“เอ่อ! กูรู้แล้วกูไม่ลืมพวกมึงหรอก”
“มึงบอกไม่ลืมๆ สุดท้ายกูก็เห็นมึงลืมทุกทีที่พวกสาวๆ ล่ะแท็กหาตลอดๆ ส่วนพวกกูมึงลืมตลอดๆ” ชางมินอดที่จะบ่นใส่ซีวอนไม่ได้
“ชางมินถ้ามึงจะบ่นเยอะขนาดนี้มึงไปบ่นในทวิตเตอร์มึงเลย”
“มึงคิดว่า 144 ตัวอักษรจะพอกูบ่นเรอะ”
“งั้นมึงก็ไปบ่นในเฟซบุ๊กซิคราวนี้มึงจะบ่นยาวขนาดไหนก็ได้” ทงเฮเสนอแนวทางขึ้นมา
“แล้วไม่ต้องแท็กหากูนะในเฟซบุ๊กอ่ะกูขี้เกียจอ่าน” ซีวอนรีบพูดดักทางทันที
ยุนโฮได้แต่นั่งฟังเพื่อนทั้งสามคุยกันไปโดยที่ตัวเองไม่สามารถแทรกได้เพราะไม่เคยเล่นอะไรพวกนี้เลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้พวกไอจีเฟซบุ๊กทวิตเตอร์พวกนี้มันเล่นยังไงและไม่เคยคิดจะเล่นด้วย ถึงเล่นไปตัวเขาก็คงไม่มีใครมาคุยด้วยอยู่ดี แล้วที่พวกมันบอกว่าเล่นๆ ไปเดี๋ยวก็มีเพื่อนมีคนตามมีคนคุยเยอะๆ เอง มันจะเป็นไปได้ไงที่คนไม่รู้จักกันไม่เคยคุยกันจะมาตามกันมาคุยกัน ขนาดทุกวันนี้แค่เห็นหน้ากันในที่ทำงานตัวเขากับคนอื่นๆ ยังแทบไม่ได้คุยกันเลย
ที่มาเป็นเพื่อนกับสามคนนี้ได้ก็เพราะทำงานที่เดียวกันแต่อยู่กันคนล่ะแผนก มาเจอกันก็ตอนที่มีประชุมใหญ่ของบริษัทแล้วตัวเองไม่มีใครคุยด้วยแล้วก็ไม่รู้จะคุยกับใครเพราะเป็นคนคุยไม่ค่อยเก่ง ใส่แว่นก็หนาเตอะเป็นไอ้แว่นเฉยๆ ของคนที่ทำงาน แถมเพื่อนร่วมงานแต่ละคนก็เอาแต่พูดถึงไอจีคนนั้นทวิตคนนี้เฟซคนนู้น แล้วเขาจะคุยด้วยได้ไหม? ก็เปล่า จนทั้งสามคนนี้เข้ามาทักและตั้งแต่นั้นก็เลยได้เป็นเพื่อนกัน แต่จะว่าตัวเขาเป็นหนุ่มอนาล็อกก็ไม่ถูกนะเพราะตัวเขารู้จักไลน์ ทุกวันนี้ก็เล่นไลน์คุยกับพวกมันตลอดไม่ค่อยได้คุยกับคนอื่นหรอก แต่พวกนั้นก็บอกว่าไม่รวมไม่นับ
ถึงเวลาเลิกงานคือชีวิตที่มีความสุขที่สุดของยุนโฮแล้วเพราะเขาได้ใช้ชีวิตในแบบของตนเองคือ อ่านหนังสือระหว่างนั่งรถกลับบ้าน โชคดีที่ป้ายรถเมล์ที่เขาขึ้นเป็นต้นสายเพราะงั้นจึงมีที่นั่งให้เขาได้อ่านหนังสือแบบชิวๆ และไม่ต้องมานั่งฟังเจ้านายบ่น เพื่อนร่วมงานคุยกันแต่เรื่องโซเชียลที่เขาไม่รู้จัก ยิ่งเรื่องเที่ยวไม่ต้องพูดถึงสามคนนั้นชอบชวนไปเที่ยวผับตลอดรู้ทั้งรู้เขาไม่ไปก็ยังจะชวนได้ทุกวัน มีบอกสักวันต้องใจอ่อนยอมไป
“ขอโทษนะครับคุณชอบอ่านแฮร์รี่ พ็อตเตอร์หรอครับ”
“อ้อ! ใช่ครับ”
“ผมก็ชอบเหมือนกันผมมีหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับแฮร์รี่ พ็อตเตอร์เลย”
“จริงหรอครับ?”
“จริงครับ ไม่ใช่แค่หนังสือนะ ดีวีดีบ็อกเซ็ตแฮร์รี่ก็มี พวกของสะสมต่างๆ เกี่ยวกับแฮร์รี่ก็มี หนังเข้านี่ไม่ต้องห่วงไปดูวันแรกที่เข้าเลยดึกแค่ไหนก็ต้องดูให้ได้”
“เหมือนกันเลยครับหนังนี่ไม่เคยพลาด แต่เรื่องของสะสมนี่ผมไม่มีเลยไม่รู้จะหาซื้อจากที่ไหน”
“เยอะแยะครับในไอจีเฟซบุ๊กทวิตเตอร์มีขายหมดครับแต่เราต้องเลือกร้านที่เชื่อถือได้ บางครั้งก็จะมีจัดงานเกี่ยวกับแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ถ้าเราคอยตามก็จะรู้ครับ”
อีกแล้วเจอคำพวกนี้อีกแล้วแล้วเขาจะคุยด้วยรู้เรื่องไหมเนี่ย “พอดีผมไม่ได้เล่นพวกนี่เลยไม่เคยรู้เรื่องอะไรพวกนี้”
คนที่เข้ามานั่งข้างๆ เพราะเห็นว่ามีที่ว่างพอดีก็เลยชวนคุยเมื่อเห็นอ่านหนังสือที่ตัวเองชอบเหมือนกันก่อนจะอึ้งไปเล็กน้อย ยังมีคนไม่เล่นพวกนี้อีกหรอเนี่ย “หรอครับน่าเสียดายนะครับเพราะถ้าคุณได้เล่นคุณจะได้คุยกับคนที่ชอบแฮร์รี่เหมือนกัน มีการแลกเปลี่ยนความคิด แล้วเวลามีจัดงานก็จะได้ไปซื้อของไปเจอกัน บางคนคุยด้วยกันเป็นปีๆ มาเจอหน้ากันก็ตอนในงานเยอะแยะครับ”
“อย่างงั้นหรอครับ” ทันทีที่ได้ยินยุนโฮก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ใช่ครับ”
“แต่ผมเล่นไม่เป็นไม่รู้ว่าจะเล่นยังไงแล้วผมจะหายังไงถึงจะเจออะไรที่เกี่ยวกับแฮร์รี่” ก่อนที่ดวงตาหมองลงมาเล็กน้อย
“เล่นไม่เป็นเดี๋ยวผมสอนให้ก็ได้ครับเดี๋ยวคุณก็เล่นเป็น”
“จริงหรอครับ”
“จริงซิครับ”
“งั้นช่วยสอนผมหน่อยละกันนะครับ”
“ได้เลยครับ ว่าแต่พรุ่งนี้วันเสาร์คุณว่างหรือเปล่าครับ”
“ว่างครับ”
“ดีเลยครับพรุ่งนี้มีจัดงานเกี่ยวกับแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ที่........ ผมจะได้พาคุณไปเดินที่งานแล้วก็สอนคุณเล่นพวกไอจีเฟซบุ๊กทวิตเตอร์พวกนี้ด้วยเลยทีเดียว เพราะเรามีเวลาว่างทั้งวัน”
“ดีเลยครับผมอยากไปงานแบบนี้นานแล้ว”
“ถ้างั้นผมขอเบอร์คุณหน่อยครับ”
“นี่เบอร์ผมครับ...” ยุนโฮบอกเบอร์ตัวเองออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะกดเบอร์ที่ตัวเองบอกแล้วโทรกลับมา
“นี่เบอร์ผมนะครับ แล้วคุณชื่ออะไรครับผมจะได้เมมถูก”
“ผมยุนโฮครับ”
“ผมแจจุง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ยินดีเช่นกันครับ อ้อ! ป้ายหน้าก็ถึงบ้านผมแล้วงั้นขอตัวก่อนนะครับ” ยุนโฮบอกอีกฝ่ายก่อนจะกดกริ่งเพื่อเตรียมจะลง”
“พรุ่งนี้เจอกันนะยุนโฮ”
“พรุ่งนี้เจอกันแจจุงไปล่ะ” ยุนโฮเอ่ยลาก่อนจะลงจากรถไปเมื่อรถจอดที่ป้าย
แจจุงโบกมือให้เล็กน้อยก่อนจะจุดยิ้มที่มุมปากเบาๆ หึหึ ได้ทั้งชื่อทั้งเบอร์โทรแถมยังจะได้สอนเล่นโซเชียลอีก ยุนโฮคุณยังมีอะไรที่ทำให้ผมแปลกใจกว่าใบหน้าของคุณอีกไหม?
เช้าวันใหม่ยุนโฮรีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปตามนัดด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ไปงานแฮร์รี่ครั้งแรกในขณะที่อีกคนก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน ไม่ใช่ตื่นเต้นเรื่องไปงานนะแต่ตื่นเต้นกับคนที่จะไปงานด้วยต่างหาก เมื่อไปถึงที่งานยุนโฮก็แทบจะวิ่งดีที่แจจุงดึงไว้ถึงได้เปลี่ยนเป็นเดินไปงานแทน ยุนโฮตื่นเต้นกับของที่มาวางขาย หนังสือ ตุ๊กตา และอื่นๆ อีกมากมาย นี่แหละงานที่ยุนโฮใฝ่ฝันอยากมาเดินแต่ก็ไม่รู้จะมาเดินยังไง เมื่อเดิน ชม ช้อปปิ้ง จนจุใจยุนโฮแล้วก็ถึงเวลาที่ไปหาอะไรกิน และงานนี้ยุนโฮก็ขอเป็นเจ้ามือเพื่อตอบแทนที่แจจุงพามางานนี้
“เป็นไงสนุกไหม?”
“สนุกมากเลย ขอบคุณแจจุงมากนะที่พายุนมางานนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกได้พาคนที่ชอบเหมือนกันมางานด้วยกันแบบนี้ดีออก”
“แต่แจอย่าลืมสอนยุนเล่นพวกไอจีอะไรพวกนี้ด้วยนะ”
“ได้ซิกินเสร็จแล้วจะสอนให้”
และเมื่อกินเสร็จทั้งสองคนก็หามุมๆ หนึ่งก่อนที่แจจุงจะเริ่มโหลดแอพต่างๆ และเริ่มทำการสมัครให้ยุนโฮก่อนที่จะเริ่มลงมือสอนที่ล่ะอย่าง ยุนโฮก็ค่อยๆ ลองเล่นไป จากที่ไม่สนใจก็เริ่มจะสนุกขึ้นและพอได้ลองคุยกับคนอื่นๆ และมีคนเริ่มติดตามยุนโฮก็รู้สึกดีใจ
“แจดูซิแป๊บเดี๋ยวมีคนตามยุนในไอจีตั้งสิบคนแล้ว”
“เห็นไหมบอกแล้วอีกหน่อยคนก็ตามยุนเยอะเอง”
“งั้นยุนขอถ่ายรูปคู่แจได้ปะจะได้อั๊พลงเป็นที่ระลึก”
“ได้ซิ”
“เอาละนะ หนึ่ง สอง สาม” เมื่อถ่ายรูปเสร็จยุนโฮก็รีบจัดการอั๊พลงทุกโซเชียลที่มีก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อแจจุงเอ่ยทักมา
“ลงแล้วอย่าลืมแท็กหาแจด้วยนะ”
“เอ่อ...แท็กคืออะไร?” ยุนโฮถามกลับด้วยความสงสัย
แจจุงที่ได้ยินคำถามก็ขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอกว่ามันคืออะไร เมื่อยุนโฮเข้าใจแล้วก็จัดการแท็กหาแจจุงทันที
“ยุนแท็กแจแล้วนะได้ไหม?”
“ได้แล้วนี่ไง” แจจุงรีบเปิดให้ดูทันที
เมื่อยุนโฮเห็นก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจเพิ่งรู้ว่าการแท็กเขาทำกันอย่างนี้เองได้ยินสามคนนั้นพูดมานานแล้ว แบบนี้ค่อยคุยได้ด้วยหน่อย แจจุงที่เห็นคนข้างๆ ยิ้มออกมาแบบเด็กๆ ก็หุบยิ้มตัวเองไม่ได้ ยุนโฮนายจะน่ารักเกินไปแล้วนะ
“งั้นแจถ่ายรูปคู่ยุนลงบ้างดีกว่า”
“แล้วอย่าลืมแท็กยุนด้วยนะ”
“ไม่ลืมหรอกต่อไปแจจะแท็กหายุนตลอดเอาให้รำคาญไปเลย”
“ยุนไม่รำคาญหรอกดีซะอีกได้มีเพื่อนเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน”
“แค่เพื่อนเองหรอ” แจจงถามออกมาเบาๆ
“แจว่าอะไรนะ”
“ไม่มีไรมาเรามาถ่ายรูปกัน”
“ได้ๆ”
“ขอถ่ายอีกรูปนะแต่เอาแบบยุนไม่ใส่แว่นนะ”
“ถ้าถอดแว่นยุนมองไม่เห็นอะไรนะ”
“แค่ถ่ายรูปไม่เห็นต้องมองอะไรเลย”
“ก็มองกล้องไงยุนเห็นไม่ชัด”
“ยุนก็แค่มองไปข้างหน้าแล้วก็ยิ้มเท่านั้นเองไม่เห็นต้องมองอะไรเลยจริงไหม?”
“ก็ได้” ยุนโฮจัดการถอดแว่นออกก่อนจะหยี่ตาลงเพื่องมองหน้าคนตรงหน้ากับมือถือที่จะถ่ายรูป
ทันทีที่ยุนโฮถอดแว่นแจจุงก็แก้มแดงอย่างห้ามไม่อยู่ ยุนโฮนายจะรู้ตัวบ้างไหมว่านายหล่อแค่ไหนเวลาถอดแว่น แต่ไม่รู้น่ะดีแล้วจะได้ไม่มีสาวๆ คนไหนมาสนใจนายฉันก็ไม่ต้องเหนื่อยคอยกันยัยชะนีพวกนั้นให้ห่างนาย
“เอาล่ะนะยุนมองไปตรงนี้นะพอแจนับแล้วยุนก็ยิ้มนะ”
“มองตรงนี้นะ”
“อืมตรงนี้แหละ หนึ่ง สอง สาม” เมื่อถ่ายเสร็จแจจุงก็ขอถ่ายรูปยุนโฮเดี่ยวๆ อีกสองสามรูปโดยให้ยุนโฮทำท่าต่างๆ ตอนแรกยุนโฮก็ไม่กล้าทำเพราะอายอีกอย่างคนไม่หล่ออย่างเขาทำไปก็ไม่ได้ดูดีขึ้นมาหรอก แต่เมื่ออีกฝ่ายอยากให้ถ่ายก็เลยยอม แต่พอถ่ายๆ ไปก็รู้สึกสนุกจากที่สองสามภาพกลายเป็นสิบกว่าภาพทันที เมื่อถ่ายเสร็จแจจุงก็จัดการเอารูปที่ถ่ายคู่ขึ้นหน้าจอมือถือ ส่วนรูปเดียวยุนโฮทั้งหมดก็จัดการตั้งเป็นอัลบั้มโดยใช้ชื่อว่า “My Darling”
ในเมื่อแจจุงขอถ่ายรูปเดี่ยวแล้วยุนโฮก็ขอถ่ายบ้าง แน่นอนว่าแจจุงเต็มใจอยู่แล้วดังนั้นแต่ละรูปที่ยุนโฮถ่ายจึงมีแต่รูปแจจุงที่ทั้งสวย ทั้งหวาน ทั้งน่ารัก บางรูปก็ดูน่าทะนุถนอม ยุนโฮก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้
เมื่อถ่ายรูปกันเสร็จสอนเรื่องการเล่นโซเชียลต่างๆ แล้วก็ได้เวลากลับบ้าน ยุนโฮรู้สึกสนุกมากเพราะในชีวิตเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน และแน่นอนทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณแจจุงที่ทำให้ตัวเขารู้จักโซเชียลมากขึ้น
และแน่นอนเมื่อเพื่อนทั้งสามรู้ว่าเพื่อนของตัวเองเล่นโซเชียลเป็นก็แทบจะจุดพลุฉลอง และไม่วายที่จะถามว่าใครเป็นคนสอนและเพราะอะไรถึงเล่น ในขณะที่พวกตัวเองชวนแทบตายแต่ก็ไม่เคยคิดจะเล่นเลย พอยุนโฮบอกแจจุงเป็นคนสอนเล่นแน่นอนซีวอนชางมินทงเฮก็รีบเข้าไปดูหน้าคนสอนทันที และเมื่อได้เห็นก็รู้สึกหมั่นไส้นิดๆ เพื่อนกูรู้จักคนสวยๆ แบบนี้ได้ยังไงแล้วทำไมถึงได้คนสวยๆ แบบนี้สอนเล่น
แต่เมื่อทั้งสามคนส่องในไอจีเพื่อนรักก็แทบไม่เห็นอะไรเลยนอกจากรูปที่ไปงานแฮร์รี่กับรูปที่ถ่ายคู่กับคนสวย ในขณะที่คนสวยเอาแต่แท็กหายุนโฮ และที่สำคัญไปกว่านั้นคนสวยกดติดตามอยู่ไม่กี่คนและหนึ่งในนั้นก็เป็นยุนโฮเพื่อนรักของเขา นี่เพื่อนกูทำบุญด้วยอะไร งานนี้ไม่มีใครยอมใครทั้งสามคนเลยกดติดตามเพื่อจะได้ส่องความเคลื่อนไหวของคนสวย และแน่นอนรีบบอกทันทีว่าตัวเองเป็นเพื่อนของยุนโฮ
เมื่อแจจุงเห็นคนที่เข้ามาเม้นบอกว่าเป็นเพื่อนของยุนโฮเลยเข้าไปส่องดูว่าจริงหรือเปล่า ก่อนจะยิ้มออกมาและเซฟรูปที่มียุนโฮรัวๆ ก็แต่ละรูปหาไม่ได้ง่ายๆ นี่ ทั้งหน้ายู่แบบไม่สบอารมณ์ หน้าตอนเหวอๆ ตอนที่โดนเพื่อนแอบถ่าย หน้าตอนกินก๋วยเตี๋ยวอย่างมีความสุข คือมันอร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ และอีกหลายๆ อิริยาบถ ที่ดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ แน่นอนว่าแจจุงก็คุยโต้ตอบแบบปกติแต่ก็ไม่ได้กดติดตาม เพราะแจจุงอยากตามติดแค่ยุนโฮคนเดียว
วันนี้ยุนโฮลองทำตามที่แจจุงบอกคือถ่ายรูปตอนกำลังจะกินข้าวแล้วให้แท็กหาด้วยอย่างที่แจจุงทำ ถึงจะมีเขินบ้างเล็กน้อยเพราะไม่เคยทำไหนจะโดนเพื่อนๆ ทั้งสามคนแซวอีกแต่พอทำแล้วได้รับคำชมจากแจจุงก็รู้สึกดีใจ ยิ่งพวกเพื่อนๆ ตัวดีบอกให้ถ่ายรูปพวกตัวเองแล้วให้แท็กหาด้วยและย้ำว่าอย่าลืมแท็กหาแจจุงด้วยยุนโฮก็ยิ่งงง จะแท็กหาแจจุงทำไม? แต่ถ้าไม่ทำตามก็คงจะโดนบ่นก็เลยทำอย่างที่เพื่อนบอก แต่ก็ไม่วายแอบฟ้องกลายๆ ‘เพราะโดนบังคับหรอกนะ’
แจจุงที่ได้อ่านก็แอบขำเล็กน้อย พ่อหนุ่มโลว์เทคของเขาโดนเพื่อนๆ บังคับซินะน่าสงสารจังต้องปลอบใจซะหน่อย
JJ “โอ๋ๆ น่าสงสารคนถูกบังคับจังเลย”
YH “ยุนน่าสงสารใช่ไหมล่ะ T^T”
CW “เกินไปป่าวยุนโฮ @JJ อย่าไปเชื่อมันนะครับ”
CM “นี่ใช่ตัวจริงแกเรอะยุนโฮ? ตกใจแป๊บ O[]O”
DH “มีฟงมีฟ้องกันด้วยคืออะไร?”
JJ “เดี๋ยวเย็นนี้เลี้ยงข้าวปลอบใจดีไหม? @YH”
YH “ดีเลยสัญญาแล้วนะ ^^ @JJ”
CM “กินข้าวหรอ? ผมไปด้วย @JJ”
YH “แจชวนฉันไม่ได้ชวนแกนะ @CM”
JJ “ไว้คราวหน้านะ @CM เดี๋ยวเลี้ยง”
CM “สัญญาแล้วนะครับ @JJ เห็นยัง @YH คุณแจจุงชวนฉันแล้ว”
CW “แล้วผมล่ะครับ @JJ ผมไปด้วยนะ”
DH “งั้นผมไปด้วยคนนะครับ @JJ ขอบคุณล่วงหน้า”
YH “แต่ละคนเกรงใจแจบ้างซิ @CM @CW @DH”
JJ “@YH ไม่เป็นไรหรอก ไว้วันไหนจะพาไปเลี้ยงแล้วจะบอกนะครับ @CM @CW @DH”
เพียงแค่นี้ก็ทำให้ทั้งสามคนถึงกับยิ้มหน้าบานเมื่อคนสวยบอกจะเลี้ยงข้าว คงจะมีก็แต่ยุนโฮเท่านั้นที่อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด ทำไมแจจะต้องเลี้ยงพวกนั้นด้วย และความรู้สึกพวกนี้ก็ไม่รู้ทำไมถึงเกิดขึ้นกับยุนโฮแม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ยิ่งเข้าไปดูในไอจีของแจจุงมากเท่าไหร่ ความรู้สึกหวงไม่อยากให้ใครมองใครยุ่งกับแจจุงก็ยิ่งมีมากขึ้นทุกที เพราะแต่ล่ะรูปที่แจจุงลงมีแต่รูปน่ารักๆ ทั้งนั้น แต่บางรูปก็ดูเซ็กซี่เกินไปหน่อยยิ่งรูปที่ใส่เสื้อแล้วไหล่ตกมาข้างหนึ่งนี่ยิ่งไม่ชอบใจใหญ่ แล้วดูแต่ละคนมาเม้นซิบอกได้เลยว่ามาตามจีบแจจุงทุกคน เห็นแล้วหงุดหงิดโว้ยยยยย!!!!
และในระหว่างที่หงุดหงิดอยู่นั้นจู่ๆ ก็มีไลน์เข้ามาพอดี มือถือที่ตั้งสั่นไว้แสดงให้เห็นว่าใครไลน์เข้ามา คนที่กำลังหงุดหงิดบวกน้อยใจก็เบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะเปิดไลน์ขึ้นมาอ่านแต่ไม่ยอมตอบกลับ
“เย็นนี้เจอกันที่ป้ายรถเมล์นะจะได้พาไปเลี้ยงปลอบใจ”
“ยุ่งอยู่หรอทำไมอ่านแล้วไม่ตอบล่ะ”
“ยุนโฮเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมไม่ตอบกลับ”
แจจุงที่ส่งข้อความไปก็ได้แต่สงสัยปนหงุดหงิดทำไมยุนโฮอ่านไลน์แล้วไม่ตอบ ยุ่ง? โกรธ? ไม่อยากคุย? โดนเจ้านายด่า? ประชุมอยู่? ทุกคำถามมันอยู่ในหัวของแจจุงจนไม่สามารถทำงานได้
“ถ้าแกจะหงุดหงิดขนาดนั้นก็โทรไปหาว่าที่ผัวแกเลยซิ”
“พูดจาหยาบคายผัวเผอที่ไหนยังไม่ได้เป็นสักหน่อย”
“ฉันบอกว่าว่าที่ไม่ได้บอกว่าเป็นผัวแกซะหน่อยนะ”
“ก็อยากโทรนะแต่กลัวจะไปรบกวนเวลายุนเขานะ”
“โอ้ย!! แกถ้าขนาดมีเวลาเปิดไลน์อ่านได้ก็แสดงว่าไม่ได้ยุ่งเท่าไหร่ปะ เผลอๆ ว่าทีผัวแกอาจกำลังรอแกโทรไปง้ออยู่ก็ได้”
“ง้อเนี่ยนะ? ฉันไปทำอะไรให้ยุนงอนล่ะ”
“ก็ที่แกไปอ่อยชวนเพื่อนว่าที่ผัวแกไปกินข้าวไง”
“อ่อยบ้าไรพูดให้มันดีๆ นะจุนซูฉันก็แค่ชวนไปกินตามมารยาทปะ”
“แต่ว่าที่ผัวแกอาจจะไม่ชอบก็ได้ใครจะรู้ไม่งั้นจู่ๆ จะเป็นแบบนี้หรอ อ่านไลน์แต่ไม่ตอบ” จุนซูพูดลอยหน้าลอยตาก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน แจจุงได้แต่คิดตามที่เพื่อนตัวเองบอก งอนเนี่ยนะ? ถ้าเขากับยุนโฮเป็นแฟนกันก็ว่าไปอย่างแต่นี่ไม่ได้เป็นปะ พึ่งจะได้คุยกันจริงๆ จังๆ ก็เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเองนะ
แจจุงได้แต่เดินไปคิดไปเปิดรูปยุนโฮดูไปก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะทำงานของตัวเองแล้วนึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอกัน ถ้าตอนนั้นไม่ได้เดินชนกันจนแว่นยุนโฮกระเด็นคงไม่ได้เห็นหรอกว่าภายใต้แว่นตาอันหนาเตอะนั้นจะซ่อนความหล่อเอาไว้ แค่เห็นครั้งแรกแจจุงก็ใจละลายแล้วแต่ถ้าไม่ติดว่ารีบไปทำธุระให้เจ้านายก็ว่าจะอ่อยซะหน่อย เลยทำได้แค่ส่งแว่นคืนแล้วรีบวิ่งไปยุนโฮก็เลยไม่ทันได้เห็นหน้าเขาแต่ช่างเถอะแค่เขาได้เห็นหน้ายุนโฮก็ดีใจแล้ว ใส่แว่นหนาเตอะแบบนี้ดีแล้วจะได้ไม่มีใครมาแย่งยุนโฮไปจากเขา
แต่ถึงนั่งไปก็คงไม่ช่วยอะไรงั้นก็โทรหาอย่างที่จุนซูว่าดีกว่า คิดได้ดังนั้นแจจุงก็รีบต่อสายหายุนโฮทันที เมื่อยุนโฮเห็นว่าใครโทรมาก็ได้แต่ถอนหายใจนิดๆ ยุนโฮแกเป็นอะไรของแกวะจะหงุดหงิดแจจุงเขาทำไมเขาไม่ได้เป็นอะไรกับแกซะหน่อย ถ้าเป็นแฟนก็ว่าไปอย่างก่อนจะตกใจกับความคิดตัวเอง นี่เขาอยากได้แจจุงเป็นแฟนหรอก่อนจะได้สติเมื่อสายเรียกเข้าที่หยุดลงโทรเข้ามาอีกครั้ง ยุนโฮจึงค่อยๆ เดินออกไปนอกห้องก่อนจะกดรับสาย
“ยุนเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมอ่านไลน์แล้วไม่ตอบ” ยังไม่ทันที่ยุนโฮจะได้ทักแจจุงก็ชิงถามขึ้นมาก่อน จู่ๆ อารมณ์ที่อยากจะพูดดีด้วยก็หายกลายเป็นน้อยใจขึ้นมาซะงั้น
“เปล่าไม่ได้เป็น”
“ไม่ได้เป็นแล้วทำไมอ่านแล้วไม่ตอบ”
“ก็ไม่ว่าง”
“ไม่ว่าง? แต่ว่างอ่านไลน์แต่ไม่ว่างตอบเนี่ยนะ”
“........”
“อย่าเงียบใส่แบบนี้แจไม่ชอบ”
“ไม่ชอบก็ไปคบกับคนอื่นที่ชอบซิมาคบกับยุนทำไม”
“ยุนเป็นอะไรทำไมไม่พูดกันดีๆ”
“คนอย่างยุนใครจะอยากมาคบมาเป็นเพื่อน แต่งตัวก็เชยใส่แว่นก็หนาเตอะแถมเล่นพวกโซเชียลอะไรก็ไม่เป็น ใครจะอยากมาคบกับคนแบบยุนล่ะแจก็คงไม่อยากคบเหมือนกันซินะ” พูดเสร็จยุนโฮก็ตัดสายทิ้งปล่อยให้อีกฝ่ายงงเป็นไก่ตาแตก นี่แจผิดอะไร?
ตัดสายทิ้งได้ยุนโฮก็แทบจะเอาหัวไปกระแทกกับกำแพง ยุนโฮแกพูดอะไรของแกออกไปไอ้บ้า จู่ๆ ไปว่าแจแบบนั้น ตายๆ ยุนโฮแกตายแน่ แจต้องโกรธมากๆ และไม่ยอมคุยด้วยแน่ๆ เอาไงดีวะโทรไปง้อดีไหม? บอกเมื่อกี้แค่หงุดหงิดเรื่องงานนิดหน่อย เอ่อๆ แบบนั้นก็ดีนะ เมื่อพูดเองเออเองกับตัวเองเสร็จยุนโฮก็เตรียมที่จะโทรหาก่อนจะอยากเอาตัวพุ่งออกไปนอกตึก แบตดันหมดซะงั้น
แต่คนอย่างแจจุงไม่มีวันยอมแพ้ถ้าไม่เคลียร์ให้จบให้รู้เรื่องอย่ามาเรียกว่าแจจุง แต่เมื่อโทรกลับไปก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดมากกว่าเดิม นี่ยุนโฮถึงขนาดปิดมือถือหนีอย่างงั้นเรอะ ได้เดี๋ยวเจอกันถ้าเจอนะแม่จะจับเหวี่ยงขึ้นเตียงแล้วกระโดดขึ้นคร่อมถามให้รู้เรื่องไปเลยว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมพูดแบบนั้นแล้วยังกล้าปิดเครื่องหนีอีก
“ว่าที่ผัวแกมีกิ๊กชัวร์”
“พูดแบบนี้มีตบนะถึงจะเป็นเพื่อนก็เถอะ”
“ก็ขนาดโทรไปแล้วตัดสายทิ้งแบบนี้เนี่ยฟันธง!!”
“แกเป็นลูกศิษย์หมอลักษณ์อย่างนั้นหรอ?”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ถ้าไม่อยากโดนชะนีแย่งว่าที่ผัวแกไปแกก็ควรจับเขามาทำผัวเร็วๆ นะฉันจะบอกให้”
“แล้วนี่แกว่างมากไม่มีงานทำหรอ”
“แกลืมไรไปปะโต๊ะฉันอยู่ติดกับโต๊ะแก”
“เอ่อลืมโทษที”
จุนซูกรอกตาไปมาอย่างอ่อนใจก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อ นี่เพื่อนฉันเป็นขนาดนี้ได้ยังไง
งานการไม่ต้องทำละวันนี้ปฎิบัติการตามง้อว่าที่สามีจึงเริ่มขึ้น อันดับแรกต้องหาก่อนว่ายุนโฮทำงานที่ไหน แต่ถ้าเลิกงานแล้วไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายนั้นก็แสดงว่าต้องทำงานอยู่แถวนี้ แต่แถวนี้ที่ว่าก็มีตึกทำงานเป็นสิบๆ ตึกแล้วจะรู้ได้ไงว่าทำงานอยู่ตึกไหน? บริษัทอะไร? ก่อนจะนึกได้ถึงเพื่อนๆ ของยุนโฮเลยจัดการเข้าไปส่องในไอจีเพื่อนของยุนโฮยังไงต้องมีบอกบ้างแหละว่าทำงานที่ไหน? และก็เป็นดังคาดรูปตอนงานเลี้ยงที่บริษัทที่เพื่อนยุนโฮลงไว้บอกไว้หมดว่าทำงานที่ไหน คราวนี้ก็เหลือแต่ว่าบริษัทนี้อยู่ตึกไหน? และยุนโฮทำงานแผนกอะไร? และงานนี้ก็ต้องพึ่งกูเกิลก่อนที่แจจุงจะเงิบเล็กน้อย ก็บริษัทที่ว่าเนี่ยอยู่ตึกเดียวกับที่ตัวเองทำงานอยู่นี่ซิ
เมื่อได้ชื่อและชั้นของบริษัทแล้วก็เหลือแค่ว่ายุนโฮทำงานอยู่แผนกไหน แต่จะให้โทรไปถามแล้วขอสายยุนโฮก็คงโดนด่ากลับมา คนทั้งบริษัทจะรู้ไหมคนไหนชื่อยุนโฮ ครั้นจะไปถามเพื่อนๆ ของยุนโฮก็เกรงว่าจะไม่เหมาะและจะดูแปลกๆ ที่จู่ๆ ตัวเองไปถามว่ายุนโฮทำงานอยู่แผนกอะไร ดังนั้นเหลือวิธีสุดท้ายคือไปยืนรอที่หน้าลิฟท์ชั้นล่างสุด ยังไงยุนโฮก็ต้องออกมาแล้วมาลงลิฟท์ฝั่งนี้อยู่แล้วเพราะเป็นฝั่งที่บริษัทนี้ตั้งอยู่ เมื่อคิดแผนการได้หมดแล้วคราวนี้แจจุงก็มีไฟในการทำงานต่อ ส่วนจุนซูก็ได้แต่ขำกับเพื่อนรักตัวเอง เพื่อนจะได้ผัวก็งานนี้แหละ
เมื่อได้เวลาเลิกงานแจจุงก็รีบลงไปชั้นล่างแล้วยืนดักรอทันที เมื่อลิฟท์เปิดออกมาแน่นอนว่าพนักงานมากมายก็แทบจะกรูกันออกมา ตั้งกี่บริษัทตั้งกี่ชั้นพนักงานเลิกพร้อมๆ กันก็ไม่แปลกที่จะเยอะขนาดนี้ แต่มันลำบากตรงที่แจจุงต้องคอยมองหาว่ายุนโฮจะลงมารึยัง ถ้าลงจะอยู่ตรงไหน พนักงานที่เดินกรูกันออกมาก็เยอะแยะซะขนาดนี้ และแน่นอนเมื่อมีคนสวยๆ มายืนอยู่แถวนี้หนุ่มๆ ทั้งหลายก็มองตากันไม่กระพริบ บางคนก็กระดี้กระด๊าเกินหน้าเกินตา แจจุงก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ไปแต่คนที่ถูกส่งยิ้มให้นั้นวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่างไปอยู่แล้ว
“ยุนโฮ!!!” เมื่อสายตาของแจจุงเหลือบไปเห็นว่าใครกำลังเดินมาก็รีบตะโกนเรียกไว้ทันทีก่อนที่ยุนโฮจะเดินหนีไป
คนที่จู่ๆ ถูกเรียกชื่อก็หันไปมองตามทางเสียงที่ได้ยินและแน่นอนต้องมีคนอื่นมองตามด้วย ก็เล่นตะโกนดังซะขนาดนั้น ก่อนจะอุทานชื่อออกมาเบาๆ “แจมาได้ไง”
แจจุงที่เห็นยุนโฮยืนอึ้งๆ ก็ไม่รอช้ารีบเดินตรงเข้าไปหายุนโฮก่อนจะดึงมือยุนโฮให้เดินตามตัวเองไปโดยไม่สนว่าคนแถวนั้นจะมีใครมองหรือพูดอะไรทั้งนั้น ยุนโฮก็ได้แต่เดินตามอย่างงๆ อายก็อาย ก็แจจุงเล่นตะโกนเรียกชื่อซะขนาดนั้น ว่าแต่แจจุงมาที่นี่ได้ยังไง
เมื่อเดินมาถึงจุดที่ไม่มีคนแล้วแจจุงก็ปล่อยมือของยุนโฮทันทีก่อนจะหันมาเผชิญหน้าใส่ ทั้งๆ ที่ก็ไม่น่าจะมีอะไรแต่ทำไมยุนโฮถึงรู้สึงรังสีอำมหิตได้ก็ไม่รู้
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงพูดแบบนั้นออกมา”
“...........”
“อย่าใช้ความเงียบในการตอบซิมีอะไรก็พูดมาไม่งั้นจะรู้เรื่องกันหรอ”
“............”
“ที่แจบอกว่าไม่ชอบคนที่เงียบใส่ไม่ได้หมายความว่าเกลียดนะอย่าเข้าใจผิด แต่แจอยากให้พูดกันมากกว่า มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามกัน จะโกรธ จะงอน จะสงสัยอะไรก็ให้ถาม อย่าคิดเองเออเอง รู้ไหม?” เมื่อเห็นว่ายุนโฮเงียบถึงนึกได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปแล้วคนที่ฟังพูดอะไรตอบกลับมา เลยบอกให้กระจ่างเพื่อที่คนตรงหน้าจะได้ไม่เข้าใจผิดอีก
ที่ยุนโฮเงียบไม่ใช่อะไรนะแต่ไม่รู้จะพูดอะไรต่างหาก ตอนนี้ในหัวมันตื้อไปหมด เขาไม่คิดว่าแจจุงจะมาหาเขาถึงที่นี่เพื่อจะถามเรื่องนี้ ก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองมากไปแต่แบบนี้เรียกว่าแจแคร์ยุนได้ใช่ไหม? ยุนโฮได้แต่หลบสายตามีชำเลืองบ้างเล็กน้อยกำลังคิดอยู่ว่าจะถามออกไปดีไหม?
เห็นแบบนี้แต่แจจุงก็เป็นคนมีความอดทนมากพอที่จะยืนรอฟังคำตอบจากคนตรงหน้า ก็ไม่รู้ว่าทำไมดูคนตรงหน้าถึงได้ทำท่ากลัวเขานักหนา นี่เห็นเขาเป็นยักษ์เป็นมารหรือยังไง
หลังจากคิดสักพักยุนโฮก็ตัดสินใจที่จะถามออกไปในทันที “แจไม่อายหรอที่มาคบกับคนแบบยุนน่ะ”
“อาย? แจต้องอายเรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องที่ยุนเล่นโซเชียลอะไรก็ไม่เป็น แต่งตัวก็เชย ใส่แว่นตาก็หนาเตอะแบบนี้น่ะ”
“ทำไมแจต้องอายด้วยล่ะก็แจกับยุนเป็นเพื่อนกันแล้วคนเป็นเพื่อนจะต้องอายอะไร?”
“แค่เพื่อนซินะ” เป็นแค่เพื่อนกันซินะ ยุนโฮแกหวังคำตอบอะไรอยู่หรอ ก็รู้ๆ อยู่แล้วว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ยุนโฮคงลืมไปว่าตัวเองก็ไม่ได้บอกอะไรกับอีกฝ่ายเหมือนกัน และการพูดพึมพำออกมาก็ทำให้อีกฝ่ายได้ยินเช่นกัน
“ใช่แค่เพื่อนหรือยุนโฮอยากให้เป็นอย่างอื่น?” ที่ถามเนี่ยไม่ใช่อะไรนะถ้าอยากให้เป็นมากกว่าเพื่อนนี่คือยินดีมาก
“เอ่อ...คือ...เปล่าๆ คือแบบว่า” ยุนโฮถึงกับสะดุ้งตอบแบบกุกๆ กักๆ กับคำถามที่ถามกลับมา
“หืมมม...ไหนว่ามาซิถ้าไม่อยากให้เป็นเพื่อนแล้วยุนอยากให้แจเป็นอะไร” ยิ่งเห็นท่าทางลนลานตอบตะกุกตะกักแบบนี้แจจุงก็ยิ่งรุกหนัก ถ้าคนไม่คิดอะไรเลยจะมีอาการแบบนี้หรือ มือบางค่อยๆ จับเนคไทของอีกฝ่ายอย่างเบามือในขณะที่ก้าวขาเข้าไปหาคนตรงหน้าอย่างเชื่องช้า สายตาที่มองไปก็แพรวพราวราวกับแม่เสือสาวกำลังจะกลืนกินลูกหมีน้อยผู้อ่อนต่อโลกก็ไม่ปาน
ยุนโฮที่ถูกรุกหนักอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก็ทำอะไรไม่ถูก ยิ่งแจจุงเดินเข้าหามากเท่าไหร่ยุนโฮก็ยิ่งเดินถอยหลังมากขึ้นเท่านั้น ใบหน้าสวยๆ ที่เข้ามาอยู่ใกล้ๆ ริมฝีปากสีชมพูอิ่มสดที่กำลังขยับอยู่นั้นบวกกับดวงตาหวานที่ดูเปล่งประกาย มันชวนให้หลงใหลเสียจริงๆ สุดท้ายเมื่อยุนโฮถอยหลังไปไม่ได้อีกแล้วเพราะตอนนี้หลังติดกำแพงตึก เมื่อไม่สามารถหนีไปไหนได้แล้วก็ขอหลับตาสู้ละกัน
“จะบอกได้หรือยังว่าอยากให้เป็นอะไร?”
“เป็นแฟน!!! พอใจรึยัง? ยุนอยากให้แจเป็นแฟนยุน ไม่อยากให้แจไปเป็นแฟนใคร ไม่อยากให้ใครมาชอบแจหรือมองแจ ยุนไม่ชอบ!!!”
“ก็แค่นี้บอกมาแต่แรกก็จบ ตกลง”
“ห๊ะ??!! แจว่าอะไรนะ”
“ยังไม่แก่หูตึงแล้วหรอ ก็บอกแล้วไงว่าตกลง”
“ตะ แต่ยุนกับแจเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วันเองนะ”
“แค่ไม่กี่วันแล้วยังไงล่ะ ความรักมีแบ่งเวลาด้วยหรอต้องนานเท่าไหร่ถึงจะรักได้”
“แต่ยุนเป็นแค่ผู้ชายเชยๆ คนหนึ่งนะไม่มีอะไรเข้ากับแจเลย แล้วอย่างแจเนี่ยนะจะมาชอบยุน”
“อะไรที่ว่าไม่เข้าล่ะ” แจจุงเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ก็”
“ก็อะไร”
“ก็แจทั้งสวย ทั้งเก่ง แถมมีคนรู้จักมากมาย ใครๆ ก็ชอบแจกันทั้งนั้นไม่เหมือนยุน” ริมฝีปากหนาที่กำลังพูดหยุดชะงักไปเมื่อนิ้วเรียวสวยยกขึ้นมาปิดปาก
“ก็เพราะยุนไม่เหมือนใครไงล่ะแจถึงชอบ เพราะงั้นต่อไปนี้ห้ามทำตัวเหมือนคนอื่นนะ”
“แล้วจะให้ยุนทำเหมือนใครล่ะ” ยุนโฮถามกลับอย่างงงๆ
“ช่างเถอะขอแค่ยุนเป็นยุนก็พอแล้ว เข้าใจตรงกันนะ”
“อืมเข้าใจแล้ว”
“งั้นเราสองคนก็ต้องมาถ่ายรูปด้วยกันแล้วก็บอกคนอื่นๆ ว่าเราเป็นแฟนกันตามนี้นะ”
“มันจะดีหรอ”
“ทำไมถึงไม่ล่ะ”
“ก็แบบ” ยุนโฮพูดไม่ออก มือหนาได้แต่เอามือจับแว่นปัดผมไปมาที่คิดว่าดูดีที่สุด
“บอกแล้วยุนที่เชยๆ แบบนี้แจชอบ”
“อืม”
เมื่อความมั่นใจของยุนโฮกลับมาก็ทำให้กล้าที่จะถ่ายรูปคู่กับแจจุง และแน่นอนเมื่อคนสวยลงรูปในไอจีพร้อมติดแฮชแท็กว่า #ถึงแฟนจะดูเชยแต่คุณเอ๊ยแซ่บอย่าบอกใคร ยุนโฮที่เห็นข้อความที่แจลงก็แทบจะสำลัก ได้แต่คิดว่าตัวเองแซ่บตรงไหน? งานนี้คนที่ติดตามอยู่ก็กระหน่ำเม้นกันแบบรัวๆ ทั้งชม ทั้งปลื้ม ทั้งด่า และแน่นอนคนที่ถูกด่าก็หนีไม่พ้นคนเชยๆ อย่างยุนโฮ แม้แต่เพื่อนรักทั้งสามยังไม่อยากจะเชื่อ เห็นเพื่อนกูเชยๆ เงียบๆ แต่ได้ฟาดคนสวยซะงั้น
และทุกอย่างน่าจะผ่านไปด้วยดีถ้าไม่ติดที่มีแต่คนเข้ามาเม้นด่าในไอจีของยุนโฮ และก็มีแต่แจจุงที่คอยบอกว่าไม่ต้องไปสนใจพวกขี้อิจฉา แต่งานนี้เห็นทีตัวเขาคงยอมไม่ได้ ด่าเขาไม่เป็นไรแต่มาด่าแจจุงว่าโง่ ว่าเลือกผิดคน ยุนโฮคนนี้ทนไม่ได้ งานนี้จะได้เห็นดีกัน
จากที่ไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนี้มาก่อนแต่ในเมื่อมีคนมาว่าแฟนตัวเองแบบนี้มีหรือที่คนเป็นแฟนจะยอม และถึงจะรู้สึกเจ็บใจนิดๆ ว่าที่พวกนั้นพูดมันก็ถูก เพราะตัวเขาเชยจริงๆ งานนี้ต้องลบคำสบประมาทให้ได้
และอีกสองสามวันต่อมาทุกคนก็ต้องตะลึงปนตกใจ เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มที่แต่งตัวเชยใส่แว่นหนาเตอะ ตอนนี้กลับกลายเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูเท่ แว่นตาหนาเตอะที่เคยใส่ก็ถูกถอดออกแล้ว นี่มันเงาะถอดรูปชัดๆ สาวๆ ในที่ทำงานต่างพากันตกตะลึงก่อนจะกรี๊ดกราดและขอไอจียุนโฮกันเป็นแถวทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจ แหมก็ใครจะรู้ล่ะว่าเงาะถอดรูปจะมีอยู่จริง
ส่วนคนที่ยอมลงทุนเปลี่ยนตัวเองแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่ชินและไม่เข้าใจว่าแค่เปลี่ยนจากใส่แว่นมาใส่คอนแทคเลนส์ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่แบบเดิมๆ เป็นแบบใหม่ และก็ให้ช่างตัดผมออกอีกนิดนึง แค่นี้ทำไมถึงมีคนสนใจ เพื่อนร่วมงานที่ไม่แทบไม่เคยคุยด้วยกลับเข้ามาคุยซะงั้นมันคืออะไร? แต่เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านก็ถ่ายรูปตัวเองลงในไอจีและก็ไม่ลืมที่จะแท็กหาคนรักเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้จากที่คนควรจะด่ากลับมาชมเขาซะงั้น ในไอจีจากที่มีคนติดตามอยู่แค่สิบกว่าคนคือเพื่อนรักทั้งสาม แจจุง และคนที่ชอบแฮร์รี่เหมือนกัน แต่ตอนนี้กลับมีคนติดตามมากขึ้นเป็นพันกว่าคนซึ่งก็แค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง แล้วคือมันเกิดอะไรขึ้น
แจจุงที่อารมณ์ดีกลับต้องอารมณ์เสียและหน้าหงิกขึ้นมาทันทีเมื่อคนรักลงรูปแล้วแท็กมาหาตัวเอง ถ้าเป็นแบบทุกทีไม่มีปัญหาแต่นี่อะไร? แต่งตัวทำผมถอดแว่นออกสลัดคราบหนุ่มเชยๆ กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดฮ็อตเพียงไม่กี่ชั่วโมง งานนี้คงต้องเล่นงานคนรักซะแล้ว เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำเหมือนคนอื่นก็นี่ไงล่ะเพราะแบบนี้แหละถึงไม่อยากให้ทำ โอ้ย!! แล้วอะไรเข้าสิงให้ยุนโฮทำ
“แจเป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ยุนโฮที่รีบมาหาแจจุงตอนพักกลางวันเพื่อที่จะได้ไปกินข้าวด้วยกันเอ่ยถามทันทีที่เห็นคนรักยืนหน้าหงิกอยู่
“ยังมีหน้ามาถามอีกหรอว่าเพราะอะไร? เห็นหน้าแล้วอารมณ์เสีย” พูดจบแจจุงก็เดินสะบัดหน้าหนีอย่างอนๆ ร้อนถึงยุนโฮต้องรีบวิ่งตามไปง้อทั้งๆ ทีไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร
“เดี๋ยวก่อนซิยุนทำอะไรให้แจโกรธหรอ?” ถามออกมาอย่างใสซื่อตามแบบฉบับยุนโฮซึ่งไม่ได้เข้ากับรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปแบบนี้เลยสักนิด
“แจเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำเหมือนคนอื่น”
“ยุนก็ไม่ได้ทำเหมือนคนอื่นนะ”
“นี่เคยรู้ตัวบ้างไหม? คนอื่นที่แจว่าหมายถึงอะไร?” และแจจุงก็ได้รับการส่ายหัวเป็นคำตอบ แจจุงกรอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนจะบอกออกมา “คนอื่นที่ว่าก็คือการที่นายเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ไงล่ะแจไม่ชอบ”
“ทำไมแจถึงไม่ชอบล่ะ” ยุนโฮถามกลับอย่างงงๆ เขาเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้แจก็น่าจะชอบนะเพราะคนอื่นๆ เขาก็ยังชอบกันเลย
“ก็เพราะมันทำให้มีคนสนใจยุนมากขึ้นยังไงล่ะ ที่แจไม่อยากให้ยุนเปลี่ยนเพราะแจไม่อยากให้ใครได้เห็นหน้าหล่อๆ ของยุนต้องมีแต่แจเท่านั้นที่ได้เห็น” แจจุงตอบกลับอย่างงอนๆ และคำตอบนี้ก็ทำให้ยุนโฮยิ้มขึ้นมาได้
“ถึงใครจะเห็นก็ช่างเขาซิยังไงในสายตายุนก็มีแค่แจคนเดียวอยู่แล้ว อีกอย่างที่ยุนยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อแจนะถึงจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่ามันจะเข้ากับยุนก็เถอะ แต่ยุนยอมไม่ได้ที่เห็นใครมาด่าแจว่าโง่ ว่าเลือกรักคนผิด ยุนอยากให้ทุกคนรู้ว่าแจไม่ได้โง่และแจก็รักคนไม่ผิด”
สิ่งที่ยุนโฮพูดออกมาทำให้แจจุงถึงกับน้ำตาซึมไม่คิดว่ายุนโฮจะแคร์ความรู้สึกของตนเองมากขนาดนี้นี่ตัวเขาตัดสินใจไม่ผิดซินะที่ชอบยุนโฮ
“ยุนพูดมาขนาดนี้แล้วแจหายงอนก็ได้ ก็ดีจะได้ประกาศให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าแจเลือกคนไม่ผิด ยุนเป็นของแจคนเดียว เพราะหนุ่มแสนเชยของแจได้กลายเป็นหนุ่มหล่อของแจแล้วในตอนนี้”
“ตามใจแจเลยยุนสนับสนุนเต็มที่”
“งั้นแจจะใส่แฮชแท็กว่าอะไรดีล่ะยุนช่วยแจคิดหน่อยซิ”
“เอ่อ...อย่าว่าอย่างนั้นอย่างงี้เลยนะว่าแต่ แฮชแท็กคืออะไร? ยุนไม่รู้จักน่ะ”
ดูท่าเรื่องโซเชียลคงต้องสอนกันอีกยาว แต่ไม่เป็นไรเพราะยังไงแจก็มีเวลาสอนยุนตลอดชีวิตอยู่แล้ว จริงไหมครับคุณผู้อ่าน
#เรื่องโซเชียลยุนอาจไม่ถนัด แต่เรื่องตามใจคนรักยุนถนัดแน่นอน