“ลุงอัครครับ เห็นเมียผมไหม”
“เมียผมหาย” อัครถึงกับหันไปมองหลานชายด้วยสายตานิ่งเฉยทำเอานาวาเองที่เห็นสายตาของคนเป็นลุงถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ ก็โดนใครบางคนดึงที่หูจากข้างหลังอย่างแรง
“เมื่อกี้นาวาพูดว่าอะไรนะ”
“โอ้ย แม่ครับนาวาเจ็บ” ริสาที่เป็นห่วงลูกชายที่หายหน้าหายตาไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน เมื่อโทรมาถามที่ไร่ก็รู้จากพี่ชายคนสนิทว่าลูกชายคนรองของเธออยู่ที่นี่ เพราะอัครเห็นรถของหลานชายจอดอยู่ใกล้ ๆ บ้านพักของผู้จัดการสาว เธอก็เลยเอ่ยปากขอให้สามีขับรถมาส่ง
“เมียเราน่ะ ใคร?”
“หนูลิณ!”
“อย่าบอกนะว่าเราสองคน”
“ตั้งแต่เมื่อไร”
“ก็สักพักแล้วครับ
“โอ้ย แม่ครับอย่าบิดหู” เมื่อเห็นลูกชายพยักหน้ารับ ริสาถึงกับโกรธจนลมออกหูเพราะร่างบางที่ลูกชายพูดถึงเป็นรุ่นน้องของลูกสะใภ้คนโตที่เอ่ยฝากฝังกับเธอไว้ แม้เธอจะรู้สึกถูกตาต้องใจกับสายธารตั้งแต่แรกที่เห็นก็ตาม
“ทำไมทำแบบนี้”
“แล้วที่บอกว่าเขาเป็นเมียเราหายนี่มันยังไง” ริสาที่ยังคงบิดหูลูกชายอยู่เอ่ยถามอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบจากลูกชาย อัครก็เดินเข้ามาหา
“ริสา ปล่อยนาวาก่อน”
“ขอบคุณครับลุงอัคร” นาวารีบเอ่ยปากขอบคุณคนเป็นลุง
“ไม่ต้องมาขอบคุณลุง”
“อ้าว”
“ไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นนู้นเลยครับ”
“หา!” นาวาถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นปลายนิ้วของลุงชี้ไปที่โซฟากลางบ้านโดยมีตูนภรรยาของคนเป็นลุงนั่งหน้าบอกบุญไม่รับนั่งอยู่
“ตานาวา รอบนี้น้าไม่เห็นด้วยเลยนะที่เราทำแบบนี้” ตูนเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลานชายก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่พอใจและเสียใจ
“แล้วสายธารเขาอยู่ที่ไหนครับ”
“เขาไปแล้ว”
“อะไรนะครับ”
“เขาไปที่ไหน”
“ไม่รู้ครับ” สองเสียงที่ตอบออกมาพร้อมกันของทั้งอัครและตูนทำเอานาวาถึงกับไปไม่เป็น อัครเองที่รู้ว่าผู้จัดการไร่ออกไปตลาดแต่เช้าแต่เพียงเพราะอยากแกล้งหลานชายเลยแกล้งพูดออกไปแบบนั้น
“ลุงครับ”
“เราปล้ำเขาเหรอ”
“ก็ไม่เชิง”