ซ่อนรักใต้เงาแค้น
ทยากร เตชะนันท์โยธิน (กร)
“ผมต้องการให้คุณท้อง”
มทนาลัย พัชรกานต์ (รัก)
“ถ้าฉันท้อง... คุณจะทำลายลูกของตัวเองใช่ไหม”
เขา... เข้ามาเพื่อมาทวงความยุติธรรมให้กับน้องสาว
เธอ... ตกอยู่ภายใต้เงารักของเขาที่เปี่ยมไปด้วยความแค้น
“พี่กรมาส่งลัลน์ทำไมคะ”
“พี่เห็นเมฆตั้งเค้าน่ะ ก็เลยไม่อยากให้น้องลัลน์ขับรถกลับเอง มันอันตราย”
“แต่รถของลัลน์จอดอยู่บ้านพี่กร”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถขับไปส่ง”
ลัลน์ลลิตพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะก้าวลงจากรถก็ไม่ลืมชักชวนทั้งคู่เข้าไปในบ้าน แต่ชายหนุ่มผลัดเป็นโอกาสหน้าเพราะไม่สะดวก คงเพราะมีพี่เลี้ยงสาวติดรถมาด้วยนั่นเอง
มทนาลัยจำต้องย้ายมานั่งเบาะหน้าคู่คนขับตามคำสั่ง ก่อนรถยนต์คันหรูจะเคลื่อนออกจากรั้วศิวะมงคล ทว่าจู่ๆ เขาก็ห้ามล้อกะทันหัน ดีว่าใช้มือยันคอนโซลเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นศีรษะคงกระแทกเข้าเต็มเปา พอเงยหน้ามองก็ไม่พบความผิดปกติใด ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตวิ่งตัดหน้า ถนนโล่งตลอดสาย นานๆ ถึงจะมีรถยนต์สักคันแล่นผ่านเพราะไม่ใช่ทางสัญจรหลัก
แล้วเขาเหยียบเบรกด้วยสาเหตุใดกันเล่า?
หญิงสาวจึงหันไปมองคนข้างๆ ด้วยสีหน้าตั้งคำถาม ก่อนจะกลายเป็นตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ
“ลงไป”
“คุณว่าอะไรนะ”
“ผมบอกให้ลง-ไป” คราวนี้ทยากรย้ำชัด ดวงตาคมกริบฉายแววจริงจัง
มทนาลัยถึงกับพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะกวาดสายตามอง พบว่าบรรยากาศโดยรอบแตกต่างจากตอนอยู่ในอาณาเขตศิวะมงคลอย่างสิ้นเชิง เพราะตลอดสองข้างทางไม่ใช่สวนกล้วยไม้อีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยพงหญ้ารกชันและต้นไม้หนาทึบ อีกทั้งท้องฟ้าก็ยังมืดครึ้มจนน่ากลัว
“แต่ฝนกำลังจะตก”
“ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องสนใจ ลงไป”
สีหน้าราบเรียบกับน้ำเสียงไร้เยื่อใย ฟาดหัวใจคนฟังจนแหลกยับเยิน ดวงตาวาวรื้นทอดมองตามท้ายรถยนต์ที่กำลังแล่นลับไปจนสุดสายตา วินาทีนั้นจึงรับรู้ว่าเขาไปแล้ว ไปโดยไม่สนว่าเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
เจ็บ
คือความรู้สึกเดียวที่มี ถึงกระนั้นก็ยังหวังลึกๆ ว่าเขาจะย้อนกลับมา จนกระทั่งได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเอง ซึ่งมันดังพอจะรู้ว่าเขาไม่กลับมาแล้วจริงๆ
พลันสายฝนก็โหมกระหน่ำลงมาห่าใหญ่ ทว่าเจ้าของร่างบางกลับยืนนิ่ง ไม่ไหวติงต่อสิ่งที่กำลังถาโถม ราวกับคนไม่มีชีวิตและจิตวิญญาณ
ท่ามกลางความบ้าคลั่งของทุกอย่างรอบกาย นอกจากยอดไม้ที่ไหวเอนตามแรงลม อีกสิ่งที่เคลื่อนไหวในตอนนี้ก็คือน้ำตา...
ฝาก e-book ด้วยนะคะ
คลิกไม่ได้ เป็นเพียงรูปภาพเท่านั้น