ท่ามกลางความมืดมนอนธการ ณ จุดหนึ่งตรงใจกลางของจักรวาลอันหาได้มีที่สิ้นสุดไม่ ในเขตแดนที่แม้แต่ทวยเทพยังไม่เคยย่างกราย ปีศาจหรือมารร้ายไม่เคยเฉียดเข้าใกล้
ณ ที่แห่งนั้นมีพลังอำนาจบางอย่างได้ถือกำเนิดขึ้น โดยจำแลงรูปร่างให้อยู่ในรูปกายของมนุษย์วัยสาวรุ่น ผิวพรรณขาวหมดจด สวมชุดสีแดงสดดุจเปลวเพลิงและถือร่มกระดาษสีขาว
สตรีผู้นั้นนิยมชมชอบ ย่ำไปทั่วทั้งสามพิภพ ไม่มีเสียงร่ำลือถึงมารดาหรือบิดาผู้ให้กำเนิดของนาง ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ถึงเวลาหรือความเป็นมาของสตรีผู้นั้น แม้แต่ฟ้าดินยังไม่อาจบันทึกประวัติของนางได้ มีเพียงสถานที่ก่อกำเนิดของนาง กับนามเดียวที่เล่าขานผ่านกันปากต่อปาก ในสามพิภพเท่านั้น
ชื่อของนางคือ...เฉินมี่
นางคือภาพสะท้อนของความดีงามกับความชั่วที่สิงสู่อยู่ในจิตใจของเหล่าสรรพสัตว์ ผิวขาวจัดประดุจหยกชั้นเลิศ ตัดกับเรือนผมดำสนิทยาวสยายถึงกลางสะโพก ขับให้ภาพลักษณ์ของนางดูงดงาม ลึกลับและน่าค้นหา นางมักปรากฏกายในชุดสีแดงสด ชายเสื้อคลุมพลิ้วไหวตามการก้าวเดิน ดุจดั่งเปลวไฟที่ส่ายไหวยามเมื่อสายลมพัดโหม และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดอันเป็นเอกลักษณ์ของนาง คือร่มกระดาษสีขาวสะอาดคันหนึ่ง ซึ่งนางมักจะถือไว้เสมอราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่อาจแยกจาก
เฉินมี่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์ อีกทั้งยังไม่ใช่เทพเซียนหรือปีศาจ ก่อกำเนิดขึ้นมาโดยปราศจากผู้สร้าง ดำรงอยู่เหนือขอบเขตแห่งความเป็นไปของทั้งสามพิภพ สวรรค์ มนุษย์ และนรกภูมิ ดำเนินชีวิตโดยท่องไปตามกาลเวลา ไม่ขึ้นตรงต่อฝ่ายใด และไม่มีสิ่งใดขัดขวางการมาถึงของนางได้ แม้แต่ทวยเทพผู้เป็นใหญ่ที่สุดบนสวรรค์ชั้นฟ้าก็ยังไม่อาจควบคุมอำนาจของนาง หรือปีศาจร้ายในนรกภูมิยังต้องหวาดหวั่นเมื่อได้ยินชื่อนาง
อุปนิสัยของเฉินมี่นั้นก็เป็นเฉกเช่นตัวนาง เต็มไปด้วยความซับซ้อนเกินกว่าที่ใครจะหยั่ง นางไม่เคยแสดงความโกรธเกรี้ยวหรือแสดงความเมตตาต่อผู้ใดอย่างชัดเจน ทุกสิ่งที่นางกระทำล้วนถูกกำหนดด้วยเหตุผล อันมีเพียงนางเท่านั้นที่จะเข้าใจ นางเดินทางผ่านกาลเวลา ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ทำตามสิ่งที่นางชื่นชอบ นั่นก็คือการเสาะหาดวงวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ในความทุกข์ทรมาน และได้รับซึ่งความอยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เทพเซียน ปีศาจ หรือจิตวิญญาณที่ก่อกำเนิดจากสรรพสิ่ง หากพบเจอ นางจะหยุดถามด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น
“เจ้าต้องการสิ่งใด”
และดวงวิญญาณที่เปี่ยมด้วยความอาฆาตแค้นเหล่านั้น จะได้รับโอกาสจากเฉินมี่ให้มีโอกาสได้แก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเอง โดยมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่นางพึงพอใจ สิ่งนั้นอาจเป็นการแลกเปลี่ยนที่ใหญ่หลวงเช่นแก่นแห่งจิตวิญญาณ บางครั้งอาจเป็นแค่หนึ่งในเสี้ยวของสามดวงจิตเจ็ดปรารถนา ที่หล่อหลอมเป็นตัวตนของดวงวิญญาณนั้น หรือบางครั้งอาจเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเพียงผมหนึ่งเส้น เศษเล็บ กระดุมเสื้อ ปิ่นปักผม ป้ายหยก หินก้อนเล็กๆ หรืออาจเป็นแค่ความทรงจำเสี้ยวหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นที่พึงปรารถนาที่จะจดจำไว้ของดวงวิญญาณเหล่านั้น
ลือกันว่านางคือเทพแห่งบรรพกาลผู้ถือกำเนิดขึ้นเอง โดยปราศจากบุพการี บ้างก็เชื่อว่านางคือผู้นำความยุติธรรมกลับคืนยังสามพิภพ ก่อนที่จักรวาลจะถึงกาลสิ้นสุด หรือบางทีนางอาจเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ที่ใช้เวลาชั่วนิรันดร์ ในการเฝ้ามองความทุกข์สุขของสรรพสิ่งก็ได้
ไม่มีใครล่วงรู้ความจริงว่านางเป็นใคร มีเพียงเรื่องของนาง ที่ถูกเล่าขานต่อๆ กันมาจนกลายเป็นตำนาน ผ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้ในห้องหนังสือบนสวรรค์ชั้นฟ้า นรกภูมิ และโลกมนุษย์
“บันทึกจากห้องหนังสือ”