ว้าย!
“คุณมาได้ไงเนี่ย”
“มารอไง แล้วเมื่อกี้คุยเรื่องหนี้เหรอ เท่าไหร่ที่ต้องการผมใช้หนี้ให้เอง”
“เลิกยุ่งกับฉันสักทีเถอะขอร้องล่ะ” สมบุญไม่ตอบแต่เดินหนีไปแทน เสริมรีบสาวเท้าเดินตามไปเดินเคียงข้างสาวอ้วนพร้อมกับถามต่อ
“ว่าไงครับ หนี้ ธกส. เท่าไหร่ผมจะจ่ายให้เอง”
“เนี่ยคุณเสริม ฟังฉันนะคุณกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉะนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะมาจ่ายหนี้แทนครอบครัวฉัน อีกอย่างฉันทำงานหาเงินเองได้ไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณ”
“ผมอยากช่วย อีกอย่างก็เป็นซะสิจะได้ไม่ต้องเกรงใจผม เงินที่เป็นหนี้จะกี่บาทกันเชียวผมมีจ่ายให้คุณกับครอบครัว” เสริมยังคงพูดต่อไม่รู้เลยว่าสาวอ้วนกำลังโกรธตัวเองตอนนี้
“หยุดเอาความรวยของคุณมาพูดกรอกหูฉันเถอะค่ะ หยุดเถอะอย่าทำแบบนี้เลยฉันว่าเราคงมี่มีอะไรต้องคุยและต้องเจอกนแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” แล้วสมบุญก็เดินตรงไปซุปเปอร์มาเก็ตทันทีโดยไม่สนใจคนที่เดินตามตัวเองมา
เสริมยังคงไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดสาวอ้วนถึงโกรธมากถึงเพียงนี้ เสริมไม่ได้พูดจู้จี้อีกเพราะตอนนี้สมบุญหน้าตึงมากเขาดินตามเธอเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ตเงียบๆ จะช่วยเข็นรถเข็นเธอก็เข็นหนีเขาจึงทำได้เดินตามเงียบๆ ไม่ทำอะไร
สมบุญเลือกซื้อของสดและผักตามที่ต้องการเสร็จก็เดินไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์ พอจ่ายเสร็จก็หอบข้าวของถือเดินออกจากซุปเปอร์มาเก็ตโดยไม่ให้เสริมช่วยถือของในมือ เพราะของแค่นี้หล่อนถือเองได้สบาย ส่วนเสริมก็เดินตามไปติดๆ จะเดินตามเข้าไปในตึกด้วยก็ต้องหยุดเมื่อสมบุญเรียกผู้รักษาความปลอดภัยมาห้ามเขาไว้
“ลุงคะห้ามให้ผู้ชายคนนี้เข้ามานะคะ” เธอบอกแล้วเดินเข้าไปในตัวตึกโดยไม่สนใจจะเหลียวหลังมามองคนที่ถูกห้ามอยู่หน้าประตูกระจกเลยสักนิด
“ลุงให้ผมเข้าไปเถอะ ผมจะไปง้อเมีย”
“เดี๋ยวนะครับหนูบุญไม่เคยมีแฟนหรือมีผู้ชายมาส่งสักครั้งคุณเป็นผัวเธอไม่ได้หรอก และเมื่อกี้หนูบุญก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้รู้จักกับคุณ”
“ได้ครับ งั้นฝ่ายขายของคอนโดอยู่ไหนผมจะไปซื้อ” เขาพูดแค่นั้น
“ทางนั้นครับ” ชี้มือไปยังอาคารออฟฟิตของฝ่ายขาย
“ขอบคุณครับ” แล้วเขาก็เดินกัดกรามแน่นไปทางออฟฟิตฝ่ายขายทันที
“เจอกันแน่สมบุญ มาดูกันสิว่าเงินของผมจะทำอะไรไม่ได้” เขาพึมพำกับตัวเองอย่างหมายมั่น