เติมรักให้เติมบาท
เป็นเรื่องราวของ ภูศิลา พี่ชายของพสุธา จากเรื่อง ตะวันชิงพลบ เป็นว่าที่ท่านประธานที่ลาพักร้อนไปทำสวนอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลของครอบครัว เคราะห์หามยามร้าย กำลังแก้ผ้าจะอาบน้ำข้างกระท่อม กลับมีคนบ้ามาขอดู ‘ไอ้นั่น’ แถมเธอยังแก้ผ้าตามเขาอีก เขาพยายามจะจับเธอสวมเสื้อผ้ากลับไป แต่โชคชะตากลับไม่เข้าข้าง พ่อเธอดันพาชาวบ้านมาพบเข้าเสียก่อน แถมมาพบตอนเขากำลังทำท่าทางล่อแหลมกันอยู่อีก ซวยฉิบ
...ใต้แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า ร่างหนากำยำด้วยมัดกล้ามก้าวเดินอย่างสบายอารมณ์ ที่ไหล่กว้างยังสะพายปืนยาวคู่ใจ ค่อย ๆ เดินลัดเลาะกลับกระท่อมน้อยที่พักหลังจากไปส่องสัตว์มาเมื่อคืน กว่าที่เขาจะมาถึงกระท่อมก็เป็นเวลาแปดโมงเช้าแล้ว
ชายหนุ่มปลดสัมภาระทุกอย่างออก แขวนเอาไว้ที่ข้างเสากระท่อม ซึ่งได้ทำที่แขวนเอาไว้แบบหยาบ ๆ ก่อนจะจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์บนร่างหนาออกไปจนหมด เรียกว่าล่อนจ้อนกันเลยทีเดียว
เมื่อเสร็จสรรพแล้ว ภูศิลาจึงก้าวขายาว ๆ พาร่างกำยำสมส่วนเดินตรงไปยังตุ่มใส่น้ำใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ ที่นี่มีเพียงแต่เขาคนเดียว หลังปลูกพันธุ์อ้อยลงแปลงเสร็จ คนงานก็ไม่ต้องเข้ามาอีก จนกว่าจะถึงวาระใส่ปุ๋ยอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจใคร
...แม้แต่การแก้ผ้าเดินท่อม ๆ โล่งโจ้งเช่นนี้ก็ด้วย
ส่วนผีสางนางไม้นะหรือ ก็คงจะไม่อยากดูชีเปลือยอย่างเขากันหรอกกระมัง ก็ไม่เคยเห็นมาเข้าฝันต่อว่าอะไรนี่นา...
...หรือบางทีผีอาจจะชอบดูก็เป็นได้...
เมื่อมาถึงตุ่มใส่น้ำขนาดย่อม มือหนาก็เอื้อมหยิบเอาขันพลาสติกสีเขียวเข้มขึ้นมาถือเอาไว้มั่น กำลังจะก้มลงไปจ้วงตักน้ำกลับต้องสะดุ้งเฮือก!! หัวใจหล่นหายไปอยู่ที่ตาตุ่มแทน
ภูศิลารีบเงยหน้าขวับ มองขึ้นไปบนต้นไม้ที่ด้านหลัง เมื่อเห็นชัดว่าอะไรเป็นอะไรก็ต้องลนลานรีบเอาขันในมือมาครอบปิดภูศิลาน้อยเอาไว้อย่างร้อนรน
“โมรา!!”
ชายหนุ่มร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงสูง หญิงสาวปากแดงวงใหญ่ กับเบ้าตาสีม่วง กำลังนั่งยิ้มแป้นแล้นอยู่บนกิ่งของไม้ต้นนั้น
เมื่อครู่เขาเห็นหน้าไม่ชัด ทำเอาใจเขาหล่นไปอยู่ที่นิ้วโป้งเท้า นึกว่าผีป่ามาหลอกหลอนตอนกลางวันแสก ๆ เสียแล้ว
...แม่เล่นแต่งหน้าจัดเต็มเสียขนาดนั้น...
“ทำอะไร?” โมราตะโกนลงมาถามสีหน้าฉงน ภูศิลาฮึดฮัดไม่ตอบคำ จะทำอะไรมันก็เรื่องของเขาไม่ใช่หรือ ชายหนุ่มคิดพลางรีบมองหาผ้าสักผืนเพื่อมาปกปิดร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของตน
แต่ก็นึกขึ้นมาได้...เขาถอดทุกอย่างแขวนเอาไว้ที่เสากระท่อมจนหมดแล้ว เมื่อครู่ได้เดินแกว่งดาบใหญ่โทงเทงมาแต่ตัว
เมื่อระลึกได้ถึงความจริงข้อนั้นชายหนุ่มก็ต้องพ่นลมพรืดออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะรีบหมุนร่าง หมายจะเดินกลับไปยังที่พักโดยทันที
แต่ยังไม่ทันจะก้าวขา ร่างผอมบางของโมราก็กระโดด ตุ้บ! ลงมาจากต้นไม้ ก่อนจะวิ่งมาขวางหน้าเอาไว้ไม่ให้เขาขยับ
“นั่นอะไร?” เธอชี้นิ้วผอม ๆ ไปที่ภูศิลาน้อย ซึ่งมีขันตักน้ำสีเขียวเข้มครอบปิดอยู่ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ทอประกายแสงแห่งความสงสัยใคร่รู้นัก
“ไอติมแท่ง” ชายหนุ่มก็ดันปากไว เพราะติดนิสัยชอบกวนบาทาคน ลืมนึกไปว่าอีกฝ่ายนั้นไม่เต็มบาท และก่อนที่เขาจะทันได้แก้คำ โมราที่ได้ฟังก็ยิ่งเบิกตาโต รีบพุ่งเข้าไปหมายจะคว้าเอา
“ขอกินหน่อย แบ่งเร็ว ๆ” เธอพูดไปก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไป รู้สึกเคืองที่เขายังไม่ยอมปล่อยมือ อากาศร้อนขนาดนี้ มีไอติมทำไมถึงไม่แบ่งกัน
ภูศิลาร้อง เฮ้ย! พยายามเบี่ยงตัวหลบหนีเป็นพัลวัน แต่คนบ้ามันก็ไวปานลิง ไล่ต้อนจนเขาจนมุมเสียหลัก ล้มพับลงข้างตุ่มใส่น้ำเสียงดัง พลั่ก