“เชนมีแฟนยัง” อยู่ดีๆ เพียงเพ็ญก็ถามไปเรื่องอื่น ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่า เธอถึงกล้าถามเรื่องนี้กับชายหนุ่ม
“ยังหรอก เรายังไม่คิดมีตอนนี้” เชนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาก็ตอบเพื่อนออกไป
“ดีเลย” เพียงเพ็ญเอ่ยออกมาอย่างใจคิด
“ดียังไงล่ะ” ยิ่งคุยกับเพียงเพ็ญเชนก็ยิ่งงง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวพูด ยิ่งตอนนี้สติสัมปัชชัญญะเหลือไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เขายิ่งต้องตั้งสติกับคำพูดของหญิงสาว
“ก็ดีไง คืนนี้เราไม่มีพันธะทั้งสอง มาลองทำอะไรแบบผู้ใหญ่กันดูมั้ย” เพียงเพ็ญเอ่ยออกมาอย่างที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเล่นกับไฟอยู่
“พราวพูดอะไรเนี่ย เมามากก็ไปนอนได้แล้ว” เชนกล่าวก่อนจะบรรจงวางร่างบางลงที่เตียง เขาเข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่เขาก็ไม่อยากทำมัน เพราะเขาไม่อยากสูญเสียคำว่าเพื่อนไป
“เมาไม่มากหรอก แต่ความอยากรู้น่ะสิ มันมากจนหยุดไม่ได้เลย” เพียงเพ็ญเอ่ยท่าทียั่วยวน เธอไม่รู้เลยว่าเธอกำลังทำให้เขาหวั่นไหวเป็นอย่างมาก ผู้ชายทั้งแท่งอย่างเชนจะทนได้ยังไง ในเมื่อผู้หญิงสาวสวยอย่างเพียงเพ็ญกำลังแสดงอาการยั่วยวน ถึงปากจะบอกว่าเพื่อนก็เถอะ แต่เวลาที่ความปรารถนามันคุกรุ่นขึ้นมา คำว่าเพื่อนก็ไม่อาจะหยุดมันไว้ได้ ทางที่ดีอย่าทำให้เขาไปถึงจุดนั้นเลย
“ไปนอนได้แล้วพราว เราไม่อยากขึ้นชื่อว่าทำลายเพื่อนตัวเอง” เชนยังกล่าวอย่างใจเด็ดแม้ว่าความหนักแน่นในน้ำเสียงจะลดลงบ้าง
“ไม่ต้องซีเรียสหรอกน่า มันก็แค่คืนนี้ อยู่กับเราเถอะนะ” เพียงเพ็ญไม่พูดเปล่า เธอรั้งร่างสูงของเขาเข้ามาหาตัวเอง แต่มันกลายเป็นทำให้เขาล้มลงมาทับร่างบางของเธอ ตอนนี้ใบหน้าสวยหวานและใบหน้าคมสันห่างกันเพียงแค่คืบเท่านั้น
เชนไม่สามารถหักห้ามใจตนเองได้แล้ว เขาจึงส่งเรียวปากหยักของเขาเข้าไปครอบครองที่เรียวปากบางของหญิงสาว ก่อนที่มือหนาจะเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ของหญิงสาว ส่วนเพียงเพ็ญนั้นก็เต็มใจที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่เขานำพาเธอไป อาภรณ์ของหญิงสาวค่อยๆ หลุดออกจากกายทีละชิ้น ในขณะที่เรียวปากหยักก็ยังดูดกลืนความหอมหวานจากเรียวปากบางของหญิงสาวจนตอนนี้ร่างบางของหญิงสาวเหลือเพียงอาภรณ์น้อยสองชิ้นเท่านั้น