ฉันน่ะชื่นชมเจ้าชายแอกเซลมาก หรือปัจจุบันเขาก็คือ [แกรนด์ดยุกแอกเซล อาเจนไทน์] เจ้าชายผู้มีรูปร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีเงิน และนัยน์ตาสีบลูไดมอนด์ล้ำค่า ดวงตาของเขาคมเฉี่ยวเข้ารับกับคิ้วหนา จมูกของเขาโด่งเป็นสันเข้ารับกับริมฝีปากบางราวกับเหยี่ยว กรอบหน้าคมคายนั่นมันทำให้มีเสน่หฺเหลือล้นมากจริง เขาอายุเยอะกว่าฉันสามปี ทำให้เราได้มีโอกาสที่ได้พบกันอยู่บ่อยครั้ง เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ จริงใจ อ่อนโยน เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ตกหลุมรักเขา แต่ฉันก็ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาได้ เพราะเขาเลือกที่จะไม่แต่งงาน เพราะอยากจะสนับสนุนกษัตริย์ซึ่งเป็นพี่ชายที่อายุห่างจากเขาถึงหลายสิบปี
ฉันมาขอสมัครงานเป็นผู้ช่วยของเขา ฉันมีทักษะการทำงานที่ดีมากและอยู่กับเขา แน่นอนว่าฉันเองก็ไม่ได้แต่งงาน ตอนนี้ฉันอายุ 22 ปีแล้วซึ่งเหลือเพียงไม่กี่ปี ฉันก็จะเลยวัยแต่งงานแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะเสียใจเลยเพราะฉันได้อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา เผื่อว่าสักวันหนึ่งเขาจะหันกลับมามองฉันบ้าง แม้ว่าความหวังเหล่านั้นมันจะริบหรี่มากก็ตาม
ทุกๆวันที่ฉันคอยช่วยเหลืองานของเขา มันมีความสุขมากจริงๆ แต่ว่า
“นี่เอสเตลล่า”
นังเด็กนั่นโผล่เข้ามา
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
อีกฝ่ายเป็นเด็กสาวใบหน้าเล็กแก้มเยอะหน้าดูอ่อนวัย ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสและริมฝีปากเล็กๆ และเรือนผมสีบลอนด์ เธอเป็นสาวงามที่หาใดเปรียบเลยแหละ เธอคือ เลดี้ [ราเอล เบย์ลอน] บุตรสาวตระกูลไวเคานต์ เจ้าชายแอกเซลช่วยเธอเอาไว้
“นี่คือเอสเตลล่า ฟรอนเทียร์ บุตรสาวของมาร์ควิสฟรอนเทียร์ เป็นเลขาของฉันน่ะ”
“ยินดีที่ได้พบค่ะ”
ถ้าเป็นปกติแล้วเลดี้ของตระกูลขุนนางระดับล่างมักจะวางตัวด้วยมารยาทของชนชั้นสูงเพื่อที่จะไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าตัวเองเป็นขุนนางระดับล่าง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่ได้ลังเลที่จะแสดงด้านนั้นออกมาเลย เธอแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นบุตรสาวของขุนนางชนบทอย่างไม่หวาดหวั่น
“เลดี้ฟรอนเทียร์สวยมากเลยค่ะ เสื้อผ้าก็ทันสมัย รูปร่างก็ดีมาก”
“ขอบคุณค่ะ”
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็มาที่ห้องทำงานของเจ้าชายแอกเซลบ่อยมากขึ้น และในวันหนึ่ง... เจ้าชายที่ไม่ค่อยได้ยิ้มกลับยิ้มกว้าง ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ ดวงตาที่เฉี่ยวคมดุดันตลอดเวลากลับอ่อนช้อยลง
แม้แต่ฉัน ที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด ยังไม่เคยเห็นเขาหัวเราะและยิ้มแย้มขนาดนี้มาก่อน เขาเปลี่ยนไป เขามักจะพูดถึงผู้หญิงคนนั้นบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มละเลยงานของตัวเองและโยนมาให้ฉันทำมากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายครั้งที่เขาโดดงานและออกไปข้างนอก งานเสร็จไม่ทันกำหนด กษัตริย์มาตำหนิถึงที่ ฉันก็พยายามรับหน้าเอาไว้ หลายครั้งที่ฉันไม่ได้กลับบ้านเพราะต้องมาทำงานแทนเขาที่หายตัวไป ก่อนที่เขาจะกลับมาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอม ใช่ ฉันยังคงจำได้ มันเป็นกลิ่นน้ำหอมจัสมินของเด็กคนนั้น มันติดตัวของเขามา
แล้วมันติดตัวของเขามาได้ยังไง?
ภาพลักษณ์ของเจ้าชายผู้สง่างามที่ทรงงานตลอดไม่เคยทิ้งหน้าที่และความรับผิดชอบมันเริ่มหายไป... มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันนะ?
ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันมีทั้งรักและเจ็บปวด รวมถึงริษยา ฉันพยายามกลืนมันทั้งหมด และฝืนทนแต่ก็ทำไม่ได้
“เจ้าชายแอกเซลเพคะ นับตั้งแต่เลดี้คนนั้นเข้ามา ฝ่าบาทก็ทรงเอาแต่ละเลยหน้าที่ งานก็ออกมาไม่เรียบร้อย กรุณาอย่าให้เลดี้คนนั้นเข้ามาที่นี่ด้วยเถอะเพคะ”
ร่างกายของฉันสั่นเทา ขณะที่รอฟังคำตอบจากเขา ฉันหวังเอาไว้ว่าแค่สักนิด อยากให้เขามองเห็นถึงความสำคัญของฉันที่คอยอยู่เคียงข้างและอดทนโหมการงานบ้าง หรืออย่างน้อยๆก็ให้เห็นถึงงานที่สำคัญของเขาจนถึงขั้นที่เขายอมละทิ้งการแต่งงานไป
“เอสเตลล่า นั่นน่ะเป็นคำแนะนำหรือว่าคำสั่งกัน?”
สายตาที่เขามองมาทางฉันมันช่างเย็นชาและไร้ความปรานี ฉันถึงกับผงะทันทีที่ได้เห็น มือเท้าของฉันชาไปจนหมด พอได้เห็นว่าเขาเป็นแบบนั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่าความรู้สึกของฉันไม่มีวันจะส่งไปถึงเขาอีกแล้ว ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาที่หน้าอกของฉันไปมาจนหนักอึ้งหายใจแทบไม่ออก คนที่ฉันชื่นชมมาตลอด ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้กันนะ? มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น...
ฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกันนังนั่นออกไป แต่แล้วทั้งลูกชายของผู้บัญชาการกองอัศวิน ดยุกน้อย ทุกคนเข้ามาขัดขวางแผนการของฉันเหมือนกับรู้ล่วงหน้าว่าฉันจะต้องพยายามกีดกันไม่ให้นังเด็กนั่นมาเจอกับเจ้าชาย
“เอสเตลล่า มาพอดีเลย มีเรื่องจะปรึกษาน่ะ พอดีว่าราเอล เอ่อ เลดี้เบย์ลอนชวนฉันไปงานเลี้ยงครั้งหน้าน่ะก็เลยอยากจะให้เธอช่วยตัดสินใจหน่อยว่าจะเลือกสวมชุดไหนดี”
“ฝ่าบาท...รักเด็กคนนั้นหรือเพคะ?”
“อ่า...ฉันรักราเอลจนหมดหัวใจเลยแหละ”
ฉันทน... ต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้าฉันต้องอยู่เคียงข้างเขาและต้องอดกลั้นความเจ็บปวดแบบนี้ต่อไป ฉันคงจะระเบิดแน่ ฉันจะต้องทำให้เขาเกลียดฉันแน่ แต่ฉันไม่อยากจะถูกเขาเกลียด
เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันจึงจะวางแผนที่จะลาออก จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามา [เจ้าหญิงร็อกซานา บาเรนไฮม์] บุตรสาวของดยุกซึ่งเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาท เธอมาหาฉันพร้อมกับสิ่งที่ฉันตามหา มันคือ [ยาปลุกเซ็กส์] ที่ฉันเฝ้าหา และเมื่อมือของฉันสัมผัสกับขวดนั่นฉันก็ได้รู้ว่าตัวเองเป็น [นางร้ายในเกมจีบหนุ่มรูทของเจ้าชายแอกเซล] และเจ้าหญิงร็อกซานาเองก็เป็นนางร้ายของรูทองค์รัชทายาท
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่เลย เพราะฉันหวนถึงชาติที่แล้วได้ ฉันเป็นพนักงานบริษัททำหน้าที่เป็นเลขาเหมือนกัน ไม่ต่างอะไรจากเอสเตลล่าเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันน่ะกลายเป็นผู้กลับชาติมาเกิด และที่สำคัญตัวของเจ้าหญิงร็อกซานาเองก็น่าจะเป็นผู้กลับชาติมาเกิดเพราะมันไม่มีอีเวนต์ที่นางร้ายสองรูทมาเจอหน้ากัน
ฉันเข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้าหญิงร็อกซานาที่กลับชาติมาเกิดใหม่คงจะทำทุกวิถีทางที่ตัวของเธอจะต้องไม่ลงเอยกับต้นฉบับนั่นก็คือถูกทอดทิ้งและส่งไปที่คอนแวนต์บวชเป็นชีตลอดชีวิต และแน่นอนว่าการวางยาปลุกเซ็กส์มันก็ไม่ถูกต้อง
คงเป็นเพราะว่าความทรงจำของชาติที่แล้วหลั่งไหลเข้ามาในหัวของฉัน ทำให้ฉันคิดหนักเลยว่าจะทำยังไงต่อ ยาปลุกเซ็กส์ในมือของฉันทำเอาตัวของฉันสั่นไหว ครึ่งหนึ่งของฉันที่เป็นเอสเตลล่าอยากจะใส่มันให้เจ้าชายแอกเซลกินมาก แต่อีกครั้งก็ไม่อยากให้เขากิน
แต่ถ้าร็อกซานาทำแบบนี้มันก็... ให้ตายสิ เอายังไงดีเนี่ย?
จะว่าไปแล้วพอกลับมาหวนคิด นังเด็กคนนั้นเป็นนางเอกของเกมสินะถึงได้มีท่าทางแบบนั้นแถมยังทำรีเวิร์ส ฮาเร็มได้อีก ยัยเด็กคนนั้นคิดจะรวบหมดเลยสินะ รู้รึเปล่าว่าถ้าเกิดรีเวิร์สฮาเร็มขึ้นมาโลกแห่งนี้มันจะเป็นยังไงน่ะ?
ฉันหวนคิดถึงคำว่า [นังจิ้งจอก] ทันที ในสมัยก่อนจะมีปีศาจจิ้งจอกที่จะจำแลงมาเป็นสาวงามและเข้าไปยั่วยวนจักรพรรดิ เจ้าชาย ขุนนางจนทำให้ประเทศล่มสลายได้เลยนะ เดี๋ยว แล้วบ้านของฉันล่ะจะเป็นยังไง? ถ้าประเทศนี้ล่มสลายแล้วละก็... ไม่ได้! ฉันจะยอมไม่ได้! ยังไงวันนี้ก็ต้องขัดขวางไม่ให้เจ้าชายแอกเซลไปงานเลี้ยงตามแผนการของร็อกซานาไปก่อน
ฉันหยิบขวดยาปลุกเซ็กส์ขึ้นมาและเอามันไปที่ห้องชงชาทันที