รู้แล้วว่าความรักเป็นเช่นไร

เรื่องสั้น

รู้แล้วว่าความรักเป็นเช่นไร

รู้แล้วว่าความรักเป็นเช่นไร

Ravenlord

เรื่องสั้น

0
ตอน
459
เข้าชม
13
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง

ณ บ้านพักที่หนึ่งในตัวเมืองแถบโตเกียวผมมินาซากิยูโตะอาศัยอยู่คนเดียวและได้ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปวันๆทำแต่งานและไม่เคยมีแฟนกับเขาเลยผมเคยขอพรจากศาลเจ้าแห่งนึงเรื่องความรักแต่ก็ไม่เคยสมหวังจนหมดศรัทธาในเทพแห่งความรักวันหนึ่งผมได้เดินเล่นในสวนสาธารณะผ่านศาลเจ้าแห่งนั้นและได้พูดลอยๆใส่ศาลเจ้า

“เทพแห่งความรักงั้นหรอไร้สาระสิ้นดี”

 

ผมพูดออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาเพราะไม่เคยสมหวังเลยและอยู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงจากไหนก็ไม่รู้ดังขึ้นมาในหัวของผม

 

“ เจ้าผู้เสียศรัทธาในข้าเอ่ยเจ้าบังอาจว่าเทพแห่งความรักไร้สาระงั้นรึข้าจะลงโทษเจ้าให้เจ้าพบกับความรักของเจ้าจงไปสะสิ “

 

ผมได้ยินก็ตกใจและมองหาว่าเสียงนั้นมาจากไหนทันใดนั้นร่างกายของผมก็เริ่มจางหายไปทีล่ะน้อยผมทำอะไรไม่ถูกจึงวิ่งพยายามหาคนช่วยและตะโกนขอความช่วยเหลือแต่เสียงของผมกลับหายไปและตัวตนของผมก็ได้หายไป...

 

“ที่นี่...ที่ไหนกันเนี่ย?!”

ผมรู้สึกตัวอีกทีที่ๆผมอยู่ก็เหมือนจะถูกให้ย้อนกลับมาในยุคเซ็งโงคุผมไม่เคยสนใจในประวัติศาสตร์เลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลยผมได้เดินไปทั่วในแถบเมือง

 

“ขอโทษนะครับขอรบกวนหน่อยนะครับที่นี่ที่ไหนครับ?”

 

ผมได้ถามชาวบ้านที่อยู่แถวนั้น

 

“ที่นี่คือเมืองหลวงโตเกียวเจ้าไม่รู้รึแล้วเจ้าใส่ชุดอะไรอยู่รึข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”

 

ผมไม่รู้จะตอบอะไรเพราะว่าผมถูกทำให้ย้อนกลับมาที่ยุคนี้ผมจึงไม่ตอบอะไรและรีบเดินหนี

 

“แล้วเราจะเอายังไงต่อดีหล่ะบ้าเอ้ย”

 

ผมพูดอยู่คนเดียวที่สะพานในแถบเมืองด้วยสีหน้าเป็นกังวล

 

“ท่านเป็นชาวต่างแดนรึค่ะมิทราบว่าท่านกำลังทุกข์ใจเรื่องอะไรรึค่ะ? หรือต้องการความช่วยเหลือรึเปล่าค่ะ?”

 

ผมได้หันไปมองตามเสียงที่ได้ยินและพบผู้หญิงคนหนึ่งยืนมองมาที่ผมผมหลงไหลในความงดงามนั้นราวกับว่าโลกนี้มีเพียงเราสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน

 

“ท่านค่ะเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ?”

 

เธอมองที่ผมด้วยความสงสัย

 

“ อ่อครับผมหลงทางน่ะครับไม่มีที่พักหรือคนรู้จักที่นี่เลยและผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ด้วย”

 

ผมได้ตอบไปและหันหน้ามองที่แม่น้ำ

 

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะแนะนำที่พักให้ข้ามีเพื่อนที่เปิดร้านอาหารอยู่แต่ท่านต้องทำงานให้กับเขานะท่านจะไปรึไม่ ?”

 

หญิงสาวถามผมที่กำลังยืนนิ่งๆ

 

“ขอบคุณมากครับผมจะไปครับ”

 

หลังจากนั้นเราก็เดินด้วยกันจนมาถึงร้านที่เป็นคนรู้จักของผู้หญิงคนนี้

 

“ท่านรอข้างนอกนี่ก่อนนะค่ะ”

 

เธอก็เดินเข้าไปในร้านสักพักเธอก็ออกมาและเรียกผมเข้าไปในร้าน

 

“สวัสดีครับขอรบกวนด้วยนะครับ”

 

ผมแสดงความเคารพและเงยหน้า

 

“คนนี่งั้นหรอที่เจ้าบอกว่าเขาอยากมาทำงานให้ข้านี่เจ้าทำอะไรเป็นบ้างหล่ะ?”

 

หนุ่มร่างใหญ่คนนี้ทำหน้าตาหน้ากลัวมองมาที่ผม

 

“ผมทำอาหารเป็นครับถึงจะไม่เก่งแต่ก็ทำเป็นครับ “

 

ผมได้ตอบและทำสีหน้าอย่างมั่นใจเพราะผมเคยทำงานที่ร้านอาหารมาก่อน

 

“งั้นเจ้าลองทำให้ข้าชิมสิอาหารของเจ้าน่ะถ้าอร่อยข้าจะรับเจ้าทำงานที่นี่ถ้าไม่อร่อยก็ไสหัวไปสะ!”

 

เขาตะโกนใส่ผมพร้อมกับสีหน้าที่ดูถูก

ผมได้ใช้ครัวของเขาทำอาหารง่ายๆขึ้นมาเพราะผมคิดว่าที่นี้ไม่น่าจะมีใครทำ

 

“เสร็จแล้วครับแกงกระหรี่รสชาติอาจจะเผ็ดหน่อยนะครับ”

 

ผมนำจานแกงกระหรี่วางให้กับหนุ่มร่างใหญ่คนนี้และทันทีที่หนุ่มคนนี้ทานไปก็พบกับรสชาติที่ไม่เคยลองมาก่อน

 

“อะไรกัน! อาหารจานนี้มันทั้งเผ็ดทั้งร้อนแต่กลับหยุดกินไม่ได้”

 

หลังจากที่ทานอาหารจนหมด

 

“ข้าจะให้เจ้าพักก็ได้แต่เจ้าต้องทำงานที่นี่เอออีกอย่างข้ามีชื่อว่าอาชิวาระยาราคิจำไว้ด้วยหล่ะแล้วชื่อเจ้าหล่ะ”

 

ผมที่กำลังดีใจก็ตอบกลับโดยทันที

 

“มินาซากิยูโตะขอความกรุณาด้วยครับ”

 

ผมเคารพด้วยความดีใจอีกครั้งและยิ้มตลอดเวลา

 

“ท่านยูโตะเจ้าค่ะงั้นข้าขอตัวไปก่อนไว้ข้าจะแวะมาหานะเจ้าค่ะ”

 

เธอได้พูดเบาๆแล้วเธอก็เดินออกจากร้านไปโดยที่ไม่มีใครสังเกต

จากวันนั้นผมก็ได้ทำงานและพักที่นั้นหลายวันหลายคืนเธอคนนั้นก็ไม่ได้กลับมาที่ร้านอาหารเลยจนวันหนึ่ง

 

“ท่านยูโตะสบายดีรึไม่เจ้าค่ะ”

 

เสียงของเธอทำให้ผมหันกลับไปมองผมได้เห็นสีหน้าที่งดงามของเธอ

 

“ผมสบายดีครับแล้วคุณหายไปไหนมาหรอครับ ?”

 

ผมถามเพราะความสงสัยเธอก็ได้ทำหน้าเศร้าๆและตอบกลับมา

 

“ฉันไปทำงานที่บ้านของท่านปู่น่ะค่ะแต่ตอนนี้ท่านเสียไปแล้วค่ะเมื่อไม่นานมานี้”

 

เธอเหมือนจะน้ำตาคลอและหลบสายตาผม

 

“นี่~ คุณยาราคิผมขอออกไปข้างนอกสักครู่นะ!”

 

ผมตะโกนจากหน้าร้านไปหายาราคิ

 

“รีบกลับมาหล่ะงานยิ่งเยอะอยู่!!”

 

เขาตะโกนกลับออกมาผมจึงพาผู้หญิงคนนี้ไปที่ต้นซากุระที่อยู่แถวนอกเมืองไม่ห่างไกลนัก

 

“นี่ก็ครั้งที่สองแล้วที่เราพบกันช่วยบอกชื่อให้ผมรู้จักหน่อยสิครับ”

 

ผมทำหน้าตาเขินอายเล็กน้อย

 

“นั่นสินะค่ะตัวข้าเองก็ลืมไปสะสนิทว่ายังมิได้แนะนำตัวเองเลยข้าชื่อมิสึกิฮารุโนะค่ะ”

 

แล้วเธอก็ยิ้มออกมา

 

“คุณมิสึกิยังต้องไปไหนอีกไหมครับ”

 

ผมหันหลังไปมองพระอาทิตย์ที่ใกล้ตกดินและได้ถามเธอไป

 

“ไม่แล้วเจ้าค่ะพิธีศพของท่านปู่เสร็จสิ้นแล้วค่ะมีอะไรรึเปล่าค่ะ?”

 

มิสึกิได้มองมาที่ผมด้วยหน้าตาที่สงสัย

 

“ถ้าอย่างนั้นช่วยมาหากันทุกวันและถ้ามีเวลาว่างเราจะได้ไปเดินเล่นกันด้วยคุณมิสึกิคิดว่ายังไงครับ”

 

ผมเขินอายและหันหลังไม่กล้าไปมองหน้าเธอรู้สึกหัวใจเต้นรุนแรงมันแปลกๆถึงตัวผมเองจะเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนแต่ก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่ดี

 

“ค่ะท่านยูโตะ”

 

เธอก็ตอบกลับมาและอยู่ๆเธอก็ขอกลับก่อน

ผมก็ตามไปส่งเธอในขนาดที่เราเดินกลับกันผมและเธอไม่ได้คุยอะไรกันเลยสักคำ

หลังจากเหตุกันนั้นเราได้เจอกันเกือบทุกวันทั้งเดินเล่นทานอาหารหรือจะไปไหนก็เหมือนว่าเราทั้งคู่จะตัวติดไปกันแล้ว

 

หลังจากนั้นก็ผ่านไป 1เดือนผมรู้สึกว่าผมรักคุณมิสึกิเข้าให้แล้วแต่ผมไม่รู้ว่าคุณมิสึกิจะคิดยังไงในวันนี้ผมตั้งใจจะสารภาพรักเธอแต่กลับเกิดสงครามขึ้น

 

“เอ้ยยูโตะอยู่ไม่ได้แล้วนะเรารีบไปกันเถอะพวกไดเมียวแคว้นข้างๆเริ่มทำสงครามกับทางเราแล้วเราต้องหาที่อยู่ใหม่กันไปกันเถอะ!!”

 

คุณยาราคิตะโกนบอกผมพร้อมทั้งเก็บของเตรียมย้ายกัน

 

“แล้วคุณมิสึกิหล่ะ! ผมจะไปพบเธอก่อน”

 

ผมรีบลงจากห้องและวิ่งออกไปให้เร็วที่สุดพร้อมกับกังวลกลัวเธอจะไม่ปลอดภัย

 

“เจ้าจะบ้ารึไง!!? ทางบ้านมิสึกิน่ะอยู่ไกลจากนี่มากนะแล้วสงครามมันจะเริ่มแถวนั้นเจ้าจะไปไม่ได้นะยูโตะ!!”

 

คุณยาราคิตะโกนมาด้วยความเป็นห่วงและทำสีหน้าไม่ดีผมคิดว่าคงอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่

 

“ ขอขอบคุณสำหรับทุกอย่างจริงๆนะครับคุณยาราคิผมคงจะปล่อยเธอไว้แบบนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าปลอดภัยรึเปล่าไม่ได้ครับเพราะผมรักคุณมิสึกิครับ “

 

สิ้นสุดประโยคสุดท้ายผมก็วิ่งไปที่คอกม้าแล้วขึ้นมาไปหาเธอทันทีผมต่อสู้ไม่เป็นแต่ผมก็อยากจะไปหาคุณมิสึกิผมได้เดินทางไปหาคุณมิสึกิแต่ภาพที่ผมเห็นหมู่บ้านข้างหน้าที่ผมกำลังจะไปนั้นเกิดไฟไหม้บ้านเรือนพังทลายทุกอย่างราบเป็นหน้ากอง

 

“คุณมิสึกิ!!!! คุณมิสึกิอยู่รึเปล่าครับ!!!”

 

ผมได้แต่ขี่ม้าตะโกนหาเธอจนไปเจอเข้ากลับบ้านชื่อหน้าบ้านที่เขียนว่าตระกลูมิสึกิที่ตกอยู่ส่วนตัวบ้านนั้นเป็นแต่ซากบ้านเท่านั้นผมเริ่มเป็นกังวล

 

“มิสึกิ!!!! มิสึกิ!!!! “

 

ผมขี่ม้าวนหาเธอต่อไปเรื่อยๆวนมาอยู่ประมาณ 4-5 ชั่วโมงหลังจากนั้นฝนก็ตกลงมาผมทรมานหัวใจเหลือเกินทันใดนั้น

 

“ท่านยูโตะ !!! “

 

คุณมิสึกิได้วิ่งออกมาจากป่าทันทีที่ผมเห็นเธอผมลงจากม้าและวิ่งไปสวมกอดเธอไว้

 

“มิสึกิผมน่ะผมน่ะรักคุณมิสึกินะครับรักมาตั้งแต่แรกแล้วรักมานานผมคิดว่าจะเสียคุณไปสะแล้ว “

 

ผมได้พูดออกไปทั้งน้ำตาในขณะที่ฝนกำลังตกผมยังคงกอดเธอไว้ผมดีใจที่เห็นเธอไม่เป็นอะไร

 

“ท่านยูโตะข้าก็รักท่านมานานแล้วนะค่ะท่านใจดีกับข้าเสมอคอยอยู่เคียงข้างข้าถึงขนาดที่มาถึงที่ๆเป็นสนามรบเยี่ยงนี้เพื่อข้าข้าจะรักท่านเพียงคนเดียว”

 

เธอพูดพร้อมกับกอดผมให้แน่นขึ้นเรามองหน้ากันลมหายจนกระทบกันด้วยความรักของเราเราจุมพิตกันและกอดกันแน่นท่ามกลางฝนและซากบ้านเมืองล้อมรอบ

 

“ท่านยูโตะเราไปกันเถอะค่ะอยู่ที่นี่พวกมันอาจจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ “

 

มิสึกิบอกกับผมพร้อมกับมองรอบๆด้วยท่าทีที่กังวล

 

“ไปกับฉันเถอะมิสึกิเราจะไปอยู่ด้วยกันเถอะนะเธอน่ะถึงแม้จะแลกด้วยชีวิตฉันก็จะปกป้องเอง “

 

ผมได้พาเธอขึ้นม้าและออกจากที่นั่นโดยเร็วหลังจากวันนั้นก็ผ่านไปกว่าเดือนสงครามก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งผมกับมิสึกิก็ได้หนีกันต่อไปเรื่อยๆเราฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปพร้อมกันเมื่อผมได้ที่พักชั่วคราวกับมิสึกิผมก็ได้นอนฝัน

 

“เจ้าผู้เสื่อมศรัทธาแห่งข้าได้เวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้ที่มาดูหมิ่นข้าได้แล้วเจ้าต้องเศร้าเสียใจและทรมานข้ามิอาจจะให้อภัยเจ้าได้ง่ายๆเจ้าต้องรับบทลงทัณฑ์และจงสำนึกผิดสะ”

 

เสียงผู้หญิงลึกลับที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ทำให้ผมนึกขึ้นว่าเธอคนนั้นอาจจะคนส่งผมมาที่นี่ก็ได้

 

“ท่านเทพแห่งความรักตอนนี้ผมสำนึกผิดแล้วขออย่าให้เราจากกันเลยเรารักกันจากใจจริงเพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าแยกเราเลยนะครับขอร้องหล่ะครับ!!”

 

ผมได้ตะโกนในความฝันนั้นอย่างสุดเสียงเพื่อให้เทพแห่งความรักโปรดอภัยแต่กลับไม่มีเสียงอะไรตอบมาเลยแล้วในความฝันของผมก็พบกับมิสึกิที่กำลังเดินจากผมไปแม้ว่าผมจะวิ่งตามแต่ผมก็ตามไม่ทันจนเธอได้หายไปผมก็สะดุ้งตื่นทันที

 

“ท่านยูโตะเป็นอะไรค่ะฝันร้ายหรอค่ะ ?”

 

เธอถามผมด้วยความเป็นห่วง

 

“ไม่เป็นอะไรหรอกมันแค่ความฝันความจริงเรายังมีกันอยู่ “

 

ผมพูดออกไปและกอดมิสึกิไว้จากนั้นก็นอนต่อจนเช้าและเช้าวันต่อมานั่นเองสงครามก็เริ่มจะหนักขึ้นทุกครั้งผมได้พามิสึกิเข้าเมืองที่ใหญ่พอสมควรและคิดว่าเมืองนี้ไม่น่าจะถูกตีแตกได้ง่ายๆแต่ผมกลับคิดผิดไม่กี่สัปดาห์ต่อมาก็ถูกโจมตีชาวบ้านแต่งแตกตื่นทุกคนก็ถูกไล่ฆ่าผมจึงพามิสึกิขึ้นม้าและรีบออกจากที่นั้นแต่มีทหารฝ่ายที่เข้าโจมตียิงธนูมาในมุมอับสายตาผมไม่ทันตั้งตัวมิสึกิจึงรับลูกธนูนั้นแทนผมจากนั้นเราก็หนีออกไปได้

 

“ยังไหวรึป่าวมิสึกิเป็นเพราะฉันสินะเธอถึงต้องเจ็บตัวขนาดนี้ฉันขอโทษนะมิสึกิ”

 

ผมได้พูดไปพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาและไม่สามารถหยุดมันได้

 

“ทะท่านยูโตะข้าไม่เป็นไรหรอกค่ะแค่ถูกลูกธนูแค่นี้เองนะค่ะ”

 

เธอพูดออกมาพร้อมกับเลือดที่กำลังไหลออกมาไม่หยุดผมก็รู้ได้ทันทีเธอพยายามที่จะอยู่กับผมต่อไปแต่ว่าเธอน่ะกำลังฝืนตัวเองอยู่

 

“ฉันรักเธอนะมิสึกิรักเธอที่สุดเลยนะฉันจะมีเพียงเธอคนเดียวแม้จะไม่มีตัวเธอแล้วแต่เธอจะมีชีวิตอยู่ในใจของฉันเสมอนะมิสึกิ”

 

ผมพูดออกไปด้วยความรักที่มีและแล้วฝนก็โปรยปรายลงมาราวกับมาชำระล้างทุกสิ่ง

 

“ทะท่านยูโตะขะข้ารักท่านนะค่ะแม้ว่าตัวข้าจะจากไปข้าจะคอยเฝ้ามองท่านจากบนฟ้าอันแสนไกลไม่ต้องเป็นห่วงข้านะลาก่อนที่รักของข้า ....”

 

สิ้นสุดประโยคเธอก็สิ้นลมผมได้แต่กอดตัวเธอที่ไร้จิตวิญญาณท่ามกลางฝนที่กระหน่ำตกลงมาผมร้องไห้ด้วยเสียงที่แสนเศร้าน้ำตาที่มิอาจจะหยุดยั้งความรู้สึกอันแสนบีบคันหัวใจดวงนี้มันทำให้เจ็บปวดจนอยากจะตายตามเธอไปผมได้มองขึ้นฟ้าแล้วตะโกนออกไป

 

“เทพแห่งความรักเอ่ยนี่คงสมใจท่านแล้วสินะความรักอันบริสุทธิ์และงดงามทำไมท่านต้องทำให้มันจบลงอย่างหน้าเศร้าเยี่ยงนี้ “

 

ผมตะโกนทั้งที่ร้องไห้ผมเข้าใจและรู้ซึ้งแล้วนี่เป็นสิ่งที่ผมควรได้รับสินะถึงจะเจ็บปวดแต่ผมก็ดีใจที่ได้เจอเธอ

 

“เจ้าคงสำนึกผิดแล้วสินะถ้าอย่างนั้นจงกลับไปที่เจ้าจากมาและขอให้เจ้าได้ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขหล่ะบทลงโทษของเจ้าจบแค่นี้ “

 

 

แล้วร่างกายของผมก็ส่องแสงอ่อนๆและค่อยๆจางหายไปผมกอดมิสึกิไว้แบบนั้นจนกว่าผมจะสลายไปต่อมาผมได้กลับไปอยู่ที่ห้องตัวเองในยุคปัจจุบันผมเปิดมือถือดูเวลาแต่ดูเหมือนว่าระหว่างที่ผมไปอยู่ในยุคนั้นเวลาปัจจุบันมันจะหยุดนิ่งมันเป็นเหมือนความฝันที่มียาวนานถึงจะเศร้าที่ต้องจากกันแต่ก็มีความสุขเวลาที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่นั้นมาผมก็ศรัทธาเทพแห่งความรักเพราะครั้งนึงท่านเคยให้ผมพบรักแท้

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว