**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของนักเขียน บุคคล เหตุการณ์ และสถานที่ในนิยายไม่ได้มีอยู่จริง เนื้อหามีคำหยาบคาย มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตัวละครบางตัว
นักเขียนตั้งใจให้ตัวละครหลักในเรื่องค่อย ๆ เติบโตและเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักผิดชอบชั่วดี นักอ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
————————-
เด็กผู้หญิงยากจนที่เขาทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงอย่างเธอ กลับมาสารภาพรักเขาให้อับอาย แถมยังพลาดไปมีอะไรกันจนเธอท้อง เขาจะรับก็คงไม่ได้เดี๋ยวจะอายคนเสียเปล่า ๆ
จึงต้องหนีให้ไกลไปหลายปี กลับมาอีกทีเห็นเธอจะเป็นของคนอื่น แต่ทำไมในใจเขากลับร่ำร้องไม่ยินยอม
__________________________________
“ฉันจะยอมจ่ายให้เธอก็ได้ ถ้าเธอเลิกยุ่งกับไอ้ภู” ชายหนุ่มเปลี่ยนท่าที ทำเป็นยอมลดรา แล้วยื่นข้อเสนอให้เธอแทน
ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้ จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งบุรุษเพศจากกายเขา
“ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ” เพียงตะวันปฏิเสธเสียงแข็งในทันที ไม่ใช่เพราะอยากจะยุ่งกับภูศิลา แต่เพราะอยากปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเท่านั้น
“แล้วใครว่าฉันจะจ่ายเป็นเงินกันล่ะ?” พสุธาแสยะยิ้มร้าย คิ้วเรียวของเพียงตะวันขมวดมุ่นเมื่อได้ฟังประโยคนั้น
แต่ยังไม่ทันจะได้พูดตอบโต้อะไรออกไป ฝ่ามือหนาของเขาก็ดึงกระชากร่างผอมบางของเธอเข้าไปปะทะกับอกกว้างอย่างแรงเสียก่อน มืออีกข้างของเขายังสอดจับยึดท้ายทอยเล็กเอาไว้แน่น ไม่ปล่อยให้เธอได้ขยับกายถอยหนี
“เอ๊ะ!...” เพียงตะวันเปล่งเสียงได้เพียงเท่านั้นก็ต้องชะงักค้างเบิกตาโพลง ราวกับวิญญาณถูกดึงออกจากร่าง เมื่อริมฝีปากแห้งผากบัดนี้ถูกเขาบดขยี้ด้วยจูบอันแสนหนักหน่วงรุนแรง
มันรุนแรงเสียจนเด็กสาวได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ในโพรงปาก และพสุธาจงใจให้เป็นเช่นนั้น หากมีสติดังเช่นยามปกติอีกสักหน่อย เพียงตะวันคงไม่ปล่อยให้เขาขบกัดดูดดึงอยู่ฝ่ายเดียว อย่างน้อยเขาต้องได้เลือดตกยางออกมากกว่าเธอเป็นแน่
แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อสติทั้งหมดได้ถูกเขาบดขยี้ไปพร้อมกับริมฝีปากจนแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว
กำปั้นเล็กของเธอพยายามจะทุบที่อกเขา แต่ก็ถูกมือหนาข้างหนึ่งจับยึดเอาไว้ได้ แม้จะพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการสักเท่าไร เด็กสาวกลับไม่อาจสู้แรงของผู้ชายหนุ่มแน่นตัวโตอย่างเขาได้เลย
ร่างบางถูกผลักล้มลงบนม้านั่งอย่างไร้ปราณี ซ้ำร้าย เรียวขาเล็กที่คิดจะยกขึ้นถีบกลับถูกท่อนขาแกร่งของเขาเบียดแยกออกจากกันได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่พสุธากำลังมัวเมา ตะโบมจูบอย่างอุกอาจเอาแต่ใจ ไม่คิดแยแสการประท้วงจากคนใต้ร่างแม้แต่น้อย
เพียงตะวันกลับไม่อาจช่วยเหลืออะไรตัวเองได้เลย
ความตื่นตระหนกหวาดกลัวเข้าจู่โจมหัวใจของเด็กสาวจนแข้งขาพาลอ่อนแรง ร่างเล็ก ๆ ของเธอแทบจะพยุงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ได้แต่ดึงรั้งสาบเสื้อเชิ้ตของเขาเอาไว้แน่น
นับตั้งแต่เกิดมาเพียงตะวันยังไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน เขาทำให้เธอกลัวมากจริง ๆ
ร่างผอมบางใต้ร่างหนานั้นสั่นสะท้าน รุนแรงเสียจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ และรับรู้ถึงหยาดน้ำใสที่ร่วงผล็อยลงจากหางตาอย่างกลั้นไม่อยู่
ชายหนุ่มในที่สุดจึงยอมผละออกให้เธอได้หายใจหายคอบ้าง เมื่อได้เห็นสีหน้าหวาดผวาราวกับลูกกวางน้อยนั้นแล้วก็แค่นยิ้มอย่างสาแก่ใจ
“ทำไม? ตื้นตันใจจนต้องร้องไห้ออกมาเลยเหรอ? งั้นเดี๋ยวจะแถมให้ ถือว่าทำบุญก็แล้วกัน ไหน ๆ ก็ต้องกลับไปเอาแอลกอฮอล์ล้างปากอยู่แล้ว”
เขาเอ่ยเหยียดหยาม ก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปใหม่ ไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งตัว
เพียงตะวันไร้หนทางจะหลีกหนี ได้เพียงสูดลมหายใจขาดห้วงเข้าปอด รู้สึกราวกับตนเองใกล้จะขาดอากาศตายในไม่ช้า พยายามร้องประท้วงสุดชีวิต แต่เสียงทั้งหมดก็ถูกเขากลืนกินกลายเป็นเพียงเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอเท่านั้น