ค.ศ.2009
บนดาดฟ้าของสิ่งก่อสร้างมหึมา ที่กินพื้นที่กว่า14 ไร่ ซึ่งเป็นทั้งสัญลักษณ์ของประเทศเล็กๆเกิดใหม่อย่าง “ริวอง”
และองค์กร การพัฒนาและควบคุมบุคคลพิเศษ ระหว่างประเทศ (international special persona development and control organization)เรียกสั้นๆว่า “อิสโค” (I.S.C.O)
มีร่างแน่งน้อย แลดูบอบบาง นั่งมองผู้คนหลากหลาย เชื้อชาติหลั่งไหลเข้ามายัง ที่แห่งนี้ด้วยดวงตากลมโต สีเหลืองส้มทอประกายงดงาม ดั่งบุษราคัมเลอค่า
หากแต่ไร้เป้าหมาย เพราะยามนี้ใจผู้เป็นเจ้าของ คำนึงถึงแต่เรื่องเสียงพร่ำรำพึงในความฝันทุกๆคำคืน และความรู้สึกทุกข์ระทม ที่ไร้สาเหตุ
รอ...รอมาตลอด...
มันผิด ทรมาน กับ ความหวัง ที่ไม่มีวันเป็นจริง
ลืม ลืมซะเถอะ ลืมเพื่อเขา...เพื่อเขา...
"รอ...รอใครกัน"
คิ้วได้รูปสวยของ อิโนอุเอะ มิยูกิ ขยับเข้าหากันเล็กน้อย ทำให้ปรากฏรอยบนใบหน้าหากมิได้ ทำให้ความงามของเธอ ลดน้อยลง
ด้วยทุกส่วนของเด็กสาว ประกอบขึ้นมาได้อย่างลงตัว ทั้งเรือนผมละมุน สีอ่อนแปลกตา และผิวขาวผ่องเป็นย่องใยแพร่ประกายเรืองรองราวกับ ดวงจันทรา กระจ่างฟ้ายามค่ำคืน ขับให้ ริมฝีปากแดงอิ่มของวัยสาว และทุกส่วน บนเครื่องหน้าเด่นชัดมากยิ่งขึ้น สะกดทุกสายตา ที่ประสบพบเห็น แม้กระทั่งตอนนี้
ร่างสูงโปร่งของ อิโนอุเอะ ทัตสึยะ ชายหนุ่มวัย18ปี เฝ้ามองเธอ ผู้เป็นน้องสาว อย่างหลงใหลและชื่นชม ‘3 ปีแล้วสินะ’ ที่เขาต้องทนทรมาน กับความคิดถึงเธอ ตลอดเวลาที่อยู่ในศูนย์วิจัยแห่งนี้
องค์กร “อิสโค” รวบรวมเด็กอายุที่มีพลังแฝงทั่วโลก มาเข้าการฝึกทดสอบเมื่ออายุครบ15ปี เหตุเพราะพลังแฝงของเด็กส่วนใหญ่มักจะหายไปก่อนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ทำให้ต้องใช้เวลาทดสอบขั้นต่ำอีก3ปีในศูนย์วิจัย โดยผู้เข้าฝึกจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จนกว่าจะ จบการทดสอบ ตอนอายุ18 ในวันนั้นคนที่ผ่านการทดสอบ จะได้รับใบอนุญาตใช้พลัง และอิสรภาพคืนมา ซึ่งก็คือวันนี้ วันจบการทดสอบของเขา แต่กลับเป็นวันเข้าทดสอบวันแรกของมิยูกิ
“เฮ้อ” ชายหนุ่มถอดหายใจ เมื่อคิดถึงระยะเวลาอีก3ปี ที่ต้องไร้เธอข้างกาย ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉย กลับมีความวิตกกังวลมากมาย ซ่อนอยู่ แต่ความยุ่งเหยิงเหล่านั้น กลับสงบลงอย่างง่ายดาย เมื่อเขาเห็นใบหน้าหวานๆของเธอ จากรูปถ่ายในกระเป๋าสตางค์ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับภาพฝันตรงหน้า
สายลมเย็น ที่โอบอุ้มกลิ่นหอมของเหล่ามั่วดอกไม้ กลางฤดูใบไม้ผลิ พัดพาเส้นไหมสีน้ำตาลอ่อน ยาวสลวยไปตามลม เช่นเดียวกับเมฆบนท้องนภาที่ค่อยๆเคลื่อนผ่าน เปิดช่องให้แสงนวลลออ สาดส่องลงมาหา ร่างเล็กที่นั่งหันหลังอยู่ริมขอบตึก ช่างสว่างไสวเหมือนอยู่คนละภพ จนทำให้เขากลัว ว่าเธอจะหายไปตลอดกาล
ทัตสึยะก้าวเข้าไปคว้าเอวคอดกิ่ว ของผู้เป็นน้องสาว เข้าหาตน พร้อมกับความคิด ที่พลั้งเผลอกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา "มิยูกิอย่าไปนะ"
"อุ้ย!"เด็กสาวร้องอย่างตกใจ พยายามดิ้นหนีออกจากอ้อมแขนปริศนาที่กอดรัดเอวเธอไว้แน่น แต่ชั่วอึกใจถัดมาเมื่อเธอเห็นว่า ผู้ที่ทำอุกอาจคือคนที่ตนรออยู่ ร่างน้อยก็หยุดดิ้นรน
“พี่ชายเองเหรอ” หล่อนกล่าวอย่างโล่งอก แล้วจึงถามถึงประโยคที่เธอได้ยินไม่ชัดเจน “เมื่อกี้พี่ชายพูดอะไรนะ.คะ...”
เสียงหวานเริ่มขาดหาย เมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้เป็นพี่ ที่คร้ามคมกว่าแต่ก่อน ทั้งเรือนผมสีดำสนิท คิ้วดกหนาและนัยน์ตาสีเดียวกับเธอแต่กลับเข้มลึก จนไม่สามารถเห็นสิ่งใด จากต่างหน้าของจิตใจคู่นี้ ต่างจากเธอ ที่เปิดเปลือยทุกอย่าง
ต่างคนต่างนิ่งงันกับการได้พบหน้ากันอีกครั้ง ร่างสูงก้มวางศีรษะบนบ่าของเด็กสาวร่างเล็ก ผู้เป็นเจ้าของใบหน้าสวยหวานหมดจด และคงทรงเสน่ห์ขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลา
มันน่าหงุดหงิดชะมัด..ทัตสึยะคิด ไม่รู้ว่าพี่คนอื่นจะมีอาการติดน้องเหมือนเขารึเปล่า แต่เขาแทบไม่อยากนึกถึง วันที่เธอมีชายอื่นมาดูแลแทนเขา ได้กอดเธอเหมือนเขา
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมเบี่ยงจมูกไปสูดดมความหอมจากเรือนกายสาวอย่างโหยหา เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะละออกมา มองใบหน้าสวยที่แดงระเรื่อผิดปกติด้วยความเป็นห่วง และถามขึ้นว่า
"ไม่สบายรึเปล่า" ทัตสึยะยกมือขึ้นมาสัมผัสแก้ม ของมิยูกิอย่างแผ่วเบา
"เปล่าค่ะสงสัยโดนแดด" มิยูกิตอบด้วยท่าทีประหม่า เขาจะรู้หรือเปล่าว่าอาการที่เธอเป็นอยู่ มันเกิดจากความรู้สึกส่วนลึกที่เธอมีให้เขา
“ดีแล้วละที่ไม่เป็นอะไร งั้นเราไปกันเถอะเจ้าหญิง”
ทัตสึยะยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมมือแกร่งยืดออกมารอรับ
"ค่ะ" มิยูกิ วางมือบนนั้น พร้อมรอยยิ้มและแววตา สั่นไหวจากทุกอณูความรู้สึกที่กักเก็บในหัวใจของเธอ ถึงเธอจะรู้ว่ามันผิดแค่ไหน และจะจบลงเช่นไร แต่ก็ไม่อาจลบความรู้สึกนี้จากหัวใจ ที่มันค่อยแต่ลักลอบสื่อคำที่เอ่ยไม่ได้นี้ ออกไปผ่านทางสายตา ว่า รัก
อดีต ซ่อนเร้น ณ ส่วนลึกของวิญญาณ ถูกพันธนาการด้วยความถูกต้อง
มีเพียงเขามาสั่นคลอน ปลดเปลื้องสิ้นพันธะใจ
ป.ล.นิยายเรื่องแรกที่เขียน
ฝากตัวด้วยนะค่ะ>< ผิดพลาดหรือมีข้อติชมกันได้เลยนะค่ะ