"ว่ากันว่าวงจรชีวิตของผีเสื้อแบ่งเป็น 4 ระยะด้วยกันคือ ไข่ หนอน ดักแด้ และตัวเต็มวัย ก็เปรียบเหมือนระยะหัวใจที่ค่อยๆพัฒนาจากระดับจากขึ้นโครงแล้วก็ค่อยๆระบายสีแดงไปทีละน้อย หลังจากนั้นก็หย่อนความน่ารักความหวานกรุบกริบใส่ไปทีละหน่อยแล้วผลสุดท้ายก็ตู้มมหัวใจเต็มดวง.." เสียงหวานเอ่ยเล่านิทานที่ตนแต่งมาพร้อมกับทำท่าทางประกอบได้อย่างน่าเอ็นดู จินตนาการของเด็กสาวช่างสดใสราวกับมีผีเสื้อตัวน้อยคอยบินว่อนอยู่ในหัวใจ
"ตกใจหมดเลยแล้วยังไงต่อระเบิดตู้มแล้วยังไง" เสียงของเหล่าเด็กผู้หญิงในห้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ก็หัวใจไงแบบนี้ไง ตู้ม.." แพรวพราวบอกพลางส่ายศีรษะไปมา เส้นผมที่ถูกมัดแกละสองข้างสะบัดไปมาราวกับสายน้ำที่พลิ้วไหว
"ตู้มแล้วมันยังไง"
"ตู้มเสร็จก็แปลว่าหัวใจเต็มดวง สุดท้ายก็รักกันไง" แพรวพราวบอกพลางยกนิ้วน้อยๆของตนขึ้นมาทำท่าหัวใจพลางขยิบตาหนึ่งที เด็กสาวเป็นเด็กสาวที่แสนจะสดใสเป็นรอยยิ้มและพลังงานบวกให้คนที่อยู่รอบตัวและที่สำคัญที่สุด
"แพรวพราวแย่แล้วๆน้องลีน่าล้มในห้องน้ำ"
"ตึ้ง.." สมุดนิทานร่วงหล่นสู่พื้นทันทีพร้อมกับเจ้าของสมุดนิทานที่ได้อันตรธานหายไป
"อ้าวคุณครูคะแพรวพราววิ่งออกห้องไปอีกแล้วคะ"
"เดี๋ยวครูไปตามเองจ้ะ คนต่อไปเตรียมตัวมาเล่านิทานหน้าห้องได้เลยนะจ้ะ" คุณครูสาวแห่งห้องอนุบาลผีเสื้อบอกกับนักเรียนตัวน้อยวัย 5 ขวบด้วยความเอ็นดู
"ค่ะ/ครับ" เด็กๆขานรับก่อนที่จะหันไปพูดคุยกันเสียงดังเมื่อเห็นว่าคุณครูได้เดินออกจากห้องไปแล้ว
"แพรวพราวเล่าสนุกดีนะชอบมากเลยตอนทำท่าหัวใจแล้วระเบิดตู้ม"
"...."
"นี่ๆจะเล่าเรื่องอะไรเหรอ"
"การเดินทางของหุ่นยนต์"
"ไม่ค่อยชอบหุ่นยนต์เลย" เด็กผู้หญิงหน้าห้องหันไปคุยกันต่อโดยที่ไม่ได้สนใจเด็กผู้ชายที่จะมาเล่านิทานคนต่อไปเลยแม้แต่น้อย
"...." มือเล็กเอื้อมไปหยิบสมุดเล่านิทานของเด็กผู้หญิงคนก่อนหน้าขึ้นมาถือเอาไว้ก่อนที่จะเดินเอาไปวางไว้ที่บนโต๊ะคุณครู
"นิทานเรื่องผีเสื้อและหัวใจ แต่งโดยน้องแพรวพราวคนสวย" เด็กชายอ่านชื่อพลางทำหน้านิ่ง
"เอ้ะนั้นคุณครูมาแล้ว"
"เอาละจ้ะเราพร้อมแล้วใช่ไหมงั้นเล่านิทานต่อได้เลยนะคะ เด็กๆตั้งใจฟังเพื่อนเล่านะคะ"
"ค่ะ/ครับ"
"เออ.. หุ่นยนต์ หุ่นยนต์.."
"หุ่นยนต์อะไรทำไมไม่พูดต่อละ"
"ชู่ว์ๆเงียบสิไม่งั้นเพื่อนจะเล่าได้ยังไง" แพรวพราวพูดพลางยกนิ้วขึ้นมาจ่อริมฝีปากของตน ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่เพื่อนร่วมชั้นด้วยความสนใจ
"หุ่นยนต์.. หุ่นยนต์มัน.. ตุ้บ"
"ว๊ายตายแล้วเกิดอะไรขึ้น" เสียงสุดท้ายที่เด็กชายไเ้ยินคือเสียงของคุณครูประจำชั้นที่วิ่งมารับร่างของเค้าไม่ให้ล้มลงกระแทกพื้น
----
"แกนี่ฮอตปรอทแตกเลยนะ" แพรวพราวเอ่ยแซวเพื่อนสนิทของตนพร้อมกับเหลือบมองช่อดอกไม้ที่ถูกวางเอาไว้เต็มโต๊ะรวมไปถึงเหล่าบรรดาของหวานที่ถูกจัดเรียงรายไม่น้อยหน้า
"แกก็ได้เถอะอย่ามาพูดว่ามีแต่ของพวกฉันเลยจ้า" ปลาดาวหรี่ตามองสติ๊กเกอร์หัวใจที่ถูกติดลงตรงปกเสื้อ
"หัวใจดวงนั้นใครเอามาติดให้แกไหนแกบอกว่าไม่ชอบให้อะไรมาเลอะเสื้อไง"
"เอ้ะนั้นสิติดตอนไหนกันแต่ช่างเถอะหัวใจดวงน้อยๆแบบนี้ก็น่ารักดี ฉันไปโรงยิมก่อนดีกว่าวันนี้จะมีคัดเลือกรุ่นน้องเข้าร่วมทีม" แพรวพราวมองเสื้อนักเรียนของตนก่อนที่จะลุกขึ้นยืน เธอไม่ชอบของหวานกรุ๊งกริ๊งอะไรมากมายแล้วยิ่งเพื่อนสนิทของเธอแต่ละนางนั้นฮอตไม่หวั่นไม่ไหวไม่แน่ว่าอีกห้านาทีนี้เธอจะได้รับของไปด้วยซึ่งมันเกะกะเหลือเกิน..
"ยัยตัวดีนี่แกหนีอีกแล้วนะ"
"ใช่นะสิ" แพรวพราวหันไปตอบพร้อมกับยกยิ้ม เธอนะรู้ดีว่าตัวเองควรอยู่ตอนไหนหรือไม่ควรอยู่ตอนไหน
"ตุ้บ.."
"โอ้ยขอโทษค่ะ" หญิงสาวเผลอชนเข้ากับกระเป๋าหนังสือเข้าให้อย่างจังเพราะมัวแต่พูดแต่ตาไม่ได้มอง
"ขอโทษนะคะเจ็บไหม อ้าว.." หญิงสาวมองดูเด็กนักเรียนชายที่เดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะตอบพลางขมวดคิ้วกลายๆ
"หมอนั้นคงจะไม่เจ็บหรอกนะคงจะมีแค่หน้าผากเธอนั้นแหละที่เจ็บ.." มือเล็กนวดๆหน้าผากของตนพร้อมกับสองเท้าที่ก้าวเดินไปข้างหน้า
"..."
"หัวใจดวงน้อยๆแบบนี้ก็น่ารักดี ไฉนสติ๊กเกอร์หัวใจดวงน้อยที่ว่ามันกลับมาอยู่ในมือของเขาเหมือนเดิมเสียได้" ชายหนุ่มหันไปมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินไปไกลก่อนที่จะหยิบสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วก็แปะสติ๊กเกอร์เข้าไปทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
----
"เขาว่ากันว่าหนุ่มแว่นบางคนนี่ฮอตเนิร์ดนะแก" เสียงสาวๆที่กำลังเมาท์กันชวนให้คนที่ได้ยินนั้นสงสัย
"หนุ่มแว่น ฮอตเนิร์ด?.."
"จะฮอตแค่ไหนกันเชียว" แพรวพราวหันไปมองคณะวิศวะที่อยู่ไม่ใกล้ด้วยความสงสัย
"ไม่น่าได้ยินเข้าหูเลยต่อมความอยากรู้มันไม่หยุดทำงาน" แพรวพราวถึงกับหยุดเดินทันทีปล่อยให้เพื่อนสนิทของตนเดินนำห่างไป
"ฉันไปซื้อขนมก่อนนะ" หญิงสาวบอกก่อนที่จะรีบเลี้ยวไปทางอีกตึกทันที
"แว่นฮอตเนิร์ด? ฮอตเนิร์ด"
"หื้มหาไม่เจอ" แพรวพราวหันมองซ้ายทีขวาทีก่อนที่จะพบกับความว่างเปล่า
"สงสัยจะไปแล้วไว้ครั้งหน้าค่อยแอบมาดูใหม่อยากรู้จริงมันคืออะไร" หญิงสาวเดินเข้าไปในร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆแทนโดยไม่ทันได้สังเกตุเห็นชายหนุ่มที่ยืนสะพายกระเป๋าเป้มองมาจากชั้นบนของตัวตึก
"อยากเจอเดี๋ยวก็ได้เจอหรอก" ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะดูเจ้าเล่ห์ผิดแปลกไปจากทุกครั้ง