-แก้ว-
“ไอ่แก้ว มึงจะตามจองล้างจองผลาญกูไปถึงไหน”
ผมผู้ซึ่งกำลังถูกฟาดงวงฟาดงาใส่แทบจะทันทีที่โผล่หน้ามาถึง โดยยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแห่งความเกรี้ยวกราดในครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ และแม้ผมจะไม่เคยคิดกลัวมัน แต่ ณ เวลานี้ผมจำเป็นต้องถอยห่าง ผมว่าถ้ามันมีปืนในมือ ป่านนี้คงกราดกระสุนใส่ผมจนพรุนไปหมดทั้งตัวแน่ๆ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนยังยอมให้ผมนอนกอดมันอยู่เลย อะไรของมันวะครับ
ไม่ต้องตกใจหรอกครับท่านผู้อ่าน นี่แค่บางส่วนของความเกรี้ยวกราดในเรื่องที่ท่านกำลังจะได้อ่านกันเท่านั้น “แก้ว” นั่นคือชื่อของผม ที่จริงมันมาจากลูกแก้วครับ แต่ใช้ชื่อนี้ทีไรทำให้ผมดูเหมือนลูกแหง่ที่ยังไม่หย่านมทุกที ซึ่งแย้งกับคาแรคเตอร์ผมอย่างชัดเจน!!!
ส่วนไอ้หมอนั่น มันคือคนที่ชอบเกรี้ยวกราดใส่ผมไปทุกเรื่อง ราวกับว่าผมกับมันไม่มีเคมีอะไรที่ตรงกันเลยสักนิด มันชื่อ “มาร์ค” ครับ ที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับหนังหน้าตี๋ ๆ ของมันเลยสักนิด มันเพิ่งย้ายมาเป็นเรียนห้องเดียวกับผม แต่มันอ่อนกว่าผมปีนึงเพราะเสือกเรียนเร็วกว่าชาวบ้าน ส่วนเรื่องอาวุโสลืมไปได้เลยครับว่ามันจะเรียกผมว่า "พี่"
ตัวมันก็เล็กตามตามันนั่นแหละครับ แต่แม่งเสือกหัวร้อนเก่งเป็นที่หนึ่ง ไม่กลัวใครเป็นที่สอง จนกลายไม้เบื่อไม้เมากับผมที่ไม่ยอมลงให้มัน คนบ้าอะไรอวดเก่งไม่ดูหนังหัวตัวเอง
ผมกับมันไปข้องเกี่ยวกันตอนไหนนะเหรอครับ ก็ด้วยเหตุที่มันกับผมทำงานในวงการบันเทิงเหมือนๆ กันนั่นแหละ แล้วบังเอิญผู้จัดการของผมกับมันดันสนิทกันไปอีก ในห้องเรียนนี่แทบจะแยกเขี้ยวใส่กัน แต่ต่อหน้ากล้องผมกับมันจำเป็นต้องสามัคคีกันไว้ครับ ท่องไว้อย่างเดียวงานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุข แม้จะสุข ๆ ดิบ ๆ ก็เหอะ
ถึงแม้มันจะดูดีมีฐานะกว่าผมหลายสิบเท่า แต่มันไม่ค่อยระมัดระวังตัวเท่าไหร่หรอกครับ ก็ตามประสาผู้ชายทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ ไม่ใช่แนวคุณหนู ไม่ใช่แนวคุณชาย แต่ก็ไม่ถึงกับลูกทุ่งจ๋าหรอกนะครับ มันก็พอมีความอายอยู่บ้าง โดยเฉพาะเวลาที่มันโดนผมด่าเพราะความอ่อยไม่เลือกที่ไม่เลือกเวลาของมันเนี่ย ผมมันเสือไม่ทิ้งลายนี่ครับเจออะไรขาว ๆ หน่อยเป็นไม่ได้น้ำเดินตลอด จนโดนมันตั้งฉายาให้ว่าไอ้แก้วจอมหื่น ถามว่าอายไหม ตอบเลยว่ามาก ก็จะไม่ให้อายได้ยังไงละครับ ถ้ากับสาว ๆ ผมจะไม่สนใจเลยแต่นี่กับผู้ชายด้วยกัน เสียชาติเกิดชัดๆ
-มาร์ค-
ส่วนผม ถามว่ารู้สึกยังไงที่มีมันเป็นเพื่อนร่วมห้อง ตอบได้คำเดียวเลยครับไม่มีอะไรถูกชะตาเลยสักอย่าง แค่ได้ยินเสียงมัน ผมก็หงุดหงิดแล้วเหอะ ยิ่งมันชอบด่าว่าผมชอบอ่อยมัน ผมนี่ของขึ้นจนอยากจะเอาอะไรยัดปากมันเสียให้ได้ มันจะเรียกว่าอ่อยได้ยังไงละครับ ก็ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ผู้ชายแมน ๆ เขาทำกันและมันก็คือความเคยชินของผม ผู้ชายด้วยกันจะต้องระวังอะไรกันนักหนาจริงไหมครับ
แต่หลังจากที่ผมกับมันเริ่มทำอะไรร่วมกันบ่อยขึ้น จนกลายเป็นต้องเจอกันแทบจะทุกวัน บางทีก็เกือบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ มันทำให้คำถามที่ว่า
“ผู้ชายด้วยกัน จะต้องระวังอะไรกันนักหนา”
กลายเป็นสิ่งที่ผมต้องระวังขึ้นมาจริง ๆ โดยเฉพาะไอ้สายตาคู่คมของมันเนี่ย มองทีไรเล่นเอาผมแทบจะละลายลงไปกองกับพื้นเสียให้ได้ มันจะมีอานุภาพอะไรขนาดนั้น มันก็แค่ เอ่อ แค่ทำให้ผมร้อน ๆ หนาว ๆ จนต้องระวังตัวแจเวลาอยู่กับมันเท่านั้นแหละครับ นี่ผมไม่ได้กลั๊ว ไม่ได้กลัว ผมก็แค่สร้างเซฟโซลให้ตัวผมเองเท่านั้นเอง ส่วนจะจากเรื่องอะไรนั้นตั้งมโนกันเองก็แล้วกันนะครับ
เรื่องราวของผมกับมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ก็แค่มันไม่ชอบขี้หน้าผมและผมก็ไม่ชอบขี้หน้ามัน เรียกว่าไม่มีเคมีอะไรตรงกันเลยซักอย่าง ผมไปซ้าย มันไปขวา ผมว่าขาว มันว่าดำ อะไรประมาณนี้แหละครับ และที่สำคัญทั้งผมและมันไม่มีวันจะชอบกันเองแน่ ๆ ต่อให้ใบโลกนี้เหลือแค่ผมกับมันลอยคออยู่กลางทะเลอันดามันก็เถอะ เพราะผมไม่มีทางเอาเพื่อนเป็นแฟนเด็ดขาด!!!!
แต่โลกใบนี้มีอะไรให้ตลกจนยิ้มไม่ออกได้เสมอแหละครับ
ผมกับมันวันนั้น
กับ
ผมกับมันวันนี้
แทบจะไม่ต่างจากหมากับแมว ที่เจอกันทีไรเป็นต้องแยกเขี้ยวใส่กัน ขู่ฟ่อๆ กันไปมา ก็นั่นมันหมากับแมวในโลกอดีตนี่ครับ โลกปัจจุบันสิรักกันราวกับคลอดจากท้องเดียวกันเสียอีก
และ ..
และ ...
ผมกับมันก็ดันเป็นเหมือนหมากับแมวในโลกปัจจุบันเสียด้วยสิครับ ไม่รู้เป็นเวรของผมหรือกรรมของมัน แต่ถึงยังไงผมก็ไม่วันยอมรับหรอกนะครับ เรื่องที่มันหาว่าผมชอบอ่อยมัน และผมจะแหกปากมันทุก ๆ วันจนกว่ามันจะเลิกกล่าวหาผมนั่นแหละครับ
“ขอโทษครับ กูอ่อยคุณ (มึง) ตอนไหน??!!!"
ตอบ!!!
“ถ้าคุณมีใจให้กับวายใส ๆ จิกกัดนิดๆ แต่โครตโรแมนติคคอมเมดี้ มาม่วนฟินอมยิ้มไปพร้อมกับเรา ลุยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!! ”
Ti amo_Je t’ aime
25 มีนาคม 2562
หลังเลือกตั้ง 1 วัน