บุรินทร์จ้องมองพิมพิมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
"เธอจะไปจากฉันจริงๆ เหรอ พิม" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่เคยแสดงออกมา
"ก่อนหน้านี้ฉันทำดีกับเธอ...ตามใจเธอ...ยอมลดทิฐิลง...มันไม่ได้ช่วยให้เธอใจอ่อนได้สักนิดใช่ไหม" เขาพูดต่อ ราวกับจะตัดพ้อถึงความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมา
พิมพิมาหลบสายตา เธอรู้ดีว่าคำพูดของเธอจะทำร้ายเขาแต่เธอไม่มีทางเลือก
"ฉันขอโทษ...แต่ฉันไม่สามารถอยู่ที่นี่กับคุณได้อีกแล้ว" เสียงของเธอแผ่วเบาแต่หนักแน่น
"เธอจะหักหลังฉันทั้งที่รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ?" บุรินทร์ถามกลับดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
"ฉันไม่ได้หักหลังคุณ" พิมพิมาตอบพยายามยืนยันเพื่อเอาตัวรอกของตัวเอง
"ฉันก็แค่ทำตามที่คุณเคยพูดไว้ คุณบอกเองไงว่าถ้าฉันอยากออกไปจากที่นี่ ให้หาเงินจำนวนสองล้านมาใช้...นี่ไงล่ะ ฉันหามาใช้ให้คุณได้แล้ว"
บุรินทร์แค่นยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง
"เธอคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ...ไม่รู้ไม่เห็นอะไรที่เธอทำไว้ลับหลัง" เขาพูดเสียงกร้าว ความผิดหวังในตัวเองที่ทนโง่ปิดหู ปิดตามาตลอด กำลังระเบิดออกมา
"........" เธอไม่เข้าใจว่าเขากำลังพยายามสื่ออะไรกันแน่
"นามบัตรที่ซ่อนใต้เตียง! เข้าไปค้นเอกสารของฉัน...หรือแม้แต่ขโมยมันออกมา!"
พิมพิมาเงียบไปเธอไม่เคยคิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้มาก่อน
"เธอคิดว่าฉันไม่รู้ไม่เห็นหรือไง!" บุรินทร์ตะคอกเสียงดังลั่น จนพิมพิมาสะดุ้งเฮือก
"ถ้าคุณรู้ตั้งแต่แรก...ทำไม...ไม่จัดการฉันตั้งแต่นั้นเลยล่ะ" เธอถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
น้ำเสียงของบุรินทร์อ่อนลงเล็กน้อยเมื่อตอบ
"เพราะฉันหวังไง... หวังว่าฉันจะทำให้เธอเปลี่ยนใจอีกครั้งได้...แต่ฉันทำมันไม่สำเร็จ" แววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
"ฉันแอบคิดว่าการตายของไอ้โอชา...จะทำให้เธอคิดได้...แต่ไม่เลย...เธอไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด" น้ำตาแห่งความเจ็บปวดค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากดวงตาของบุรินทร์ เป็นน้ำตาที่พิมพิมาไม่เคยเห็นมาก่อน
คำพูดของพิมพิมาและน้ำตาที่ไหลรินของบุรินทร์ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ความเจ็บปวดจากการถูกหักหลังผสมกับความโกรธเกรี้ยวทำให้บุรินทร์ตัดสินใจในสิ่งที่คาดไม่ถึง เขาเงื้อปืนในมือขึ้นอีกครั้ง และปลายกระบอกปืนก็จ่อตรงไปที่ขมับของพิมพิมาทันที
"ถ้าเธอคิดจะออกไปจากที่นี่...ก็ออกไปแต่วิญญาณ" เสียงของบุรินทร์เย็นชาและเด็ดขาดจนพิมพิมาถึงกับสะดุ้งสุดตัวหัวใจของเธอหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มความตายอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ปลายกระบอกปืน
เสี่ยวันชัยที่นั่งมองเหตุการณ์มาตลอดรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้ายเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้ การพาตัวพิมพิมาออกไปจากที่นี่ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
"มึงจะฆ่าเธอได้ลงจริงๆ เหรอวะ" เสี่ยวันชัยถามเสียงเรียบพยายามยั่วโมโห
"หุบปากของมึง" บุรินทร์ตอบกลับโดยไม่ละสายตาจากพิมพิมา เขายังคงจ้องมองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาและปืนก็ยังคงจ่ออยู่ที่ขมับของเธอ
บุรินทร์หันคอไปทางเสี่ยวันชัยเล็กน้อย แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องที่พิมพิมา
"มึงออกไปซะไอ้วันชัย... กูจะนับหนึ่งถึงสาม... ถ้ามึงไม่ออกไปเดี๋ยวนี้... กูจะฆ่ามึงเป็นศพแรก... ถ้ามึงไม่เชื่อ... มึงจะลองก็ได้นะ... แล้วมาดูกันว่ากูจะทำจริงไหม"
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย เสี่ยวันชัยยังคงนิ่ง แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยการพิจารณา
"กูไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว... ถ้ามึงยังคิดที่อยากมีชีวิตรอดอยู่ก็ออกไป" บุรินทร์กล่าวซ้ำด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม เป็นคำขู่ที่ไร้ความปรานี
เสี่ยวันชัยเห็นท่าว่าไม่ดีแล้วบุรินทร์คงไม่ล้อเล่น เขาไม่ต้องการเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงกับคนอย่างบุรินทร์อีกต่อไปเสี่ยวันชัยลุกขึ้นยืนช้าๆ
"ไปรอที่ท่าเรือนะ" เขาพูดกับพิมพิมาเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินหันหลังออกจากห้องรับแขกไปอย่างรวดเร็วโดยมีบอดี้การ์ดตามหลังไปติดๆ
เมื่อเสี่ยวันชัยจากไปบุรินทร์หันกลับมาเผชิญหน้ากับพิมพิมาอีกครั้งดวงตาคมกริบของเขายังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโกรธที่ผสมปนเปกัน
"เธอจะไปกับมันทั้งๆ ที่รู้ว่าประวัติมันไม่ดี... ฉันจะให้เธอคิดใหม่อีกที... จะไปกับมันหรือจะอยู่กับฉันที่นี่" เสียงของบุรินทร์นุ่มลงเล็กน้อย แต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดที่ไม่อาจปฏิเสธได้
พิมพิมาสบตาเขาแววตาของเธอเต็มไปด้วยความอ้อนวอนแต่เธอก็รู้ดีว่าคำขอร้องของเธอคงไม่เป็นผลบุรินทร์เป็นคนเด็ดขาดและเด็ดเดี่ยวเกินกว่าที่จะปล่อยเธอไปง่ายๆ
"ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่... ขอร้องเถอะนะคะ... ปล่อยฉันไป"
บุรินทร์ลดปืนลงช้าๆพลางพึมพำเสียงแผ่ว
"เธอเกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ใช่... ฉันเกลียดคุณ... เกลียดที่สุด... ทั้งเกลียดทั้งรังเกียจ" พิมพิมาตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุดเท่าที่จะทำได้ คำพูดแต่ละคำพุ่งตรงเข้าไปกลางใจของบุรินทร์
สีหน้าของบุรินทร์เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างในทันที ความเจ็บปวดที่ฉายชัดเมื่อครู่หายไปสิ้นเหลือเพียงความว่างเปล่าและความเด็ดขาด "งั้นก็ออกไป! ออกไปให้เร็วที่สุด... อย่าให้ฉันตามทัน... ถ้าฉันไล่หลังเธอทัน... ฉันจะยิงเธอให้สมองกระจาย!" เสียงตะคอกของเขาดังลั่นไปทั่วห้อง ทำให้พิมพิมาถึงกับสะดุ้งสุดตัว เธอเห็นแววตาที่จริงจังของเขา มันเป็นเกมที่เขาตั้งขึ้นมา... เกมแห่งความเป็นความตาย เขาจะให้เวลาเธอเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อให้เธอหนีออกไปให้รอด ถ้าเขาตามเธอได้ เขาก็พร้อมจะยิงเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี
"ออกไป!!!" เสียงตะคอกของบุรินทร์ดังก้องไปทั่วห้อง พิมพิมาไม่รอช้าเธอเห็นสีหน้าจริงจังของเขา และรู้ดีว่าเขาเอาจริงเธอจึงตัดสินใจหันหลังวิ่งสุดฝีเท้าออกไปจากห้องนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังว่าจะไปให้ถึงท่าเรือที่เสี่ยวันชัยที่กำลังรออยู่
ร่างบางวิ่งทะลุโถงทางเดินลงบันไดบ้านอย่างไม่คิดชีวิต แรงลมปะทะใบหน้าจนเส้นผมปลิวไสว ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจทุกย่างก้าวที่วิ่งผ่านประตูบ้านออกไปยังลานหน้าบ้านลมทะเลพัดปะทะใบหน้าพร้อมกับกลิ่นไอเค็มที่คุ้นเคยเท้าเปลือยเปล่าของเธอวิ่งเหยียบไปบนพื้นกรวดแข็งๆอย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆมันคือความพยายามที่จะวิ่งไปให้พ้นจากเงื้อมมือของชายผู้ใจร้ายคนนั้น
ท่าเรือที่เสี่ยวันชัยรออยู่ดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาเธอวิ่งสุดฝีเท้าไปตามสะพานไม้ที่ทอดยาวลงไปในทะเลไม้กระดานเก่าๆส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่เธอก้าวเท้าไปข้างหน้าลมหายใจเริ่มติดขัดปอดของเธอเหมือนจะระเบิดออกแต่เธอก็ยังคงวิ่ง...วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
แต่ยังไม่ทันที่จะวิ่งไปได้ครึ่งทางของสะพาน เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นก็ดังขึ้นไล่ตามหลังมาติดๆบุรินทร์ตามเธอมาแล้ว! เขาวิ่งเร็วและแข็งแรงกว่าเธอมากเพียงไม่กี่วินาที ร่างสูงใหญ่ของเขาก็ปรากฏขึ้นห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว
ปัง!!!
เสียงปืนดังสนั่นก้องไปทั่วบริเวณเสียงนั้นทำให้พิมพิมาหยุดเท้าลงทันทีด้วยความตกใจสุดขีดหัวใจของเธอเต้นรัวราวกับกลองรบเธอก้มมองสำรวจร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็วหวังว่าจะไม่เห็นรอยเลือดหรือบาดแผลใดๆแต่ก็ไม่พบสิ่งใด บุรินทร์ไม่ได้ยิงมาที่เธอ เขาเพียงแค่ยิงขึ้นฟ้าเพื่อเป็นการขู่
พิมพิมาค่อยๆหันร่างบางไปมองเขาบุรินทร์หยุดยืนอยู่ห่างจากเธอเพียงห้าก้าวปืนในมือของเขายังคงมีควันกรุ่นๆ ลอยออกมาท่าทางของเขาในตอนนี้ดูน่ากลัวและเย็นชาจนพิมพิมารู้สึกเสียวสันหลังวาบ ราวกับว่าตัวเองกำลังหลุดเข้าไปอยู่ในฉากภาพยนตร์ฆาตกรรมอย่างไรอย่างนั้น
ความตึงเครียดปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงเสียงคลื่นทะเลที่ซัดกระทบเสาสะพานเบาๆ บุรินทร์จ้องมองพิมพิมาด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและปวดร้าวราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว เขามองเธออยู่นานหลายวินาทีก่อนที่คำพูดหนึ่งจะหลุดออกมาจากริมฝีปากเขา
"พิม..." เสียงของบุรินทร์แหบพร่าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวังเขาค่อยๆลดปืนลงช้าๆแล้วทิ้งมันลงบนสะพานไม้เสียงปืนกระทบพื้นดัง "ตุ้บ!" ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าหาพิมพิมาอย่างรวดเร็ว
พิมพิมาเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเธอไม่คิดว่าเขาจะทิ้งปืนและวิ่งเข้ามาหาเธอแบบนี้บุรินทร์โผเข้าสวมกอดร่างบางของเธออย่างแน่นหนา ราวกับคนกำลังจะขาดใจตายอ้อมกอดของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียเธอไปจริงๆ
เขาซบใบหน้าลงบนไหล่ของเธอ สูดดมกลิ่นกายของเธออย่างหิวกระหายและรัดเธอแน่นจนเธอรู้สึกเจ็บซี่โครง
"อย่าไป...อย่าทิ้งฉันไปไหนเลยพิม...ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ" เสียงของบุรินทร์สั่นเครือเต็มไปด้วยความเว้าวอน น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นไว้เมื่อครู่เริ่มไหลรินลงมาบนไหล่ของพิมพิมา
พิมพิมานิ่งงันอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ความรู้สึกสับสนปนเปกันไปหมด เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขา...แต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยมอบให้เธอมันก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจ
บุรินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกราวกับต้องการหลอมรวมเธอเป็นหนึ่งเดียวกับเขา "ฉันรักเธอ... ฉันรักเธอพิมพิมา!" เสียงของเขาแหบพร่าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทุรนทุราย เขากอดเธอแน่นขึ้นไปอีกพร้อมกับพร่ำบอกรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาผละใบหน้าออกจากไหล่เธอเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองสบตาพิมพิมา ดวงตาคมกริบฉายแววความเจ็บปวดรวดร้าว
"ฉันฆ่าเธอไม่ลงหรอก! มือของฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธออีก" เขาก้มลงประกบหน้าผากกับเธออย่างแผ่วเบาจนพิมพิมารู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาที่รินรดลงมา
"ฉันจะรอ... รอเธอกลับมา" บุรินทร์กล่าวต่อ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหวังที่ริบหรี่
พิมพิมาเงียบงัน เธอไม่รู้จะตอบอะไร
"เมื่อไหร่ที่เธอต้องการฉัน... ฉันจะอยู่รอเธอที่นี่ เธอหันกลับมาเมื่อไหร่เธอจะเจอฉัน" เขาพยายามพูดต่อ ราวกับจะย้ำเตือนให้เธอจดจำคำพูดของเขาไว้ในใจ
"ฉันรักเธอ"บุรินทร์บอกรักเธอจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะรักผู้หญิงคนนี้ได้มากถึงขนาดนี้ เขารักเธอมากกว่าสิ่งใดในโลกนี้ ถึงแม้จะรู้สึกตัวช้าไปบ้าง แต่เขาก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเปลี่ยนใจเธอ
"ฉันจะปล่อยเธอไป... แต่ให้จำไว้นะว่า..." เขากระซิบข้างหูพิมพิมาเบาๆ กลัวว่าเสี่ยวันชัยที่อาจจะยังอยู่ใกล้ๆ จะได้ยิน
"เมื่อไหร่ที่เธอต้องการความช่วยเหลือ... ให้ไปหาคนชื่อ เมฆ มันจะอยู่ช่วยเหลือเธอที่นั่น"
พิมพิมาเบิกตากว้างเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าเขาจะมีสายสืบอยู่บนเกาะของเสี่ยวันชัยด้วย
"ลูกน้องของคุณเหรอคะ"
"ใช่... ฉันจะบอกมันอีกทีให้ช่วยดูเธอเป็นพิเศษ... อย่าไว้ใจไอ้วันชัย... มันไม่ใช่คนดี!" บุรินทร์ทำได้เพียงแนะนำและตักเตือนเธอ ด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด
"ฉันรักเธอพิม" เขากล่าวอีกครั้ง สองคนสบตากันท่ามกลางสายลมทะเลที่พัดโชยมาเบาๆ
"ไปเถอะ" เขาเอ่ยปากปล่อยเธอไปในที่สุด
พิมพิมามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก อยู่ๆเธอก็รู้สึกไม่อยากไปจากที่นี่แล้ว ทั้งที่เมื่อครู่ยังอยากจะหนีให้พ้น แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอได้ก้าวล้ำลึกมาไกลเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับไปได้แล้ว
"ลาก่อน~" พิมพิมากล่าวเสียงแผ่วเบา เธอกะเทาะมือเขาออกจากเธออย่างช้าๆ บุรินทร์น้ำตาไหลรินอย่างห้ามไม่อยู่ เธอเองก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้สุดชีวิต ก่อนจะหันหลังกลับเดินจากไป
เสียงฝีเท้าของพิมพิมาค่อยๆ ห่างออกไปตามสะพานไม้ที่ทอดยาว บุรินทร์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างบอบบางที่ค่อยๆ เลือนหายไปในระยะไกล หัวใจของเขาบีบรัดอย่างเจ็บปวดราวกับถูกบิดกระชากจนแหลกละเอียด ความรู้สึกมืดมิดเข้าปกคลุมทุกอณูของร่างกาย ความกลัวที่เคยเป็นเพียงแค่ฝันร้าย บัดนี้มันได้กลายเป็นความจริงที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต
เขาสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาอุ่นร้อนที่ไหลอาบแก้ม มันไม่ใช่แค่หยดน้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นหยาดน้ำตาแห่งความสิ้นหวัง ความเจ็บปวดที่แทบจะทำให้เขาขาดใจ บุรินทร์รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้า เสียงคลื่นทะเลที่เคยฟังดูสงบ บัดนี้กลับกลายเป็นเสียงคร่ำครวญที่สะท้อนความเจ็บปวดในใจเขา
เข่าของบุรินทร์ทรุดลงช้าๆ ร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงบนสะพานไม้ที่เย็นเฉียบ มือทั้งสองข้างกุมเข้าหากันแน่นจนข้อขาวโพลน เส้นเลือดปูดโปนขึ้นตามแขน เขาก้มหน้าลงซบกับหัวเข่า เสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้เมื่อครู่บัดนี้กลับระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ไหล่กว้างสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด
สิ่งที่เขากลัวที่สุดในชีวิตได้มาถึงแล้ว...การสูญเสียเธอไป สิ่งที่เขารักและหวงแหนที่สุดในชีวิตกำลังเดินจากไปต่อหน้าต่อตาโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความเจ็บปวดที่ได้รับจากการถูกหักหลังและถูกปฏิเสธนั้นไม่เทียบเท่ากับความรู้สึกโหวงเหวงในอกที่รู้ว่าเธอจะไม่มีวันกลับมา
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อไปนี้จะได้เจอเธออีกไหม หรือเธอจะปลอดภัยดีหรือไม่เมื่อไปอยู่กับคนอย่างเสี่ยวันชัย ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเข้าครอบงำ ราวกับว่าชีวิตของเขาได้จบสิ้นลงแล้วพร้อมกับการจากไปของเธอ ลมหายใจของเขาติดขัด ปอดของเขาเหมือนถูกบีบอัดจนแทบจะระเบิดออก
บนสะพานไม้ยาวที่ทอดยาวลงสู่ทะเล เหลือเพียงชายคนหนึ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้าไป ทิ้งไว้เพียงเงาที่ยาวทอดออกไป...เงาของหัวใจที่แตกสลาย