รักในความทรงจำ (Y)
0
ตอน
997
เข้าชม
26
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
3
เพิ่มลงคลัง

ความรัก เกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ ตามที่หลาย ๆ คนเคยพูดกันเอาไว้ แต่สำหรับตัวผมแล้วนั้น ที่ไหน เมื่อไหร่ มันไม่สำคัญ แต่มันสำคัญตรงที่ว่า ความรักของผม ได้เกิดขึ้นกับคนคนนี้ คนที่ทำให้ผมรู้จักกับคำว่า “คุณค่าของความรัก”
   ความรักของผมเอง ถ้าให้คนส่วนใหญ่ตัดสิน พวกเขาก็คงจะพูดได้แค่ว่า เป็นความรักที่วิปริต แต่สำหรับคนกลุ่มน้อย กลุ่มคนที่ยังคงเป็นกลุ่มน้อยของสังคม แต่ผมก็ยังมองว่าถึงจะเป็นกลุ่มน้อย ก็ยังคงเป็นกลุ่มหนึ่งของสังคมอยู่ดี ใช่แล้วครับ ความรักของผมที่เป็นผู้ชาย มันเกิดขึ้นกับผู้ชายด้วยกัน
   ผมและไนท์ ได้รู้จักกันตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ปี 2 ถึงแม้ว่าผมและไนท์จะเรียนกันคนละคณะ แต่ก็มีสาเหตุที่ทำให้เราได้รู้จักกัน ผมและไนท์ได้ไปออกค่ายอาสาที่ทางคณะของไนท์จัด ผมเองไม่ได้อยากที่จะไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่เจ้าเพื่อนตัวดีของผม มันดันไปเป็นแฟนกับสาวสวยในคณะของไนท์ เมื่อทางคณะของไนท์ไปออกค่ายอาสา ผมจึงต้องไปออกค่ายกับเจ้าเพื่อนตัวดีของผม เพียงเพื่อที่มันจะได้มีโอกาสเอาอกเอาใจแฟนสาวของมันนั่นเอง
   เราไปออกค่ายอาสากันกลุ่มไม่ใหญ่มาก และแค่เพียงไม่กี่วัน ในการออกค่ายอาสาครั้งนี้แหละ ที่ทำให้ผมได้เจอกับคนที่พิเศษที่สุดของผม ไนท์เป็นนักศึกษาชายที่มีรูปร่างบอบบางอย่างที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนใฝ่ฝันที่จะมีหุ่นอย่างไนท์ ผมสีน้ำตาล ที่มักจะถูกเจ้าตัวเอามือไปจับอยู่บ่อย ๆ เพื่อที่จะจัดให้อยู่ทรง เพราะผมของไนท์เป็นผมเส้นเล็ก โดนลมนิดหน่อยผมก็จะปลิวไสวไปตามแรงลม ทรงผมที่เข้ากับใบหน้ารูปไข่ของไนท์ ทำให้ใบหน้าเล็ก ๆ ของไนท์นั้นดูอิ่มเอิบ สวยงาม รวมไปถึงดวงตาสีเดียวกับเส้นผม จมูกโค้งงอน และปากเล็ก ๆ เรียวบาง มันช่างเหมือนกับสวรรค์ได้สรรค์สร้างหนุ่มน้อยคนนี้ออกมาด้วยความประนีต บรรจง ด้วยรูปร่างและหน้าตาของไนท์ ทำให้ผมเผลอที่จะมองชายหนุ่มคนนี้อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้ตัว บางครั้งผมเผลอมองจนเจ้าตัวเขาเกิดอาการเขินอาย แต่สายตาผมก็ยังคงจ้องมองอย่างไม่ยอมลดละ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกของผมคืออะไร เพราะตลอดมา ผมไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับใครมาก่อน
   หลังจากกลับจากการไปออกค่ายอาสาในครั้งนั้น นอกจากผมจะได้ความปลื้มปิติที่ได้ช่วยเหลือชาวบ้าน เด็ก ๆ ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ผมยังได้ไนท์หนุ่มน้อยคนที่ผมเฝ้าจ้องมองมาเป็นแฟนด้วยอีกคน ซึ่งไม่มีอะไรที่จะพิเศษได้มากขนาดนี้อีกแล้วในชีวิตของผม
   ผมกับไนท์คบกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราย้ายหอพักมาอยู่ด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน ออกไปเรียนพร้อมกัน ช่วยกันดูแลกันและกัน และได้นอนข้าง ๆ กันตลอดมา ถึงเราจะเรียนกันคนละคณะ เวลาเรียน ตารางเรียนจะไม่เหมือนกัน แต่เราก็จะพยายามจูนเวลาของเราให้มาเจอกันได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อ ยิ่งอยู่ด้วยกันนานวัน ยิ่งทำให้ผมรักหนุ่มน้อยของผมมากขึ้น มากขึ้นทุกวัน และเมื่อวันสำคัญของวัยเรียนมาถึง เราทั้งคู่เรียนจบพร้อมกัน รับปริญญาพร้อมกัน หลังจากที่ได้ปลื้มปิติกับชีวิตวัยเรียนที่ถือว่าประสบผลสำเร็จ ผมและไนท์ก็ทำตามแผนการของชีวิตที่ได้ร่วมวางไว้ด้วยกัน นั่นคือหางานตามที่ตัวเองถนัด แต่จะต้องไม่ทำให้เราห่างกัน
   ผมได้เป็นวิศวกรอย่างที่หวัง และไนท์เองก็ได้ทำงานในบริษัทที่ทำโฆษณายักษ์ใหญ่อย่างที่หวังไว้เช่นกัน ชีวิตคู่ของเราจึงดูเหมือนที่จะเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง แต่ทุกอย่างที่เพิ่มขึ้นมานั้น ไม่เคยลดคุณค่าของความรักของเราทั้งสองคนลงไปแม้แต่น้อย
   “ไนท์ครับ สุขสันต์วันเกิดนะครับ” ผมโทรไปหาไนท์ คนที่ผมรักมากที่สุด
   “ขอบคุณครับกฤษ คนดีของผม” ไนท์พูดด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความดีใจ
   “คืนนี้ให้ผมเลี้ยงข้าวไนท์นะครับ” ผมพูดต่อ
   “อืมมม ไนท์ยังไม่ได้คิดเลยนะครับว่าจะทานอะไรดี” ไนท์พูดกลับมา
   “ไนท์ไม่ต้องคิดเลยครับ ผมจองร้านอาหารไว้แล้วละ ผมขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษา แต่ผมมั่นใจว่าไนท์ต้องชอบร้านนี้แน่ๆ” ผมพูด
   “ร้านไหนไม่สำคัญหรอกครับ ขอแค่มีกฤษนั่งทานกับไนท์ก็พอครับ” ไนท์ไม่ลืมที่จะหยอดคำหวาน
   หลังจากทานอาหารรสเลิศและบรรยากาศชั้นดี ผมจึงมีโอกาสที่จะได้ให้ของขวัญที่ผมแอบไปเลือกซื้อมาไว้เป็นเดือน ๆ แล้ว
   “ขอบคุณครับกฤษ สร้อยสวยมากเลยครับ” ไนท์พูดเมื่อแกะกล่องของขวัญกล่องเล็ก ๆ ออกดู
   “ให้ผมสวมให้นะครับ” ผมพูดพร้อมกับสวมสร้อยที่มีจี้เป็นรูปหัวใจสองวงคล้องอยู่ด้วยกันให้กับคอที่สวยงามของไนท์
   “ขอบคุณครับ” ไนท์พูดพร้อมกับกอดผม
   “เปลี่ยนจากกอดเป็นหอมแก้มไม่ได้เหรอครับ” ผมอ้อนไนท์
   “กฤษครับ นี่มันร้านอาหารนะ เราคงจะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้หรอกครับ ไนท์อายคนอื่นเค้านะ” ไนท์พูด
   วันเวลาของความสุขของเราสองคนผ่านไปวันแล้ววันเล่า แต่เราทั้งสองก็ยังไม่เคยที่จะรู้สึกเบื่อกันและกัน ท้ายที่สุดแล้วผมเองที่เป็นคนทำลายความรัก วันเวลาแห่งความสุขของเราทั้งสองคน ทำลายมันลงกับมือของผมอย่างไม่น่าให้อภัย
   ผมไม่รู้ว่าผมทำอย่างนั้นลงไปได้ยังไงกัน ผมมันก็แค่ผู้ชายเลว ๆ ที่ทำร้ายคนที่ผมรักได้ด้วยเพราะฤทธิ์ของเหล้าแค่ไม่กี่แก้ว ในคืนนั้นผมและไนท์ต่างแยกย้ายกันไปงานเลี้ยงฉลองต้อนรับปีใหม่ของบริษัท คืนนั้นผมมีความสุข และสนุกกับเพื่อน ๆ ร่วมบริษัท ทั้งที่ผมสนิท รู้จักอย่างผิวเผิน และบางคนที่ผมแทบจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อมันเป็นงานของบริษัทผมจึงให้ความร่วมมือเต็มที่ ผมสนุก เพลิดเพลิน และเมามายกับเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ และแล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิดเอาไว้ก่อนก็เกิดขึ้น ผมได้กลับมาที่บ้านพร้อมกับใครคนนึงซึ่งผมไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำไป ผมพาเขามานอนในห้องนอนของผมและไนท์ ผมทำร้ายคนที่ผมรักอย่างไม่น่าให้อภัย แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผมก็เกิดขึ้นเมื่อไนท์กลับจากงานเลี้ยงมาเห็นภาพที่แทบจะทำให้ไนท์ล้มทั้งยืน เสียงกระเป๋าของไนท์ที่หลุดร่วงหล่นลงพื้นทำให้ผมได้สติ ผมรีบหันไปมองเห็นไนท์ คนที่ผมรักมากกว่าชีวิตวิ่งออกไป ผมรีบคว้าเอาเสื้อผ้าที่ใกล้ตัวที่สุดใส่ปกปิดร่างกายและวิ่งตามไนท์ออกไป แต่มันสายเกินไปไนท์ขับรถออกไปจากบ้านแล้ว ผมจึงต้องรีบขับรถของผมตามไนท์ออกไปอย่างไม่รั้งรอ หลังจากนั้นสมองของผมก็ไม่รับรู้อะไร หลังจากที่ผมได้ยินเสียง “โครม” ดังสนั่น
   ผมกลับมาที่บ้านของผมและไนท์ ชีวิตของผมรู้สึกหดหู่ ห่อเหี่ยว ผมไม่เห็นรถของไนท์จอดอยู่ในที่จอดรถเหมือนเคย เปิดประตูเข้าบ้านไป ในบ้านเงียบสนิท ไม่มีวี่แววของการที่จะมีใครซักคนอยู่ในบ้าน แต่ผมยังคงทำใจดีสู้เสือ รีบเดินตรงเข้าไปในห้องครัว ซึ่งเป็นห้องที่ไนท์ชอบมากที่สุด ไม่มีวี่แววของไนท์ในห้องนั้น อุปกรณ์ทุกอย่างยังคงถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเหมือนก่อนที่ไนท์จะจากไป ภาพของวันเก่า ๆ มันผุดขึ้นมาในความทรงจำของผมในทันที
   “วันนี้ที่รักจะทำอะไรให้ผมทานครับ” ผมพูดขณะที่เดินอ้อมไปทางด้านหลังของไนท์ที่ยืนทำครัวอยู่และสวมกอดไปที่ร่างอันบอบบาง ภาพความทรงจำนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับมีของแหลมมากรีดลงที่ใจของผม จนผมถึงกับต้องเอามือมาจับบนหน้าอกหวังเพื่อที่จะลดอาการเจ็บปวดนั้นลงได้
   “ทานเยอะ ๆ สิครับกฤษ เดี๋ยวนี้งานยุ่งจนผอมเหลือแต่กระดูกแล้วนะครับ” อีกภาพปรากฏขึ้นมาตอกย้ำให้ผมถึงกับต้องทรุดเข่าลงไปนั่งกับพื้น น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างไม่ยอมหยุด แต่ผมยังมีความหวัง หวังว่าไนท์อาจจะอยู่ตรงส่วนอื่นของบ้าน เมื่อคิดได้ดังนั้นผมรีบยันร่างกายของผมขึ้นและรีบไปดูตามส่วนต่าง ๆ ของบ้าน แต่ยังคงไม่ปรากฏวี่แววของไนท์อยู่ดี ตอนนี้ไม่เพียงแค่หัวใจของผมเท่านั้นที่เจ็บปวด ทุกส่วนในร่างกายของผมมันเหมือนกับมีเข็มเล็ก ๆ นับพันเล่มค่อยทิ่มแทง ผมหมดแรงที่จะต้านอาการเจ็บปวด ทรุดตัวลงนั่งในห้องนอนของเรา ห้องที่เรานอนด้วยกัน ภาพต่าง ๆ ยังคงผลัดกันหมุนเวียนเข้ามาในหัวของผม เหมือนกับมันต้องการที่จะทำให้ผมเจ็บปวดจนขาดใจตายลงตรงนั้น แต่ในทันใดนั้นสายตาของผมหันไปเห็นนาฬิกาบนโต๊ะหัวเตียงของเรา ตัวเลขที่มันปรากฏขึ้นบ่งบอกถึงวันที่ และเวลาที่เราทั้งสองได้นัดกันไว้ว่าเราจะไปเจอกันที่ร้านอาหารประจำของเรา เรานัดกันที่จะไปฉลองวันเกิดของผมเอง เป็นวันที่ 3 ของเดือนแรกของปี ผมไม่รีรอรีบเดินทางไปที่ร้านที่ได้นัดกับไนท์เอาไว้อย่างมีความหวังว่าไนท์จะรอผมอยู่ที่นั่น ผมเองที่ผิดเวลานัด
   เมื่อผมไปถึงร้านดังกล่าว ผมรู้สึกว่าทุกอย่างที่มืดมนในความรู้สึกของผมนั้นหายไปทันที และกลับกลายมาเป็นความสว่างไสว แสงแห่งความหวัง แสงแห่งความปรีดีย์ เมื่อผมมองไปเห็นไนท์นั่งรอผมอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมของเรา ผมรีบเดินเข้าไปนั่งยังฝั่งตรงกันข้ามไนท์ ผมไม่กล้าที่จะทำอะไรมากนัก ทำได้แค่เพียงก้มหน้าและลอบมองสายตาของไนท์
   หนุ่มน้อยของผมจากใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม ใบหน้าที่อิ่มเอิบ เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของไนท์ในเวลานี้กลับดูซูบ ซีด สายตาที่แดงก่ำ ไม่เป็นสายตาที่ชวนมอง แต่เป็นสายตาที่ดูเหม่อลอย ไนท์ไม่สบตาผม ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
   ผมรวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยคำขอโทษและขอให้ไนท์อภัยให้กับความผิดของผมไม่ได้ ผมทำได้แค่เพียงยื่นมือของผมออกไปอย่างช้า ๆ หวังที่จะเกาะกุมมืออันเรียวงามของไนท์เอาไว้แทนคำพูด แต่มือของผมยังเอื้อมไปไม่ถึงมือของไนท์ ไนท์กลับดึงมือของตัวเองกลับ และยกมันขึ้นไปเช็ดน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลลงมาตามแก้มอันซีดขาวของเขา ความหวังของผมมลายหายไปพร้อม ๆ กับความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเข้ามาแทนที่ ผมรู้ว่าผมผิดอย่างไม่น่าให้อภัย แต่สิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดมากไม่ใช่กลัวว่าไนท์จะไม่ให้อภัย ผมรู้ว่าความเจ็บปวดของผมนั้น ยังไม่ถึงครึ่งของความเจ็บปวดของไนท์เลย
   “ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว” ประโยคแรกที่ผมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่เล็ดรอดออกมาจากปาก ผมหวังที่จะทำให้น้ำเสียงของผมนั้นทำให้ไนท์หันมาสบตากับผม แต่เหมือนสิ่งที่ผมพูดออกไปนั้นทำให้ไนท์เจ็บปวดจนไม่สามารถที่จะทนนั่งอยู่ตรงนั้นได้อีก ไนท์รีบลุกขึ้นยืนและเดินจากไปพร้อมกับน้ำตา ผมจะไม่ยอมให้ไนท์ทิ้งผมไปไหนอีก ผมรีบลุกเดินตามไนท์ออกไป ไนท์หยุดยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของถนนและก้มหน้าร้องไห้ ผมทำได้แค่เพียงเอามือของผมลูบผมสีน้ำตาลของไนท์เบา ๆ ไนท์หันกลับมามองแต่ดวงตายังคงเต็มไปด้วยน้ำตา ไม่ว่าผมจะเอ่ยคำขอโทษออกมามากแค่ไหน ไนท์ยังคงไม่ยอมพูดกับผมอยู่ดี
   ผมตามไนท์มาจนถึงบ้านของเรา ไนท์มุ่งตรงไปยังห้องนอนโดยที่ไม่แม้แต่เพียงจะเปิดไฟในบ้านสักดวง ผมยังคงไล่ตามไนท์ไปตลอด ไม่ว่ายังไงผมจะไม่ยอมปล่อยคนที่ผมรักที่สุดคนนี้ไปอย่างแน่นอน แต่ภาพที่ผมเป็นมันสร้างความเจ็บปวดให้ผมมากเสียจนไม่สามารถที่จะบรรยายได้ ไนท์นั่งลงบนเตียงนอนของเราพร้อมกับเริ่มร้องไห้อย่างหนัก ไนท์หยิบรูปของผมที่วางอยู่บนหัวเตียงมากอดเอาไว้แนบชิดกับอก ผมอยากจะเดินเข้าไปโอบกอดไนท์ เอามือลูบผม จับมือและบีบเอาไว้ให้แน่น แต่ผมก็ยังไม่กล้าที่จะทำเพราะกลัวว่าไนท์จะจากผมไปอีก ผมเฝ้าดูไนท์อยู่อย่างเงียบ ๆ ผมรู้สึกเจ็บปวดกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า แต่ผมก็รู้ดีว่าที่ผมรู้สึกเจ็บปวดอยู่นั้น ไม่สามารถเทียบได้กับไนท์ที่ร่ำไห้อย่างหนักในขณะที่กอดรูปของผมเอาไว้แน่น
   “กฤษครับ ไนท์รักกฤษนะครับ” ไนท์พูดออกมาเบา ๆ
   “ผมก็รักไนท์นะครับ คนดี รักมาก” ผมพูดออกไปด้วยเสียงอันพร่าเลือน
   “ทำไมเรื่องอย่างนี้ถึงต้องมาเกิดขึ้นกับเราด้วย” ไนท์ยังคงพูดต่อไป
   “ผมขอโทษ ผมขอโทษ” ผมพูดออกไปได้เพียงแค่นั้น
   “กี่ปีแล้วที่เราอยู่ด้วยกัน ทุกวัน ทุกคืน ไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ ไนท์ก็ไม่เคยย่อท้อ เพราะไนท์มีกฤษอยู่กับไนท์ แล้วทำไม ..... ไหนกฤษเคยสัญญากับไนท์เอาไว้ไง กฤษจำได้ไหม” ไนท์ยังคงพูดไปพร้อม ๆ กับการร้องไห้อย่างหนัก อาการเจ็บปวดของไนท์ตรงหน้าทำให้ผมไม่สามารถที่จะเอ่ยอะไรออกมาได้อีก นอกจากรับฟัง
   “กฤษจำได้ไหม ว่าเราเคยสัญญากันไว้ว่ายังไง .... เราเคยสัญญากันไว้ว่าเราจะมีความสุขด้วยกัน มีทุกข์ก็จะไม่ทิ้งกัน เราจะอยู่กันไปจนแก่เฒ่า .... กฤษไม่เคยที่จะทำให้ไนท์เจ็บปวดและผิดหวัง แล้วทำไมกฤษถึงทำอย่างนี้ ... กฤษจำได้รึเปล่าว่าวันแรกที่เราย้ายมาอยู่ในบ้านของเราหลังนี้ กฤษพูดกับไนท์ว่ายังไง .... กฤษบอกว่ากฤษจะดูแลไนท์ กฤษจะไม่ทิ้งไนท์ไปไหน แล้วทำไม .... แล้วทำไม .... ทำไมกฤษถึงทิ้งไนท์ไปละ”
   ผมได้ยินที่ไนท์พูดอย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ผมงงมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ผมผิดกับไนท์มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ผมทิ้งไนท์ไปไหน ผมยังอยู่ ยังยืนอยู่ตรงนี้ ยืนอยู่ข้าง ๆ ไนท์
   “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ไปไหน ผมยังอยู่ ผมอยู่นี่ ผมยังอยู่กับไนท์ ผม....” ผมพูดออกมาได้เพียงแค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงของไนท์ผมจึงหยุดพูดและฟังไนท์ต่อไป
   “ไนท์ไม่เคยโกรธกฤษกับสิ่งที่กฤษทำลงไปในคืนนั้น ไนท์แค่ช็อคกับสิ่งที่เห็น ไนท์ถึงได้รีบออกไป ไนท์ไม่คิดเลยว่า ....ไนท์ไม่คิดเลยว่าการที่ไนท์หุนหันออกไปในวันนั้น จะทำให้ไนท์ไม่ได้เจอกฤษอีกเลย ........”
   สิ่งที่ผมได้ยินทำให้ผมยิ่งรู้สึกงง แต่ทันใดนั้นผมรู้สึกเหมือนโดนแรงเหวี่ยงแรง ๆ เหวี่ยงตัวผมออกไปในจุดที่ผมสามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนในวันที่เกิดเหตุ หลังจากที่ผมรีบขับรถตามไนท์ออกไป ผมขับรถพุ่งออกไปจากซอยโดยที่ไม่ได้ชะลอรถ ทำให้รถของผมไปชนเข้ากับรถสิบล้อที่ผ่านมาอย่างจัง ความทรงจำที่ผ่านเข้ามา ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับโดนดูดลงไปในห้วงอากาศแล้วโดนเหวี่ยงออกไปอีกครั้งอย่างไร้จุดหมาย ผมไม่สามารถที่จะยืนอยู่ได้อีกต่อไป ขาของผมหมดเรี่ยวแรงทำให้ผมถึงกับล้มลงไปคุกเข่า น้ำตาแห่งความเจ็บปวดของผมพร่างพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งมองเห็นคนตรงหน้า คนที่ผมรัก กอดรูปผมแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักขนาดนั้น ยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้ผมเป็นทวีคูณ นี่ผมได้ตายไปแล้วหรือยังไง นี่ผมได้ตายไปจากคนที่ผมรักที่สุดแล้วเหรอ
   ผมรีบโผเข้าไปสวมกอดคนที่ผมรัก เอามือสัมผัสลงไปบนเส้นผมของคนที่ผมรักเบา ๆ แต่มันไม่ได้ทำให้ไนท์รู้สึกถึงสัมผัสของผมได้เลย ความเจ็บปวดยังคงถาโถมเข้าใส่ผม ยิ่งรู้ว่าต่อไปนี้ผมไม่สามารถที่จะสัมผัส ไม่สามารถที่จะให้ความอบอุ่น ไม่สามารถที่จะแสดงความรักให้กับคนที่ผมรักมากได้อีกต่อไป ผมยิ่งเจ็บปวดและทรมาน
   “ถ้ากฤษจะได้ยินไนท์ ให้กฤษรู้ว่าไนท์รักกฤษ ไนท์ไม่เคยโกรธกฤษ และกฤษไม่ต้องเป็นห่วงไนท์ ไนท์จะอยู่และจะดูแลตัวเองให้ได้ ขอให้กฤษไปอยู่ในที่ที่สุขสบาย และถ้าชาติหน้ามีจริงของให้กฤษรอไนท์ด้วย ไนท์จะตามไปรักกฤษเหมือนชาตินี้” นั่นคือเสียงสุดท้ายของไนท์คนที่ผมรักที่สุดที่ผมได้ยินก่อนที่ผมจะต้องจากไปไกลแสนไกล

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว