เนื้อเรื่องย่อ
“ปลาดาว.. ปลาดาว..” เสียงหวานเรียกชื่อตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กสาวแก้มแดงถักผมเปียกับหมวกสานใบโปรด
“ลูกสาวพ่อน่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยครับ”
“หนูรู้ค่ะ” ปลาดาวตอบพลางกระโดดกอดคอผู้เป็นพ่อ
“ในโลกนี้หนูรักพ่อแม่และพี่ฉลามเสือที่สุดเลย” เด็กสาวเป็นคนช่างพูดและเป็นคนอารมย์ดีมากที่สุด ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยพบความเสียใจแม้แต่เพียงสักครั้ง
“ยกยอกันเข้าไป” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านหลังพร้อมกับการปรากฎตัวของมารดา
“คุณแม่~”
“อ้อนเก่งเหลือเกินนะเราแม่จะบอกให้นะอ้อนเก่งขนาดนี้โตขึ้นมาเราไม่ได้ออกจากบ้านแน่พ่อเราจะหวงเรามาก”
“ไม่จริงหรอกครับ”
“พูดจริงเลยต่างหาก”
“ปลาดาวลงมานี่” ผู้เป็นพี่ชายเรียกน้องสาว
“ไปไหนเหรอคะพี่ฉลามเสือ” เด็กน้อยรีบลงจากอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อก่อนที่จะวิ่งไปหาพี่ชาย
“เล่นทราย”
“น้องจะปั้นปราสาท” ปลาดาวตัวน้อยพูดเจื้อยแจ้วก่อนที่จะหันไปมองบิดาและมารดาที่กำลังเต้นรำกันท่ามกลางหาดชายและน้ำทะเล
“โตขึ้นมาน้องก็อยากจะทำแบบนั้นเหมือนคุณแม่เหมือนกัน”
“ไว้พี่จะรอเราโตก่อนนะ” ฉลามเสือบอกพลางขยับหมวกให้น้องสาวด้วยความรัก
“ไม่ใช่แค่พ่อที่หวงเรานะพี่ก็หวงเหมือนกัน”
“อิอิ น้องรักพี่ฉลามเสือที่สุดเลย พี่ฉลามเสือหยิบกิ่งไม้ให้หน่อยค่ะ” เด็กสาวบอกพร้อมกับยิ้มแฉ่งจนตาหยี
“ถ้าเรามีลูกสาวแบบนั้นก็ดีสิคุณแต่เสียดายที่เรามีลูกไม่ได้แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกยังไงเราก็มีลูกเมฆอยู่แล้ว” สองสามีภรรยาที่เดินผ่านมาพร้อมกับลูกชายหันไปมองหน้ากันด้วยความเสียดาย
“ครับคุณถึงเราจะลูกไม่ได้แต่เราสองคนก็จะรักลูกเมฆให้เหมือนกับลูกของเราเอง”
“เมฆอย่าวิ่งเล่นไกลมากนักนะลูก”
“ครับ” เด็กชายค่อยๆคลายมือที่จับออกก่อนที่จะค่อยๆกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามชายทะเล
“ลูกเมฆน้อยของเราเองก็น่ารักและสดใสมากเหมือนกันนะคะคุณว่าไหม”
“ใช่แล้วละคุณ” สองสามีภรรยายืนโอบกอดกันมอดูลูกชายบุญธรรมด้วยรอยยิ้ม ลูกคนนี้คือทุกสิ่งและทุกอย่างของเธอและสามี
----
“นี่ตื่นสิ.. นี่..” มือเล็กวางทาบลงบนหน้าอกกว้าง เด็กสาวหันไปมองผู้คนรอบข้างแต่ก็กลับไม่มีใครเลยเนื่องด้วยความเป็นซอยเล็กๆสำหรับผ่านไปร้านหนังสือเก่าหลังโรงเรียนก็เท่านั้น
“นี่นาย! ไม่นะ อย่าตายนะ” หูบางเงี่ยฟังเสียงหัวใจที่นิ่งสนิทไปด้วยความกลัว
“ฉันกลัวคนตายนะ”
“บอกให้ตื่นไง” ปลาดาวรวบรวมสติที่มาพร้อมกับน้ำตาก่อนที่จะประสานมือและปั้มหัวใจตามที่ได้เรียนมา
“ขอร้องละอย่าตายเลยนะ” เด็กสาวร้องไห้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ถ้าเธอไม่บังเอิญจะมายืมหนังสือนิยายที่ร้านเค้าคนนี้ก็จะไม่มีใครช่วยแล้วนะ
“ขอร้องละได้โปรดตื่นเถอะนะ ตื่นสิ..” ปลาดาวเอ่ยขอพลางตะโกนสุดเสียง
“เฮือก.. ” ลมหายใจของชายหนุ่มกลับมาพร้อมกับเสียงของหัวใจที่กลับมาเต้นอีกครั้ง
“เ..เจ็บ”
“ฮืออ กลัวแทบตาย” ปลาดาวนั่งร้องไห้ปล่อยโฮก่อนที่จะตะโกนเรียกผู้คนจนสุดเสียง
“เกิดอะไรขึ้นหนู”
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยคนๆนี้ด้วยค่ะ..”
“...” เด็กหนุ่มมองดูเด็กสาวตรงหน้าด้วยความเลือนลางใครกันที่ร้องไห้อยู่ใกล้เค้า นางฟ้าอย่างนั้นเหรอ
“พ่อหนุ่ม.. อย่าพึ่งหลับนะ นี่คุณเรียกรถพยาบาลหรือยัง” เจ้าของร้านหนังสือหันไปตะโกนถามภรรยาที่วิ่งตามออกมาติดๆ
“เรียกมาแล้วละโชคดีนะที่ร้านเราอยู่ใกล้โรงพยาบาลนะ แม่หนูน้อยไม่เป็นไรแล้วนะลูก” หญิงสาวเดินเข้ามากอดเด็กผู้หญิงตรงหน้า
“เค้าจะไม่ตายใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้วละเด็กน้อย พ่อเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วละหนูเก่งมากเลยนะที่ช่วยชีวิตพ่อหนุ่มคนนี้เอาไว้”
----
“บอกว่าไง.. ไม่ไหวก็อย่าฝืนโอเคไหม” เสียงหวานเอ่ยเตือนพลางจับหน้าอกของอีกฝ่ายเอาไว้
“มันจะไม่เป็นไรใช่ไหม”
“เป็น”เมฆตอบพลางยืนนิ่งจ้องมองหญิงสาวไม่วางตา
“ทำไมละขอฟังเสียงหน่อย” ปลาดาวใช้มือจับเส้นผมทัดหูก่อนที่จะค่อยๆขยับศีรษะเข้าไปใกล้
“แต่มันเต้นแรงมากเลยนะมันจะไม่ตุยใช่ไหม” ปลาดาวเอ่ยถามพลางเงยหน้าสบสายตากับอีกฝ่าย
“ตึกตัก.. ตึกตัก.. ตึกตักกก”
“มันเต้นแรงกว่าเดิมอีก”
“มันก็เต้นสิ” เมฆตอบพลางขยับตัวถอยห่าง ชายหนุ่มจ้องมองริมฝีปากแดงระเรื่อก่อนที่จะเบือนหน้าหนี
“ไปโรงพยาบาลกันไปหาหมอ”
“ฉันก็หมอ”
“แต่นายยังไม่ใช่หมอนายเป็นนักเรียนหมอ” ปลาดาวบอกก่อนที่จะจับมือของอีกฝ่ายให้ตามมา
“ถ้านายเป็นน้องชายฉันนะรับรองว่าถูกฉันตีก้นโทษฐานดื้อ”
“เธอสิดื้อบอกว่าไม่เป็นไรยังไงละ” ชายหนุ่มพูดพลางขยับดึงมือออกแต่ทว่า
“อ่ะ.. นี่หัวใจนายนะเต้นแรงโครตๆเลยนะ” ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ ทำไมใบหน้าของเค้าถึงได้ใกล้เธอขนาดนี้
“พูดมากจริงเลยนะเรา.. จุ้บ” ริมฝีปากหนาค่อยๆประกบลงบนริมฝีปากแดงระเรื่อด้วยความลืมตัว
“อื้อ.. ตึกตัก ตึกตัก.. นี่มันเสียงหัวใจของเค้าหรือว่าเธอกันแน่”