รั้วบ้านที่สูงไหนเลยจะขวางกั้นพวกเขาได้ เด็กหนุ่มในวัยกำลังมีความรักไม่ว่าอุปสรรคอะไรเขาก็พร้อมจะปีนข้ามไปอย่างไม่คิดกลัว
เวลากลางวันก็ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน พอตกกลางคืนไร้แสงไฟเด็กหนุ่มข้างบ้านก็แอบปีนเข้ามานอนด้วยทุกคืน ทว่าเขานั้นไม่ทันระวัง ปัณนทีปีนรั้วนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่แม่ของเธียรจะจับได้ แต่ครั้งนี้คงไม่ใช่
“นั่นใคร! ใครกันที่แอบปีนรั้วบ้านฉัน”
"ฉันบอกให้ออกมา"
"ออกมาเดี๋ยวนี้นะ"
ปัณนทีคิดว่าตัวเองดูจนแน่ใจแล้ว ทั้งไฟหน้าบ้านและในห้องครัว มันถูกปิดจนมืดสนิทแล้วเขาจึงค่อยแอบเข้ามา แต่ไม่คิดเลยว่าแม่ของเธียรจะเกิดหิวน้ำขึ้นมากลางดึกแบบนี้ อีกแค่นิดเดียวเขาก็จะปีนเข้าไปได้สำเร็จ
"วันนี้กลับไปนอนห้องตัวเองก็ได้วะ" เขาบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย
อย่างที่บอกรั้วนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาคือแม่ของพวกเขาต่างหาก
ไม่ว่าจะเวลาไหนเสียงฝีปากก็จะดังลั่นให้ได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจถูกทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ ด้วยนิสัยต่างคนต่างไม่ยอมกัน
“หน็อย แกแอบตัดต้นไม้ฉันอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ได้แอบ แต่ฉันตัดให้เห็นเลย”
“แกนะแก นังบ้า!”
หญิงแก่ในวัยเดียวกัน ในอดีตที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ทว่าวันหนึ่งความเป็นเพื่อนนั้นต้องขาดสะบั้นลงเพียงเพราะเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
ถึงอย่างนั้นความเกลียดชังนั้นก็ดำเนินมานานถึงยี่สิบปี ทุกอย่างราวกับชะตาผูกมัด ความเกลียดชังผลักให้พวกเธอออกห่างกันไปสี่ปี แต่อยู่มาวันหนึ่งเมื่อพวกเธอแต่งงานมีครอบครัวของตัวเอง การตั้งหลักปักฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญของคำว่าครอบครัว
แม้อยู่ไกลกันคนละซีกโลกแรงดึงดูดนั้นก็นำพาให้พวกเธอมีบ้านที่อยู่ติดกัน รั้วกั้นเพียงอย่างเดียวที่ใช้รั้งพวกเธอไว้
“นี่นายแอบปีนเข้ามาอีกแล้วเหรอ”
“ก็ถ้ากูไม่ปีนเข้ามากูจะได้นอนกอดมึงเหรอ”
“เดี๋ยวแม่ก็เข้ามาเห็น”
“ไม่เห็นหรอก กูจะพยายามทำเงียบๆ”
“ไอ้คนลามก!”
หน้าต่างชั้นสองที่เด็กหนุ่มปีนขึ้นปีนลงจนเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คงจะเป็นเรื่องที่ทำเหมือนเขาเป็นโจรที่แอบย่องเบาเข้าบ้านคนอื่น ทั้งที่คนอื่นที่ว่านั้นก็คือคนที่เขาจับจองไว้เป็นเมียในอนาคต
“โจร!! ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย โจรที่ไหนไม่รู้มันแอบปีนหน้าต่างเข้าห้องลูกชายฉัน”
“ฉิบหายแล้ว เผ่นก่อนดีกว่า”