มีคนบอกว่าวันนี้เราจะโกหกอะไรก็ได้
แล้วมันจะมีผลอะไรถ้าผมเองโกหกทุกวันอยู่แล้ว
ใช่ครับ
ผมมันคนโกหก
อย่างน้อย ผมก็ทรยศความรู้สึกตัวเอง
ถ้าคุณแอบรักใครสักคน...คุณจะเข้าใจผม
.
.
.
ผมแอบรักคนๆหนึ่ง ถ้าบอกไปแล้วคุณจะเก็บเป็นความลับได้หรือเปล่า ผมน่ะ เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจมาตลอดเลยนะ คนๆนั้นน่ะ เขาเป็นเด็กที่แสบมากเลยล่ะ เขาชอบเข้ามาใกล้ๆ เขาชอบแกล้งผม เขาชอบทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาชอบยิ้มเสียจนตาโตๆหรี่เล็ก เขาชอบทำปากแดง เขาชอบโปรยสเน่ห์ เขาใจดีกับคนอื่นไปทั่ว
ยกเว้นกับผม..
เขาใจร้าย...เขาทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาทำให้ผมเขิน เขาทำให้ผมมองเพียงเขา เขาทำให้ผมละสายตาไปไหนไม่ได้ เขาทำให้ผมเฝ้าอยากรู้ อยากถาม อยากติดตาม อยากเฝ้าดูว่าเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน
เขาชอบเข้ามาใกล้
เขาทำให้ผมอยากเข้าใกล้
แต่เขากลับทิ้งระยะไว้...
ขีดเส้นบางๆที่ผมไม่กล้าล้ำเข้าไป
เขาใจร้ายคุณก็รู้
เขาโหดร้ายที่มีอิทธิพลต่อผมขนาดนี้
เขาทำให้ผมไม่กล้าพูดออกไป
เขาทำให้ผมเก็บความลับไว้แล้วเฝ้าโกหกคนอื่นรวมถึงตัวเองว่าเราคือ 'เพื่อนร่วมงาน'
เราเป็นได้แค่นั้นจริงๆน่ะหรือ
"เหม่ออะไรอยู่ได้ ง่วงเหรอ ฉันกลับห้องก็ได้นะ" คนที่อยู่ในทุกวินาทีของความคิดเอ่ยถาม ประโยคหลังชวนให้ผมใจหายอย่างนึกเสียดายจนต้องหันกลับมาสนใจคนพูด
"เปล่า ไม่ได้ง่วง แค่ไม่มีคนสนใจอ่ะ เอาแต่แต่งเพลงแถมเสียบหูฟังอีก" เว่ยโจวนอนคว่ำเท้าศอกอยู่บนเตียง ตรงหน้ามีไอแพดที่เปิดหน้าเปียโนอันเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นของแอพแต่งเพลงค้างไว้ ถ้าจำไม่ผิด และแน่นอนว่าเรื่องของสวีเว่ยโจวผมไม่เคยพลาด นี่เป็นแอพที่วันก่อนเขาบ่นในแชทส่วนตัวที่คุยกันว่าแพงอย่างนู้นอย่างนี้ สุดท้ายก็ซื้อมาจนได้สินะ
"อยากฟังด้วยก็บอกสิ" เด็กแสบของผมยื่นหูฟังข้างหนึ่งมาให้ ส่วนอีกข้างยังอยู่ที่ใบหูแดงระเรื่อ
"เพลงใหม่หรือ?" เขาพยักหน้าตอบ
"อื้ม แต่มีแค่ทำนองนะ อยากฟังไหม?" พอผมพยักหน้ารับนิ้วเรียวสวยก็โปรยท่วงทำนองหวานปนเศร้าจนนึกอยากฟังแบบฉบับเสร็จสมบูรณ์เสียเดี๋ยวนี้
"เพราะไหม?"
"เพราะสิ แล้วเนื้อร้องล่ะ ยังไม่แต่งหรือ?" เขาทำท่าคิด ก่อนเงยหน้ามาถามผมที่นั่งเอนหลังพิงหัวเตียง
"อยากฟังเพลงแนวไหน?" ผมขยับผ้านวมอุ่นให้เขา เครื่องปรับอากาศเย็นไปหรือเปล่านะ ถ้าลุกไปปรับอุณหภูมิตอนนี้อาจจะเสียเวลามองตากันไปอีกหลายวินาที แค่นี้ผมก็เสียดายแล้ว
"แนวไหนหรือ...อืม...เอาเป็น...แอบรัก ได้ไหม?" เขาเลิกคิ้วตาโตทำหน้าล้อเลียนยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ไปแอบรักใครไม่บอกฉันงั้นหรือ?" คราวนี้เขาไม่สนใจไอแพดแล้ว เว่ยโจวพลิกตัวทีเดียวก็มานอนหนุนตักมองจ้องจับผิดผมอย่างง่ายดาย
เด็กบ้าเอ๊ย! ไม่รู้หรือว่ามองแบบนี้มันทำให้คนอื่นใจสั่นน่ะ!
ผมเสมองเฟอร์นิเจอร์ในโรงแรมจนครบทุกชิ้น แต่ก็ไม่มีอะไรน่ามองเท่าปากแดงๆที่ยิ้มหวานอยู่บนตักซักอย่าง
"ตอบมานะ ไปแอบชอบใคร ไหน มองตาด้วย" นิ้วเรียวสวยที่เคยจิ้มไปแพดตอนนี้มันเปลี่ยนที่มาจับอยู่ตรงคางผม บีบน้อยๆพร้อมกดให้ก้มลงไปสบตากับเขา
อ่า...ผมลืมโกนหนวดเมื่อเช้ามันจะเป็นตอจนเขาเจ็บหรือเปล่านะ
พอคิดว่าตัวเองอาจเป็นสาเหตุรอยแดงบนปลายนิ้วความต้องการในจิตใจก็ส่งผลให้ผมคว้ามือนั้นมาสำรวจ โชคดีที่นอกจากสีชมพูจางตามธรรมชาติก็ไม่มีรอยของการบาดเจ็บให้นึกปวดใจ ผมคลึงไปตามข้อนิ้วอย่างเผลอไผล ตลกตัวเองไม่น้อยที่นึกกังวลกลัวเขาจะบาดเจ็บเพราะตอหนวดทั้งที่เจ้าของมือนั้นรูดนิ้วจนถลอกเพราะสายกีตาร์มาแล้ว
"โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย มานั่งจับมือคนอื่นแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เป็นบ้าหรือไง" ผมไม่จับเปล่า ยังแอบยกนิ้วชี้ของเขามางับเล่นจนเจ้าตัวรีบดึงมือกลับ แต่ผมไม่ยอมหรอก นานๆจะอยู่ด้วยกันสักที ขอเติมพลังอีกนิดเถอะนะ
"เว่ยโจว..." ผมเอ่ยเรียกเสียงอ่อน มองตาเขาที่จ้องกลับเช่นกัน
"ยังอยากรู้อยู่ไหมว่าฉันแอบรักใคร" เด็กดีของผมพยักหน้าเร็วๆ ผมนุ่มปัดไปมาตรงด้านหน้าจนต้องช่วยเกลี่ยให้
"เราสองคนน่ะ..." ผมทิ้งช่วงให้ตัวเองได้เรียกกำลังใจอีกครั้ง
"เราสองคนน่ะ...เป็นเหมือนกู้ไห่กับลั่วอินได้ไหม?"
"ห๋า?" เว่ยโจวอ้าปากค้าง แต่ใบหูสองข้างแดงก่ำ
"หมายความว่าไง เป็นเหมือนสองคนนั้น เป็นนักเรียนเหรอ ฉันเรียนจบมัธยมปลายแล้ว"
คุณเห็นไหมครับ
เขาใจร้ายกับผมจะตาย
"ฉันหมายถึงเป็นคนรักกันต่างหาก" จะไม่มีการอ้อมค้อมอะไรทั้งนั้น หมดเวลาแห่งความขี้ขลาดของผมแล้ว
"ไม่เข้าใจ..." ผมรู้ว่าเขาเข้าใจ ถึงจะบอกแบบนั้นแต่เว่ยโจวรู้ดีว่าผมหมายความว่ายังไง หรือถ้าเขาจะแกล้งไม่เข้าใจ ผมก็จะย้ำให้ฟัง
"ฉันไม่อยากแอบรักนายแล้วเว่ยโจว"
และจะย้ำอีกหน
"เรามาเป็นคนรักกันจริงๆไม่ได้หรือ?" เขานิ่งไปจนทำเอาคนสารภาพรักใจหาย
"ฮ่าๆๆ อย่าบอกนะว่าเชื่อจริงอ่ะ" ก่อนจะเป็นผมเองที่แสร้งระเบิดหัวเราะออกมาอย่างฝืนแสดงที่สุด
สุดท้ายแล้ว ความขี้ขลาดของผมก็ต่ออายุตัวเอง
"ไอ้บ้าเอ๊ย!! อย่าบอกนะว่า?!" เขาดึงมือที่ผมกุมไว้ออกก่อนจะเปลี่ยนมาชี้หน้าผมอย่างเคืองแค้นแทน
"เมษาหน้าโง่ไง!" ผมเฉลยความเข้าใจของเขาอีกครั้ง เจ้าตัวดูฉุนไม่น้อยกับการโกหกนี้จนดึงหูฟังที่ให้ผมมากลับไป เว่ยโจวแย่งหมอนที่รองหลังผมไปหนุนแทนตักแล้วก็นอนเล่นไอแพดคนเดียวไม่สนใจผมอีกก่อนจะพึมพำอะไรออกมาคนเดียว
"เหมาะกับเพลงแอบรักจริงๆด้วย"
เขาหมายความว่ายังไงกัน
ผมแกล้งหยิบไอโฟนมาเช็คข่าว ทั้งที่หางตาจับจ้องเพียงเขาที่นอนอยู่ใกล้ๆ ตาโตๆมีน้ำรื้นมากกว่าปกติหรือเปล่านะ ทำไมริมฝีปากอิ่มถึงเม้มเข้าออกบ่อยเกินไปขนาดนั้น เพลงที่แต่งเศร้ามากหรือ ถึงต้องกดฟันคมลงไปไม่นึกสงสารมันบ้างเลย ผมอยากคลึงนิ้วลงไปบนนั้นเพื่อคลายความตึงเครียดของเขาออกแต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องพาตัวเองเข้าห้องน้ำ สงบสติอารมณ์และความร้อนรุ่มที่อยู่ในอก
ใจสั่นหวิวเพียงเพราะคิดว่าเขาจะโกรธหรือเปล่าที่แกล้งบอกแบบนั้นแม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตาม กว่าจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำไปเผชิญหน้าเขาได้ก็กินเวลาหลายนาที ออกมาถึงเห็นว่าเขากำลังรวบไอแพดไว้แนบอก
"กี่โมงแล้วอ่ะ?" นี่เป็นประโยคแรกจากเขา หลังจากผ่านการสารภาพรักของผมไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
"เที่ยงคืนสิบนาที" ผมบอกไปแบบนั้น
นอนที่นี่ได้ไหม...อยู่ด้วยกันเถอะ
ผมอยากอ้อนวอนขอแต่กลับทำไม่ได้ ถึงวันนี้เราจะมีงานคู่กัน ได้นอนโรงแรมเดียวกันแต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้นอนห้องเดียวกัน จนสุดท้ายผมก็ชวนเว่ยโจวมานอนเล่นในห้องนี้ได้เพราะข้ออ้างต่างๆนาๆทั้งที่เหตุผลมันมีเพียงคำว่าคิดถึง
แล้วเขาล่ะ
ไม่คิดถึงมันบ้างหรือ
ไม่คิดถึงช่วงเวลาของเรา
ไม่คิดถึงไออุ่น
ไม่คิดถึงเสียงลมหายใจของกัน
ไม่คิดถึงการมีกันและกันอยู่ใกล้ๆบ้างหรือ
อยู่ด้วยกันเถอะนะเว่ยโจว อยู่ด้วยกันตลอดไป อย่าห่างกันไปไหนอีกเลย
"เที่ยงคืนกว่าแล้วอ่ะ ไวจัง งั้นฉันกลับห้องก่อนนะ" ผมปล่อยให้เว่ยโจวเดินไปเปิดประตูทั้งแบบนี้ได้ยังไง พรุ่งนี้เช้าเราคงแยกย้ายไปทำงานต่างคนต่างมีชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกันสินะ
"จิ่งหยู" เสียงนุ่มหวานเอ่ยเรียกผม คนที่เปิดประตูค้างไว้ยิ้มให้น้อยๆ
"ฉันก็แอบรักนายเหมือนกันนะ"
ผมชะงักก่อนจะตั้งสติได้และนึกหัวเราะเยาะตัวเองในใจ
"จะแก้แค้นว่างั้น ไม่สำเร็จหรอก ไปนอนไป"
"อื้อ!" เด็กแสบรับคำก่อนจะปิดประตูลง ฝากไว้เพียงรอยยิ้มเศร้าที่ผมได้เห็นเพียงชั่ววินาที
ผมกลับมาที่เตียงนอนของตัวเอง กดปิดโคมไฟปล่อยให้ความมืดเข้าปลอบประโลมหัวใจที่แสนปวดร้าว ก่อนที่เลือดในการจะร้อนวาบขึ้นมาอีกครั้ง
ผมควานหาเครื่องมือสื่อสารตรงโต๊ะหัวเตียงจนมันหล่นลงไปบนพื้น ก่อนจะกวาดมือเปิดโคมไฟอย่างร้อนรนเพื่อหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา
เที่ยงคืนยี่สิบนาที
บทสนทนาก่อนหน้านี้หวนกลับมาให้นึกถึง
"กี่โมงแล้วอ่ะ?"
"เที่ยงคืนสิบนาที"
"จิ่งหยู...ฉันก็แอบรักนายเหมือนกันนะ"
ความรู้สึกคล้ายว่าผมก้าวเพียงสองก้าวก็ถึงประตูห้องก่อนคว้าลูกบิดกระชากออกไม่นึกสนใจแม้จะปิดมันด้วยซ้ำ สองขาพาตัวเองวิ่งขึ้นบันไดไปอีกชั้นก่อนเคาะประตูตรงเลขห้องที่จำขึ้นใจ
"เว่ยโจว นอนหรือยัง ได้ยินไหม เปิดประตูก่อนเว่ยโจว"
รอไม่นานคนดีของผมก็มาเปิดประตูให้ เจ้าของห้องหรี่ตาสู้แสงตรงทางเดินพลางยกมือขึ้นขยี้ตาจนผมต้องจับออกเพราะกลัวเขาเจ็บก่อนพาคนที่กำลังงัวเงียกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตูและล็อคให้เรียบร้อย
"นอนแล้ว มาทำไมตอนนี้" เว่ยโจวเดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียง เพื่อที่จะคุยกันได้สะดวกมากขึ้น ผมจึงจับเขานอนหงายและขึ้นไปคร่อมไว้เหมือนที่ชอบทำบ่อยๆตอนอยู่ด้วยกัน
"เมื่อกี้นายบอกว่าแอบชอบฉัน"
"อื้อ" เขาเหมือนจะหลับเสียให้ได้
"วันนี้วันที่สอง"
"อื้อ" ลมหายใจสม่ำเสมอชวนให้ผมล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อของเขา ก็แค่อยากปลุกเพราะยังไม่อยากให้หลับเท่านั้นเอง
"วันนี้ไม่ใช่วัน April fools' day"
"อื้อออ!!! อย่าลูบ!" ผมซบลงไปตรงซอกคอหอม ให้ริมฝีปากแตะตรงใบหูร้อนผ่าว คนแกล้งหลับจะหูแดงอยู่หรือเปล่านะ อยากเปิดโคมไฟดูจัง
"เรารักกันใช่ไหม เรารักกันจริงๆใช่ไหม!!"
"แล้วคิดว่าไงเล่า! บอกว่าอย่าลูบ!!!"
โอเค
ผมไม่ลูบก็ได้
งั้น...
ขอจูบนะครับ...คนดี
END
สวัสดีค่าาาา กรี้ดดดดดด เกือบแต่งไม่ทันแล้ว โอ๊ยยยยย นิ้วล็อค แต่งในมือถือไปอีก นิ้วเดี้ยงสุด 55555
ชอบกันไหมอ่าาาาา ฝากคอมเม้นท์หน่อยน๊าาาา น๊าาาา
แล้วพบกันค่ะ
ด้วยรัก
จาก...ดิ'โรแมนดรา