ผมยากามิชิไคเป็นนักเรียนม.ต้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในชั้นเรียนของผมผมมีคนที่แอบชอบอยู่เธอชื่อว่ารินโดมารุมิเธอนิสัยดีค่อนข้างเรียนเก่งน่ารักในสายตาหนุ่มๆของโรงเรียนผมชอบเธอมานานแล้วในวันหนึ่งหลังเลิกเรียนยามเย็นทุกคนได้เก็บกระเป๋ากลับบ้านกันหมดเหลือเพียงผมกับเธอ
“เอ่อ...รินโด“
ผมเรียกเธอด้วยท่าทางเขินอายไม่กล้ามองหน้าและหลบสายตา
“มีอะไรหรอยากามิ?”
เธอทำหน้าตาสงสัยและมองมาที่ผมผมทำอะไรไม่ถูกหน้าก็เริ่มแดงพอสักระยะผมได้ตัดสินใจ
“คะคือว่า...ชะช่วยคะคบกับผมจะได้ไหมครับ!”
ผมได้พูดออกไปแล้วความรู้สึกกดดันมันทำอะไรไม่ถูกเหลือเพียงรอคำตอบผมหวังว่ามันจะสมหวัง
“ต้องขอโทษด้วยคือว่าฉันมีคนที่ชอบแล้วน่ะ”
รินโดมีคนที่ชอบแล้วผมซ็อคและยิ้มเหมือนปกติในหัวใจของผมมันแทบจะแตกสลายผมไม่กล้าที่จะมองหน้าเธอผมได้วิ่งออกจากตรงนั้นไปและไปนั่งคนเดียวที่สวนสาธารณะ
“ทำไมกันเราเตรียมใจไว้แล้วนิแล้วทำไมกัน“
ผมพูดอยู่กับตัวเองราวกับเป็นคนบ้าไร้สติและผมก็คิดขึ้นมาได้
“ไม่เป็นไรถึงรินโดจะมีคนชอบแล้วถ้าเราแสดงให้เห็นถึงความจริงใจหล่ะก็สักวันเธอจะหันมาชอบเราบ้างแน่”
ผมได้ตัดสินใจที่จะแสดงตวามจริงใจต่อไปและจะไม่ยอมยกรินโดให้ใครง่ายๆแน่วันต่อมาผมก็ทำตัวปกติพยายามไม่คิดเรื่องนั้นมากและไม่หลบหน้ารินโด
ยามเช้าวันต่อไปผมไปโรงเรียนปกติและบังเอิญเจอรินโดเหมือนกำลังรอใครอยู่ที่หน้าโรงเรียนผมจึงเข้าไปหา
“อรุณสวัสดิ์รินโดทำไมยังไม่เข้าโรงเรียนหล่ะรอใครอยู่หรอ?”
ผมได้ถามเธอและยิ้มทำสีหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ่อเปล่าหรอกไม่ได้รอใครหรอกเข้าโรงเรียนกันเถอะ”
เธอตอบกลับมาและยิ้มเหมือนเธอกำลังดูว่าผมผิดปกติหลังจากเมื่อวานรึเปล่าเราเรียนเหมือนปกติและคุยเล่นกันเหมือนปกติในขณะพักเที่ยงผมได้เดินคิดว่าจะทำยังไงต่อก็เห็นรินโดกำลังถือของล้นมือจนทำตกผมได้วิ่งเข้าไป
“รินโดเป็นอะไรรึเปล่าเดี๋ยวฉันช่วยนะ”
ผมได้ช่วยเธอถือของและนำของไปส่งที่ห้องพักอาจารย์
“ขอบใจมากนะถ้าไม่ได้ยากามิฉันคงจะลำบากกว่านี้แน่เลย”
เธอยิ้มด้วยท่าทางน่ารักและเราก็เดินกลับห้องเรียนด้วยกันหลังเลิกเรียน
“นี่รินโดวันนี้กลับบ้านกับใครหรอ?”
ผมถามเธอไปซวยแล้วไงเราดันเอาที่คิดมาถามสะได้ผมทำอะไรไม่ถูกและกำลังจะรีบออกจากตรงนั้น
“เปล่าจ๊ะกลับคนเดียวมีอะไรหรอ?”
ผมหันไปมองเธอเธอยิ้มและกำลังเดินผ่านผมไปผมได้บอกกับเธอ
“ระรินโดเดี๋ยวฉันกลับเป็นเพื่อนไม่ได้ลำบากหรอกจะให้ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวได้ไงหล่ะจริงไหม”
ผมไปเดินข้างๆเธอแต่ไม่ชิดมากและเราก็เดินกลับด้วยกันผมส่งรินโดจนถึงแถวบ้านเธอ
“ส่งแค่ตรงนี้ก็พอจ๊ะบ้านฉันอยู่แค่นี้เองขอบคุณที่มาส่งนะ”
เธอยิ้มโบกมือบ๊ายบายและเดินจากไป
“รินโดถ้าไม่ว่าอะไรคือฉันฉันขอมาส่งเธออีกได้ไหม !?”
ผมตะโกนไปถามเธอผมยืนนิ่งรอฟังคำตอบผมลุ้นอย่างน้อยๆขอแค่มาส่งก็ยังดี
“ จ๊ะไว้เจอกันนะ”
เธอยิ้มแล้วหันหลังเดินกลับบ้านผมหันหลังและดีใจออกหน้าออกตายิ้มหน้าบานจนถึงบ้านในหัวคิดแค่เรื่องของรินโดผมกับเธออยู่ด้วยกันบ่อยๆเกือบทุกวันจนผมถามเธอเรื่องคนที่เธอชอบ
“ นี่รินโดใครหรอที่เธอชอบฉันไม่เห็นเธอพูดถึงเลยนะ”
รินโดเงียบสักพักและยิ้ม
“คนที่ฉันชอบนะเขาไม่ได้ชอบฉันหรอกฉันแค่ชอบเขาฝ่ายเดียว “
เธอพยายามยิ้มออกมาผมอาจจะถามคำถามที่ไม่ควรถามแต่ผมก็ดีใจและผมกับรินโดก็ใกล้ชิดกันมากขึ้นผ่านไปหลายวันจนใกล้ปิดเทอม
“นี่ยากามินายน่ะจะเรียนม.ปลายที่ไหนหรอ?”
เธอถามผมผมไม่รู้จะตอบอะไรเพราะผมอยากจะเรียนที่เดียวกันกับเธอ
“ฉันไม่รู้หรอกยังไม่แน่ใจเลยแล้วรินโดหล่ะ?”
ผมเลยถามกลับเพื่อที่จะได้รู้ว่าเธอจะไปเรียนต่อที่ไหน
“ฉันก็ยังไม่รู้เลยแต่ที่คิดๆไว้ก็มีคาราซุโนะน่ะ”
ผมจึงตัดสินใจที่จะไปต่อที่นั่นตามเธอทันทีและผมก็คิดอีกว่าเราใกล้ชิดกันมากขึ้นขนาดนี้รินโดจะชอบเราบ้างไหมนะ
“นี่รินโดคือว่านะคือว่าตอนนี้ถ้าเป็นตอนนี้จะช่วยคบกับฉันได้รึเปล่า !?”
ผมรวบรวมความกล้าที่จะถามเธอผมไม่แน่ใจในคำตอบและหวังที่จะได้ยินในสิ่งที่ผมคิด
“ยากามิคือฉันฉันน่ะ ...”
รินโดได้วิ่งหนีผมไปโดยไม่ให้คำตอบผมได้วิ่งตามเธอไปจนกระทั้งเธอวิ่งออกจากโรงเรียนไปและสิ่งที่ผมเห็นมีรถเหมือนคนขับหลับในกำลังพุ่งเข้าชนเธอผมได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีวิ่งไปผลักเธอออกไป
“โครม!!!!”
เสียงที่ดังสนั่นทุกคนในโรงเรียนวิ่งออกมาครูอาจารย์ทุกคนก็รีบออกมารินโดพยายามติดต่อหมอผมที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรู้สึกหน้ามันมืดไปหมดผมเริ่มมองอะไรไม่เห็นเสียงรอบตัวผมเริ่มเบาลงทีล่ะนิดผมคิดอยากรู้คำตอบของเธอนะรินโดก่อนที่ผมจะมองไม่เห็นก่อนที่เสียงรอบตัวจะหายไปผมเอื้อมมือไปหารินโดและทุกอย่างก็มืดและเงียบไปผ่านเหตุการณ์นั้นมาที่โรงพยาบาล
“ยากามิตื่นแล้วหรอคุณหมอค่ะๆ “
ผมตื่นขึ้นมามองทุกอย่างรอบข้างรินโดที่กำลังมองผมด้วยความดีใจและรู้สึกผิดอยู่นั้น
“คือว่านะครับคุณเป็นใครหรอ?”
ผมจำอะไรไม่ได้ผมทำหน้างงๆจนหมอมา
“เธอจำตัวเองได้ไหมแล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
หมอถามผมและมีพยาบาลคอยอยู่ข้างหลังและกำลังเตรียมยาให้ผม
“ผมจำอะไรไม่ได้เลยครับรู้แค่ปวดหัวกับเจ็บปวดตามลำตัวครับ”
หมออำอึ้งไปสักพักใช้ไฟฉายส่องที่ตาผมและตรวจอย่างอื่นต่อไป
“คงจะความจำเสื่อมเนื่องจากเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงคุณรินโดถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติอะไรก็รีบช่วยแจ้งหมอหรือพยาบาลด้วยนะครับ”
และหมอก็ออกจากห้องไปผมได้นอนลงเห็นเธิกำลังร้องไห้และมองมาที่ผม
“คุณเป็นอะไรหรอครับ? ทำไมถึงร้องไห้หล่ะ?”
ผมถามเธอที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่เธอเอามือเอื้อมมาจับมือผม
“ฉันยังไม่ได้ให้คำตอบนายเลยนะยากามิฉันน่ะชอบนายมาตลอดนะฉันขอโทษที่วิ่งหนีนายไปจนทำให้นายเป็นแบบนี้ “
เธอร้องไห้และกุมมือผมไว้อย่างแน่นผมไม่เข้าใจอะไรเลยจนกระทั้งผมได้ออกจากโรงพยาบาลผมที่ถูกส่งมาพักที่บ้านผมนั่งมองท้องฟ้าบรรยากาศสดใสลมอ่อนพัดมาทำให้รู้สึกสบายใจเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นคนที่อยู่หน้าบ้านผมรินโดผมเปิดประตูหน้าบ้านให้
“ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะคอยดูแลนายเองนะยากามิ”
เธอยิ้มมองมาที่ผมและเดินเข้ามาหาผมเราอยู่ใกล้กันมากจนหน้าแทบจะชนกันอยู่แล้วผมถอยออกห่างและบอกเธอ
“ไม่เป็นไรฉันอยู่ได้ไม่ต้องดูแลอะไรฉันมากหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปโรงเรียนได้แล้ว”
ผมบอกเธอไปอย่างนั้นเพราะผมจำอะไรไม่ได้เลย
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะมารับไปโรงเรียนด้วยกันนะวันนี้นายอยู่คนเดียวไปก่อนก็ได้”
รินโดได้กลับบ้านไปผมที่ปิดประตูหน้าบ้านแล้วก็ได้ขึ้นห้องในระหว่างที่กำลังเก็บหนังสือก็มีภาพๆหนึ่งตกลงพื้นผมเก็บมาดู.มันเป็นภาพของผมและรินโดที่เคยถ่ายไว้นานแล้วก่อนเกิดอุบัติเหตุภาพความทรงจำก็เริ่มนึกอะไรได้แล้วอยู่ๆผมก็น้ำตาไหลราวกับว่าผมลืมสิ่งสำคัญที่สุดไปเช้าวันต่อมาและเช้าของทุกวันรินโดได้มารับผมอย่างน้อยๆมันอาจจะทำให้ผมคิดอะไรออกบ้างเธอบอกแบบนั้นเราอยู่ด้วยกันตลอดทุกวัน
“ยากามิฉันน่ะรักนายนะถึงนายจะจำอะไรไม่ได้แต่สักวันฉันจะทำให้นายจำฉันได้เอง “
เธอบอกกับผมทุกวัน