“ว่าแต่ยายเถอะ พักบ้างนะคะ ไม่ต้องหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ก็ได้” ม่านแพรเอ่ยกับผู้เป็นยายด้วยความสงสาร เพราะรู้ดีว่าเงินที่ได้จากการพับถุงกระดาษขายก็จะถูกมารดาขโมยไปหมด ไม่ว่ายายของเธอจะซ่อนเงินไว้ที่ไหน แม่ของเธอก็เหมือนจะมีญาณวิเศษหาเจอหมด ขนาดยายเก็บเงินไว้กับตัว แม่ยังแอบเอาไปได้ตอนที่ยายนอนหลับ ของเธอถ้าไม่มีบัญชีก็คงไม่เหลือสักบาทแน่นอน
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ใช้กรรมให้หมด เผื่อสวรรค์ท่านจะเมตตาให้นอนหลับไปเฉยๆ แบบไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย” นางทองม้วนเอ่ยออกมาด้วยเสียงเศร้า บางครั้งนางก็แอบร้องไห้และเฝ้าโทษตัวเองว่าไม่สามารถอบรมลูกให้เป็นคนดีได้ ทำให้ลูกของนางเป็นคนที่ไร้ประโยชน์แบบนี้
“อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะยาย ถ้ายายเป็นอะไรไปแพรจะอยู่กับใคร” ม่านแพรเข้าไปกอดผู้เป็นยายไว้ ด้วยความเศร้าใจ เธอมียายเป็นเหมือนแม่และคอยดูแลมาตลอด แต่แม่ของเธอจริงๆ กลับไม่เคยสนใจเธอ ออกไปเล่นการพนันปล่อยให้ผู้เป็นยายต้องคอยเลี้ยงหลานกำพร้าอย่างเธอ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อ โชคชะตาไม่เคยใจดีกับเธอเลย จนกระทั่งทุกวันนี้ เธอก็ต้องทำงาน เพื่อชำระหนี้ที่มารดาบังคับให้ยายเอาบ้านไปจำนอง ทำให้เธอแทบไม่เคยมีเงินเก็บและต้องทำงานหลายที่เพื่อให้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว
“ก็เพราะเป็นห่วงเอ็งนี่แหล่ะ ยายเลยยังหายใจอยู่ตอนนี้” นางทองม้วนเอ่ยตามจริง ถ้าไม่ห่วงหลานสาวคนนี้ นางก็อยากจะลาโลกใบนี้ไป ห่วงเดียวที่นางทองม้วนมีอยู่ ก็คือหลานสาวผู้น่าสงสารคนนี้
“ซึ้งจริงๆ นะสองยายหลาน” นางสายไหมเอ่ยออกมาหลังจากที่ฟังสองยายหลานคุยกันมาสักพัก
“กลับบ้านได้ด้วยเหรอ” นางทองม้วนเอ่ยกับบุตรสาวด้วยความไม่พอใจ พอมาถึงก็มาหาเรื่องแบบนี้ สงสัยจะเสียมาแน่เลย
“กลับได้สิ นี่บ้านฉัน ทำไมฉันจะกลับไม่ได้ล่ะแม่” นางสายไหมเอ่ยอย่างน่าหมั่นไส้กับผู้เป็นมารดา
“ฉันไม่มีเงินจะให้แกหรอกนะ ไม่ต้องมาหวังว่าจะมาเอาเงินที่ฉัน” นางทองม้วนเอ่ยกับบุตรสาวอย่างเหลืออด ไม่สำนึกแล้วยังไม่มีความเป็นแม่อีก ส่วนม่านแพรได้แต่มองความบาดหมางที่เกิดขึ้นด้วยความเจ็บปวด