ฉันได้รับมรดกเป็นอพาร์ทเม้นท์จากคุณย่า แม้มันเก่า แต่ก็ทำให้ฉันประหยัดเงิน ไม่ต้องไปเช่าหอที่อื่นอยู่ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่น และได้เจอกับเรื่องเสียว ๆ ที่คาดไม่ถึง ตั้งแต่คืนแรก
ไฟเพดานห้องกระพริบถี่ ๆ ชวนให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก แต่จะไปบอกผู้จัดการหอพักให้มาช่วยซ่อมก็เกรงใจเขา เพราะตอนนี้มันดึกแล้ว ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจปิดไฟนอน จะได้ไม่ต้องสนใจว่าไฟจะติดหรือไม่ติด เพราะฉันเป็นคนปิดสวิตช์ไฟเอง
เมื่อล้มตัวลงนอน ฉันพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่หลายรอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าแม่เคยบอกไว้ ไปอยู่ต่างที่ต่างทาง ให้สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ฉันทำตาม ด้วยหวังว่าคืนนี้จะไม่มีอะไรมารบกวน
ผล็อยหลับไปได้สักพัก ก็เริ่มรู้สึกหนัก ๆ บริเวณช่วงต้นขา เหมือนมีบางอย่างกำลังทับฉันไว้
'ผีอำใช่ไหม ไม่นะ ฉันเจอดีตั้งแต่คืนแรกเลยเหรอ แต่ฉันสวดมนต์ไปแล้วนี่ ทำไมคุณผียังมารบกวนฉันอีกล่ะ' ฉันได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ ไม่กล้าลืมตามอง
ตั้งแต่เด็ก ฉันก็มีเซ้นส์ด้านนี้มาโดยตลอด
บางทีก็ได้กลิ่น บางทีได้ยินเสียง บางทีก็เห็นทางหางตาแว๊บ ๆ
"ตื่นแล้วเหรอ ถ้าตื่นแล้ว เรามาคุยกันดีไหม ผมกำลังเหงาอยู่พอดี" เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินผีพูดเป็นประโยคยาวขนาดนี้
ฉันรีบสวดมนต์ เปล่งเสียงออกมาเบา ๆ แล้วก็ได้ยินเสียงของเขาร่วมสวดไปพร้อม ๆ กัน
'แง๊... แม่จ๋า ผีไม่กลัวบทสวด' ฉันอยากร้องไห้จริง ๆ
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าฉันกลัวเขา
"ผมก็แค่เหงา คุณไม่ต้องสวดมนต์ไล่ผมหรอก ก่อนตาย ผมก็สวดอยู่บ่อย ๆ ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่ผมธรรมะธรรมโมนะ"
'ใครอยากรู้เรื่องนายกัน และฉันก็ไม่ได้อยากคุยกับนายซะหน่อย ทำไมไม่ไปสักทีเนี่ย'
"คุณไม่อยากคุยกับผม งั้นเรามาทำอย่างอื่นแทนก็ได้"
ชัดเลย! เจ้าผีนี่มันอ่านใจฉันได้ด้วย มีเวลาตกใจได้ไม่นาน ฉันก็รู้สึกได้ว่าโคกเนื้อโหนกนูนถูกบดคลึงด้วยฝ่ามือ สักพักเต้าอวบอิ่มก็ถูกบีบขยำข้างนึง
'ไอ้ผีหื่น! แกจะมาบีบนมฉันแบบนี้ไม่ได้นะ'
อ่านต่อได้ในตอนจบจ้ะ