แนะนำตัวละคร
เปียวราหรือเปียว่า อองฟอง
สาวลูกครึ่่งไทย ฝรั่งเศส ที่เติบโตในเขตชนบทของไทยก่อนเดินทางไปฝรั่งเศสเมื่ออายุ 12 ปี เธอคือผู้หญิงเก่ง มีความสวยที่สมบูรณ์แบบ แต่ขาดความมีเสน่ห์ เธอกำลังตามหา
เจ้าของเสื้อโค้ท แหวน และสมบัติของคุณย่าที่ฝากไว้ให้เธอก่อนตาย เพื่อมอบให้กับสามีในอนาคต และเธอเป็นเจ้าของธุรกิจโรงงานน้ำหอมในฝรั่งเศส แต่ปัญหาก็คืออายุเธอเลยเลข 2 ไปมากแล้ว เธอไม่เคยมีแฟนสักครั้งในชีวิต ความรักและความอกหักเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้และตามหา
โจเรโอ
หนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ที่ขอร้องให้เปียวราหรือเปียว่าพาหนีจากการแต่งงาน และเขาเป็นเจ้าของเสื้อโค้ทที่เปียว่าตามหา รวมทั้งเป็นเจ้าของแหวน เขาจำเป็นต้องแต่งานตามคำสั่งของพ่อด้วยความไม่เต็มใจ เพื่อรักษาสถานะความมั่นคงของโรงพยาบาลที่เป็นธุรกิจของตระกูล เขาตกหลุมรักเด็กผู้หญิงแปลกหน้าเมื่อตอนอายุ 12 ปี บนเครื่องบินแอร์ฟรองตอนเยือนฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรักแรกของเขา บุพเพไม่เคยพาให้เขาได้เจอกับเด็กผู้หญิงคนนั้นเลย จนวันที่เขาโดนหักอกโดยผู้หญิงชาวฝรั่งเศส เขาได้เดินทางกลับมาเมืองไทยและได้เจอกับเปียวรา โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเธอคือเด็กผู้หญิงเมื่อ 20 กว่าปีก่อนที่เขาตกหลุมรักครั้งแรก
แม่เป็ด แม่ผู้บังกิดเกล้าที่เลี้ยงดูและสั่งสอน พร้อมคำให้โอวาทในการให้เปียวราดำเนินชีวิต
เลอแปปิแอร์ พ่อบังเกิดเกล้าของเปียว่าที่เป็นชาวฝรั่งเศส
ปลาตีน ว่าที่คู่หมั้นของโจเรโอ
และตัวละครอีกมากมาย
เรามาลุ้นกันนะคะว่า เปียว่าของเราสามารถตามหาสามีในอนาคตของเธอได้มั้ย รวมทั้งตามหาเจ้าของเสื้อโค้ท แหวน และมอบมรดกของคุณย่าตามคำสั่งเสียได้มั้ย ทั้งสองจะลงเอยอย่างไร let go..........
Thank you, credit picture from Oknatin
บทที่ 1
กำเนิดชีวิต
“ เมลล์หลายฉบับที่เคยส่งมาหาคุณหมอ หากเปิดแล้วคุณห้ามปิดมันเลยนะคะ กรุณาอ่านให้จบ ฉันตั้งใจเขียนให้คุณหมออ่าน แต่มาทบทวนดูแล้วเขียนมากก็เมื่อยมือ ฉันเลยตัดสินใจเดินทางมาพบคุณหมอด้วยตนเอง คุณหมอค่ะ...ฉันเครียดมาก สมองแทบระเบิดเลยต้องมาหาคุณหมอ ก่อนอื่นขอร้อง! ปล่อยให้ฉันได้ปลดปล่อย ความโรแมนติกนั้นนานๆ ครั้งจะปรากฏ แต่ความน่ารักและสดใสฮาปนขำ ฟังฉันเถอะ คุณจะยิ้มไปตลอด ฉันเพียงสงสัยว่า...ทำไมชีวิตไม่ลงจากคานซักที คุณเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้นะคุณหมอ วันนี้แม่เป็ดเลยมีคำประกาศิตสั่งให้ฉันมาหาคุณ "
“ครับ เชิญตามสบาย ผมจะนั่งหลับตาฟังคุณ”
“เริ่มเลยนะคะ”
“ครับ”
…..ฉันเป็นสาวสวย หุ่นสูงเพรียว แต่ขาตะเกียบนวลเนียนของฉันนั้นลายไปหน่อย อันเนื่องมาจาการหัดปั่นจักรยานเมื่อครั้งวันวาน ตอนอายุได้เพียง 9 ขวบ กางเกงขาสั้นลายดอกที่สวมใส่นั้นมีรอยเป้าขาดวิ่นประมาณ 3 เซนติเมตร ปราศจากการเย็บจากฝีมือแม่ เคยขอร้องให้คุณยายช่วยเย็บมัน ฉันรออยู่สามวันก็ยังไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ยายแรดพยามใช้ด้ายสอดไปยังรูเข็มอันเล็กมาก ท่านพยายามสอดใส่อยู่ประมาณ 3 วัน หลังเวลาอาหารทุกมื้อ แต่ก็ยังไม่ได้แม้เพียงสักครั้งเดียว ด้วยสายตาที่ฝ้าฟางนั่นเองเป็นสาเหตุ เนื่องจากสมัยสาวๆ นั้น ท่านไม่ชอบรับประทานผักบุ้งที่อุดมไปด้วยวิตามิน A บำรุงสายตา มันจึงเป็นอุปสรรคในการเย็บเป้ากางเกงให้หลานรัก จนฉันเกิดความสงสารคุณยายท่านขึ้นมาจับใจ ปฏิเสธน้ำใจจากยายแรดไปด้วยอาการที่ฝืนใจ ด้วยแววตาและสีหน้าที่เสียดาย
“พอเถอะพอได้แล้ว นะคะ” คำกล่าวนี้ยังดังกึกก้องมาจนถึงปัจจุบันอย่างไม่มีวันลืม
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ฉันเป็นดาวยั่วไปโดยปริยาย เมื่ออ้าขากว้างเพื่อปั่นจักรยาน จนเป็นเหตุให้โชว์น้องกางเกงในสีแดงเดือดที่ขึ้นรา
…แต่ไม่เป็นไร… เพราะแม่บอกว่า ฉันยังเป็นเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา ไม่ต้องเขินอาย
แต่ความยากลำบากของการประคองเจ้าจักรยานสองล้อบนคันนาแคบๆ ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลนั้น บางครั้งปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าที่เขียวชอุ่ม แต่ต้นหญ้าที่เคยเป็นสีเขียวกลับกลายเป็นสีน้ำตาลในฤดูร้อนนี่สิ เป็นเหตุให้ฉันล้มจักรยานอยู่บ่อยครั้ง จนตกลงไปในท้องนาที่แห้งแล้งแตกระแหง ดินแข็งทื่อๆ ที่ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงนั้นคือ เจ้าวัยร้ายที่รูดทำลายผิวสวยของฉันให้ยับเยิน ฉันล้มลงจนเป็นแผลเหวอะหวะ เลือดหยดลงบนพื้นดิน จนต้องทำการปฐมพยาบาลแบบเด็กๆ ด้วยการใช้มือน้อยๆ ที่สกปรกนั้นเช็ดบาดแผล แล้วแหกปากร้องไห้เสียงดัง เพื่อผู้ใหญ่จะได้ยินเสียงแหลมเล็กของฉัน
มือบอบบางที่เปื้อนดินนั้นขยี้ไปมาบนเปลือกตาที่ปิดอยู่ ยืนร้องไห้จนขี้มูกโป่ง “ฮื้อๆๆ…ๆ ใครก็ได้ช่วยหนูด้วย ToT”
เสียงฝีเท้าดังตะกุกตะกักแว่วมาแต่ไกล มือหนาเอื้อมมาประคองร่างเล็กของฉัน แล้วปัดเศษดินที่เปรอะเปื้อนบนเสื้อผ้าที่มอมแมมนั้นออก กล่าวด้วยถ้อยคำอันอ่อนโยนเพื่อปลอบประโลมให้หายตกใจ “ไม่เป็นไรแล้วนะเปียวรา ตามาช่วยหนูแล้ว”
นัยน์ตาสีน้ำทะเลของฉันเบิกตาขึ้น แล้วโผเข้าไปกอดร่างแข็งแรงของตาด้วยความดีใจ
สองตาหลานช่วยกันจูงจักรยานกลับบ้าน ท่ามกลางแสงตะวันที่ร้อนระอุในยามเที่ยงวัน พระอาทิตย์กำลังอยู่บนศีรษะ แสงแดดยามนี้มันแผดเผาให้ผิวขาววอกเฉกเช่นชาวยุโรปอย่างฉันนั้น ปวดแสบปวดร้อนไปหมด หากฉันได้ผิวสีแทนของแม่เป็ดมาซักนิดคงจะดี เพราะผิวสีดำแดงนั้นมันอุดมไปด้วยเจ้าเมลานิน ที่สามารถปกป้องรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่สวยและเป็นที่ต้องการในสายตาชาวเอเซีย แต่สำหรับชาวยุโรปหรือชาติตะวันตกนั้น แม่เป็ดของฉันคือผู้หญิงอันเลอโฉมด้วยผิวสีแทน
เท้าเล็กๆ ที่ไม่สวมรองเท้าแตะนั้น เดินผ่านคันนาที่มีหญ้าแห้งเหี่ยว แต่ปกคลุมไปด้วยพืชหน้าร้อนเป็นหย่อมๆ ซึ่งทนแดดทนฝนอย่างเจ้าไมยราบที่มีหนามแหลมคม อันเปราะบางผุกร่อน แม้ใบจะแห้งเหี่ยวขาดการชโลมให้ชุ่มฉ่ำจากหยาดฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้า แต่อาวุธประจำกายของมันยังคงร้ายกาจ ตำเท้าเล็กๆ ของฉันให้เจ็บ แปล๊บๆ บางครั้งก็หลบ บางครั้งก็ไม่หลบ
…แต่ก็แปลกแฮะ..
มันไม่ได้ฝังลึกลงไปในฝ่าเท้า เพียงเพราะว่าฉันเคยชินกับมัน เหยียบย่ำมันบ่อย จนหนังเท้าของฉันนั้นด้านเซี้ยะเหลือเกิน ไม่มีความนุ่มนวลแม้แต่น้อย เล็บเท้าทั้งสิบนิ้วก็เหลืองจ๋อย บริเวณขอบเล็บก็เต็มไปด้วยเศษดินที่ฝั่งแน่นนั้นติดอยู่ มันจำเป็นต้องใช้มะนาวหรือน้ำเกลือขจัดคราบสกปรกนั้นให้หมดจด พร้อมกับเจ้ากรรไกรตัดเล็บอันแหลมคมพ่วงคู่มากับเจ้าตะไบเล็บ ซอกแซกชอนไชดึงเศษดินที่ฝังลึกนั้นออกมา มันมักมาพร้อมกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ความไร้เดียงสาของเด็ก การเล่นดินทรายคือการเรียนรู้ ซึ่งดูเหมือนจะสกปรก เนื้อตัวมอมแมม แต่มันคือชีวิตจริงของเด็กที่เติบโตมาท่ามกลางธรรมชาติ ฉันรอเพียงเวลาที่จะเป็นสาวสะพรั่ง เพื่อจะได้ปรุงแต่งความสวย โดยเฉพาะการทาเล็บสีแดงๆ เฉกเช่นแม่เป็ดผู้บังเกิดเกล้า
ร่างกายของมนุษย์นั้นแปลกประหลาดนัก การที่ฉันเติบโตมาท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เรียนรู้สภาพแวดล้อมต่างๆ อย่างชนิดที่เรียกว่า แม่เป็ดตามใจ คือตามใจอิสระของฉัน ไม่ว่าจะเล่นโคลน เล่นขี้เป็ด เดินวิ่ง รองเท้าไม่สวมใส่ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ นุ่งกางเกงในอาบน้ำตอนฝนตก ไม่ทันที่น้ำฝนไหลจากชายคาตกลงบนพื้นดินดังจ๋อมๆ ฉันก็จะไปขัดจังหวะทุกครั้ง ด้วยการพาร่างบอบบางไปรองรับ หมุนตัวไปมาอย่างสนุกสนานท่ามกลางสายฝน
แม่เป็ดเพียงเตือนฉันว่า “ลูกห้ามสวมใส่โลหะทุกชนิดขณะเล่นน้ำฝน หากฟ้าร้องขึ้นมาห้ามไปเล่นน้ำฝนเด็ดขาด เดี๋ยวฟ้าจะผ่าเอา”
“จ๊ะ แม่จ๋า”
ความรู้จักพอประมาณนั้นมันก่อให้เกิดผลดีทุกๆ ด้าน เล่นพอประมาณไม่นานเกินไป ฉันไม่เคยที่จะได้รับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้ ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว โดนฝนนิดหน่อย หรือโดนแดดแรงๆ ก็ไม่เป็นหวัดหรือเป็นโรคภูมิแพ้เหมือนคนอื่นเขา
บาดแผลทางร่างกายและจิตใจย่อมอาศัยเวลาทั้งนั้น เพื่อที่จะทำการรักษามันให้หายดี ด้วยความซุกซนของมือเล็ก แผลจากการปั่นจักรยานยังไม่ตกสะเก็ด ฉันก็แกะบี้ไปมาอย่างสนุกสนาน บ้างก็แกล้งเพื่อน ด้วยการยื่นบังคับใส่ปากเพื่อให้ลิ้มลองรสชาติของผิวหนังมนุษย์สวยอย่างฉัน เคราะห์กรรมวันนั้นเป็นเหตุให้ฉันในวันนี้ นางสาวเปียวรา อัวซอง มีแผลเป็นที่ขาเรียวอันขาวผ่อง เป็นดวงกลมๆ ยามว่างฉันนั่งนับดูแล้ว มันมีถึง 9 จุดทั้งสองขา นับว่าเยอะมาก จนเป็นเหตุให้ต้องสวมถุงน่องเพื่อปกปิด เพราะวันนี้ต้องสวมชุดเดรสสีน้ำเงิน ลายปลาดาวสีขาวที่สั้นจู๊ด เนื่องจากคุณพ่อขายาวของฉัน นามว่า Oison Peair (อัวซอง ปีแอร์ ) ท่านซื้อมาให้จากปารีส เป็นของขวัญในวันเกิดที่มอบให้แก่ลูกสาวคนเดียวในวาระครบรอบอายุ…. และหลานสาวคนเดียวแห่งตระกูลอัวซอง
“บง ชูร์ข (Bonjour ) เปียว่า ได้รับของขวัญวันเกิดเหรอยัง”
“สวัสดีค่ะ ได้รับแล้วค่ะเลอแป(le p’ere )
“อย่าลืมสวมใส่มันนะลูก คงสวมมันได้”
“ค่ะ กำลังใส่อยู่ แเมร์คซี โบกู เลอแป ขอบคุณมากค่ะพ่อ” ( Merci beaucoup le p’ere )
“เลอแปคิดถึงหนูนะ เมื่อไหร่จะเดินทางมาฝรั่งเศสอีก”
“อีกสองเดือนค่ะ หนูก็คิดถึงเลอแปค่ะ”
“เลอแปวางสายโทรศัพท์แล้วนะ เปียว่า… โอ เรอวัวร์” ( Au revoice (ลาก่อน) )
“ค่ะ”
พอจะทราบแล้วใช่มั้ย ว่าแท้ที่จริงแล้วฉันไม่ใช่คนจนตรอก จึงไม่ปฏิเสธที่จะนุ่งกางเกงขาด เงินฟรังก์และเงินยูโร ฝรั่งเศสของเลอแป สามารถแลกเป็นเงินไทยได้มากโข เงินเหล่านั้นสามารถซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ดีๆ ให้ฉันสวมใส่ เดินเฉิดฉายได้อย่างสบายเฉิบ และที่สำคัญสามารถซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยเงินสดได้อย่างง่ายดายจนใครๆ ต้องอิจฉา
( ติดตามตอนต่อไปนะคะ ) ห้ามคัดลอกสงวนลิขสิทธิ์