‘หม่อมฉันมีคนข้างหลังที่ต้องปกป้อง... ดังนั้นความโกรธ ความเกลียดชังขององค์ชาย หม่อมฉันจะอดทนกับมันให้ได้เพคะ’

 

ฤๅรักพระชายา 

โดย ปกเกศ 

  

‘หม่อมฉันมีคนข้างหลังที่ต้องปกป้อง... 

ดังนั้นความโกรธ ความเกลียดชังขององค์ชาย 

หม่อมฉันจะอดทนกับมันให้ได้เพคะ’ 

  

‘อยู่กับเจ้าแล้วเปิ่นหวางรู้สึกเหมือนถูกแช่อยู่ในแม่น้ำท่ามกลางฤดูหนาว’ 

สตรีผู้ถูกเปรียบเทียบกับฤดูอันหนาวเหน็บเพียงขยับยิ้มเล็กน้อยคล้ายยอมรับกับรับสั่งเหล่านั้น 

‘หม่อมฉันก็เกลียดที่ตนเองเป็นเช่นนั้นเหมือนกันเพคะ’ 

           เมื่อนางเป็นเพียงสตรีผู้เย็นชาที่มิได้หลอมละลายตนเองเพื่อให้ผู้คนรอบข้างได้รู้สึกถึงความอบอุ่น 

           ทว่าถ้อยคำที่คล้ายยอมรับกับสิ่งเหล่านั้นกลับยิ่งสร้างความขุ่นเคืองให้แก่องค์ชายผู้มีพระทัยร้อนมากกว่าผู้ใด... 

‘สตรีประหลาด เสด็จแม่เลือกเจ้าแต่งเข้าสู่ราชวงศ์ได้อย่างไรกัน’ 

           ‘หม่อมฉันต่างหากที่เลือกแต่งกับราชวงศ์’ 

           สตรีผู้เลือกเส้นทางนี้ด้วยตนเองกราบทูลด้วยท่าทีเรียบเฉยไร้ความหวาดกลัวกับเพลิงโทสะของพระสวามี... 

‘ช่างเป็นสตรีที่กระหายอำนาจเสียเหลือเกิน สกุลหนิงคงสอนสั่งเจ้าให้เป็นสตรีโอหังเช่นนี้’ 

           นัยน์แววตาของอดีตคุณหนูใหญ่ของสกุลหนิงมีร่องรอยบางอย่างปรากฏให้ได้เห็นก่อนที่มันจะเลือนหายไปด้วยความรวดเร็วเมื่อเจ้าของดวงตาจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ดีเสมอ... 

           ‘กระหายอำนาจอย่างนั้นหรือเพคะ ผู้ใดบ้างในเมืองหลวงที่มิกระหายอำนาจ’ 

           สตรีผู้ถูกกล่าวหาว่ากระหายอำนาจเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อทูลถาม... 

           ‘พระองค์จะรับสั่งว่ามิได้อยากครอบครองอำนาจเช่นนั้นหรือ’ 

           องค์ชายสามผู้มิคิดว่าจะสามารถมีเรื่องกับสตรีใดได้รับสั่งกับพระชายาด้วยความอดทน 

           ‘คิดว่าเสด็จแม่เอ็นดูเจ้าแล้วเจ้าจะโอหังเช่นใดก็ได้อย่างนั้นหรือพระชายา’ 

           ‘หม่อมฉันเพียงจะชี้แจงให้องค์ชายได้เข้าพระทัยบางอย่างเสียใหม่เพคะ...’ 

แต่สตรีผู้โอหังกลับยังคงสามารถเผชิญหน้ากับเพลิงอารมณ์ขององค์ชายสามได้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง... 

‘เพราะหม่อมฉันมีคนที่ต้องปกป้อง... 

ดังนั้นหม่อมฉันจึงมิคิดแยแสหากผู้ใดประณามว่าเป็นสตรีกระหายอำนาจ’ 

‘เจ้ามันสตรีร้อยเล่ห์มากไปด้วยวาจา’ 

           สตรีร้อยเล่ห์มากไปด้วยวาจาเพียงกระตุกยิ้มรับ... 

‘แล้วเหตุใดองค์ชายจึงได้ยอมแต่งกับสตรีผู้มากไปด้วยเล่ห์เล่าเพคะ’ 

           กราบทูลจบก็มิลืมที่จะโต้ตอบบุรุษผู้มีวาจาเชือดเฉือนผู้คนได้มิแพ้สตรีมากวาจาเช่นนาง 

‘นั่นเป็นเพราะองค์ชายเองก็รู้ว่าอำนาจนั้นสามารถทำสิ่งใดได้บ้างมิใช่หรือเพคะ... 

ในเมื่อองค์ชายเองก็ยอมแต่งเพื่อปกป้องผู้คนที่พระองค์รักเช่นเดียวกัน’ 

องค์ชายสามทอดพระเนตรมองสตรีผู้ถูกกล่าวขานว่าเหมาะสมกับฐานะ ‘พระชายา’ มากกว่าผู้ใดก่อนจะรับสั่ง... 

‘หากเสด็จพี่มิจากไป...เปิ่นหวางก็คงมิต้องทำเช่นนี้’ 

‘องค์รัชทายาทเองก็คงมิอยากทิ้งภาระให้องค์ชายสามต้องแบกรับ  

แต่จะทำเช่นไรได้เล่าเพคะในเมื่อยามนี้เรามิมีองค์รัชทายาทผู้ออกหน้ารับหน้าที่เหล่านั้นแล้ว องค์ชายสามคงมิมีทางเลือกนอกจากแบกรับสิ่งเหล่านี้...’ 

พระชายายังคงกราบทูลด้วยท่าทีเย็นชาทว่าน้ำเสียงที่เคยแสดงออกว่ามิแยแสกลับเบาลงเมื่อความรู้สึกเศร้าเข้าครอบครองความคิดของเจ้าของ... 

‘สตรีไร้อารมณ์ใดเช่นเจ้ามีความรู้สึกกับเขาด้วยหรือ’ 

รับสั่งเหน็บทำเอาพระชายาที่มิคิดจะตอบโต้กำหมัดแน่นภายใต้อาภรณ์สีอ่อนหวาน 

‘ผู้ใดเล่าจะมากไปด้วยอารมณ์ดังเช่นองค์ชายสามเล่าเพคะ’ 

กราบทูลจบพระเนตรคมของผู้มากไปด้วยอารมณ์ก็ยิ่งลุกโชนไปด้วยอารมณ์ที่ท่วมท้น 

‘เจ้ากำลังย้อนเปิ่นหวางอยู่อย่างนั้นหรือพระชายา’ 

‘สตรีไร้อารมณ์ใดอย่างหม่อมฉันมีหรือจะกล้าทำเช่นนั้นเพคะ’ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว