วันนี้ไรต์จอยแวะมาแจ้งข่าว เปิดนิยายเรื่องใหม่เรื่อง "รัก(ไม่)รู้จักพอ" แนว Mpreg - ท้องได้ ใครที่ชื่นชอบนายเอกเก่งไม่ยอมคน ห้ามๆ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน สายฟาด สายสับ รับรองว่าต้องถูกใจเรื่องนี้ค่ะ
*** นายเอกเคยมีแฟนมาแล้ว 6 คน และถูกคนรักหักหลังแอบมีชู้ตลอด
*** ดังนั้นใครที่ชื่นชอบนายเอกใสซื่อบริสุทธิ์ อย่าเข้าไปนะคะ เพราะเรื่องนี้นายเอกเราแซ่บและไม่สน ไม่แคร์เนื่องจากโดนกระทำมาเยอะ แต่พอนายเอกได้กับพระเอก เขาก็หยุดอยู่ที่คู่ตัวเอง ไม่ได้ไปมีใครอื่นอีกนะคะ รับรองได้
“เธอชื่ออะไร” เจ้าของดวงตาเป็นประกายเอ่ยถามขณะที่เราสองคนกำลังร่างอัดเข้าหากัน
“แค่คืนเดียว ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อ”
“ฉันชื่อ....เธออยากรู้หรือเปล่า”
“พรุ่งนี้ผมก็ลืมแล้ว”
ผมสะบัดตัวผลักให้คนที่นั่งขย่มอยู่ด้านบนพลิกกลับลงไปนอนอยู่ด้านล่าง จากนั้นถ่างขาคร่อมลงมาเหนือหน้าท้องเป็นลอนสวย มือคว้าควานไปจับท่อนเนื้อแท่งร้อนแล้วขยับให้มันมาจรดจ่อรออยู่ยังร่องเนื้อแคบนุ่มนิ่ม
“เธอลืมฉันลงเหรอ” ฝ่ามือร้อนตะปบลงข้างเอวแล้วกระชากกดบดสะโพกต่ำพร้อมกับอัดเอวกระแทกสวนลอยสูงเสียงดังกึกลั่นอยู่ข้างในหู
“อ๊า....” ผมทุบกำปั้นอัดลงไปบนแผงอกสีแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์
“มองจากมุมนี้ เธอเซ็กซี่กว่าที่ฉันคิด” มือหยาบออกแรงยกสะโพกผมให้ลอยสูงขึ้นมานิดหน่อยส่วนท้องน้อยเห็นร่องรอยเหมือนมีบางอย่างตุงนูนขยับไปมาใต้หน้าท้อง
“นั่งอยู่ท่านี้คุณก็ทำให้ผมเสียวได้มากกว่าที่คิดเหมือนกัน” ผมโน้มตัวลงไปประกบปากดูดลิ้นกินขี้ฟันกับคนที่ไม่รู้จักกันแม้กระทั่งชื่อ ฝ่ามือใหญ่สะบัดฟาดตบลงบนแก้มก้นให้รู้สึกแสบๆ คันๆ แต่มันกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกดี
“จะกลับแล้วเหรอ”
“พรุ่งนี้ผมต้องทำงาน อีกอย่างผมไม่ชอบนอนค้างที่อื่นที่ไม่คุ้นเคย” ผมลุกขึ้นหยิบกางเกงและเสื้อขึ้นมาสวมในขณะที่อีกคนยังนอนแผ่ถ่างขาอยู่บนเตียงใหญ่
“กระเป๋าเงินวางอยู่ตรงนั้น อยากได้เท่าไหร่ก็หยิบไป”
“ทำไม ประทับใจขนาดนั้นเชียว”
“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าอยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์”
“อืม ได้ประโยชน์แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมชอบ” ผมเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์แบรนด์ดังที่แม้ขนาดวางไว้เป็นกระเป๋าเปล่าๆ มันยังมีราคามากกว่าเงินเดือนผมสิบเท่า ด้านในนั้นอัดเต็มไปด้วยธนบัตรใบสีเทาเรียงซ้อนกันปึกใหญ่ ผมหยิบออกมากรีดนิ้วกะจากสายตาคร่าวๆ แล้วแบ่งมันออกมาครึ่งหนึ่งยัดใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง ส่วนอีกครึ่งใส่คืนกลับไปให้เจ้าของ
“ฉันจะติดต่อเธออีกครั้งได้ยังไง”
“ผมบอกเหรอว่าเราจะเจอกันอีกครั้ง”
“ฉันถามว่าทำไมแต่งตัวแบบนี้ ที่นี่เป็นที่ทำงานนะ ไม่ใช่บ้าน เธอจะมาแต่งตัวทุเรศๆ เดินโฉบไปโฉบมาเป็นอีแร้ง อีกาหิวเหยื่อน่ะไม่ได้หรอกนะ”
ผมขยับตัวลุกขึ้นยืน ปรายหางตามองป้ายชื่อและแถบสีแบ่งสถานะแยกแผนก แล้วจึงรู้ว่าคุณป้าหน้าย่นคนนี้อยู่แผนกบัญชี แถบคาดขั้นซีเนียร์สามเส้นเป็นสัญลักษณ์ว่าหล่อนอยู่รับใช้เป็นพนักงานที่นี่มานานมากกว่าสามสิบปีแล้ว
“ตอนเช้าแต่งตัวดีกว่านี้ครับ พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อยมันก็เลยเหลืออยู่เท่านี้” ผมยักไหล่แล้วกวาดไล่ผายมือลงไปยังเสื้อและถุงเท้ารองเท้าของตัวเอง
“มันไม่ใช่เรื่องเล่นสนุกๆ นะ เธอมาทำงาน กินเงินเดือนของบริษัท ควรจะแยกแยะรู้จักให้เกียรติสถานที่ แล้วนี่มานั่งแก้ผ้าอยู่หน้าห้องคุณตรีแบบนี้มันสมควรหรือไง” เสียงแหลมตวาดลั่นไปทั่วทั้งชั้น
“แก้ผ้า...ผมว่าคุณป้าลองเปลี่ยนแว่นตาดูมั้ยครับ ผมยังใส่เสื้ออยู่นะ”
“ก้าวร้าว ใครใช้ให้เธอเรียกฉันว่าป้า”
“อ่อ งั้นเรียกพี่ก็ได้”
“จะตีสนิทไปแล้วนะ ไม่มีสัมมาคารวะ เห็นทีฉันคงต้องฟ้องหัวหน้างานเธอแล้ว เด็กใหม่แผนกจัดซื้อใช่มั้ยเธอน่ะ”
“ฟ้อง....ว่าอะไรครับ”
“อย่ามาทำอวดดีปากเก่งกับฉันนะ แต่งตัวอย่างกับกะหรี่ข้างถนนทุเรศ”
“หึ...ป้าเห็นอะไรของผมเหรอครับถึงว่ามันดูทุเรศ อันที่จริงชายเสื้อเชิ้ตของผม....ยาวกว่ากระโปรงป้าซะอีก...ถ้าจะบอกว่าผมทุเรศแล้วป้า....”
“นี่....”
“หึ ถ้าจะให้สาบาน....ก็คงตายฟรียกแก๊งล่ะครับ...คนจริงน่ะผมไม่กลัว แต่ไอ้พวกหมาลอบกัดสู้กันซึ่งๆ หน้าไม่ได้ จนต้องใช้วิธีสกปรกแบบนี้มันทุเรศ กล้าๆ หน่อยนะ อย่าทำตัวเหมือนหมาที่วันๆ ดีแต่เห่า พอเอาเข้าจริงก็ซุกหางเข้ารูตูด ไม่กล้าสู้หน้า...ไม่กล้าแม้แต่ ออกมาบอกว่า...ตัวเองเป็นใครนอกจากซุกหัวในเงาของคนปล่อยข่าวน่ะ แบบนี้ผมเรียกว่า....ไอ้กระจอก คนขี้ขลาดอยากเอาชนะแต่ไม่กล้าเข้าเส้นชัย”
สายตาหลายสิบคู่หลุบลงต่ำไม่กล้าหันมาสบตา แต่ผมเชื่อว่าหูทุกคนคงกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูด ใบหน้าขาวบ้าง ซีดบ้าง แดงบ้างสลับสับเปลี่ยนไปบนหน้าของใครหลายคน โดยเฉพาะอีป้าวัยทองที่นั่งกัดปากจนฟันปลอมเกือบกร่อน
“สมองมีถึงมันจะน้อยไปหน่อย ก็ใช้บ้างนะครับ” ผมลุกขึ้นจากโต๊ะของคนกลุ่มใหญ่แล้วเดินไปยิ้มเย้ยให้คนกุข่าวที่สาวหาตัวไม่ยากนัก จากประสบการณ์ที่ผมสู้รบกับชู้ของอดีตผัวทั้งหกมาอย่างโชกโชน
กรี๊ดดดดด เสียงเหมือนใครบางคนถูกผีเข้า ตามมาด้วยน้ำเย็นๆ สาดมาจนเต็มแผ่นหลัง ผมสะบัดหน้าหันกลับก่อนจะคว้าเอาโถถ้วยน้ำปลาพริกจากร้านขายอาหารตามสั่งใกล้มือสาดกลับไปคืนให้คนที่ชวนผมเล่นสงกรานต์ก่อนถึงเทศกาลสำคัญ
“ว่าน” เสียงฮือฮากรีดร้องพร้อมกับวงสนทนาแตกฮือกระจายออกไปเป็นวงกว้าง
“มึง นี่มึงกล้าทำกูเหรอ มึงรู้มั้ยว่ากูเป็นใคร”
“คิดจะรังแกไอ้ว่าน คิดซะใหม่นะ สาดมา สาดกลับ ถ้าตบมา กูก็ตบกลับเหมือนกัน กูไม่สนด้วยว่าจะเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย ถ้าไม่เสียดายหนังหน้าเหี่ยวๆ ตีนกาแห้งๆ ....อยากลองโดนสักทีสองทีก็มา....ขอให้กล้าๆ หน่อย”
"ผมไม่อยากเป็นคนดี ไม่อยากเป็นคนซื่อสัตย์ที่ต้องเจ็บช้ำอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่คนทรยศกลับมีชีวิตสุขสบาย นอนก่ายกกชู้อยู่บนเตียงนุ่มอันอุ่นสบาย โดยทิ้งให้ผมนอนร้องไห้...นอนกอดกับความดีงี่เง่าที่ไม่มีใครเคยสนใจ บางทีสังคมนี้อาจไม่ได้ต้องการคนดี...."
ถึงเวลาเลิกเป็นคนดี...พร้อมกัน