เหรียญและกุญแจ มีตั้งแต่ 3-5 เหรียญ/กุญแจ นะคะ
ไม่มีเกิน 5 จ้า
จำนวนเหรียญและกุญแจขึ้นอยู่กับจำนวนหน้าและเวลาในการแต่งตอนนั้นๆนะคะ
เสียงเพรียกจากไนล์
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ สถานที่ หรือสมาคมใดๆ ที่มีอยู่จริง
...
ไม่สามารถอ้างอิงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ได้จริงนะคะ เพราะเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดหรือบิดเบือนความจริงประการใดต้องขออภันมา ณ ที่นี้ด้วย
...
ใกล้อีกสิ...
เข้ามาอีก...แตะผิวน้ำด้วยใบหูของเจ้าจนแนบชิด
แล้วเจ้าจะได้ยินเสียงกระซิบ...ว่าข้า รักอียิปต์มากเพียงใด
...
ความรักของพวกคุณ เป็นแบบไหน
ร้อนแรงไหม...หรือเพียงชุ่มฉ่ำใจ
มาพนันกันดีกว่า...ไม่มีใครมีความรักแปลกเท่าฉันอีกแล้ว
เพราะเมื่อฉันเห็นเพียงรูปปั้นของเขา ราวกับโดนศรปักเข้าเต็มเปา
ปกติคุณจะทำอย่างไร...เดินไปทัก ขอไลน์ดีไหม หรือขอเฟสบุ๊คดี
หึ ง่ายเกินไป...เพราะฉัน
แอบรักคนเมื่อสามพันปีที่แล้ว
ชื่อของเขา
...ฟาโรห์ราเมซิสที่สอง...
...
ฉัน...ลิลิธ ศศิรัชนาทิพย์ นักโบราณคดีที่ยอมลงทุนมาเรียนต่ออียิปต์วิทยาที่ประเทศอียิปต์เพื่อหวังจะได้ใกล้ชิดใครคนหนึ่งให้มากกว่าที่เป็นอยู่
โชคชะตา...หรือคำสาปกันแน่ที่ส่งฉันย้อนเข้ามาในสมัยราชวงศ์ที่ 19 ของอียิปต์โบราณ และได้เจอกับใครคนนั้น...แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่อย่างที่คิด
ไนล์...ท่านมีเหตุผลอะไรถึงส่งฉันมาที่นี่
“สุดยอดด นี่ย้อนมาอียิปต์โบราณจริงรึเปล่าเนี่ย
…
เดี๋ยว ฉันควรตกใจไม่ใช่เหรอ”
ความตื่นเต้นเข้าครอบงำโดยสมบูรณ์ ณ เวลานี้ความกลัวและความตกใจยังคงอยู่เท่าเดิมแต่มันน้อยมากเมื่อเทียบกับนิสัยอยากรู้อยากเห็นส่วนตัวรวมกับความน่าทึ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ดีชะมัด จะได้หายคาใจสักที เฮือก!”
ดูเหมือนความน่าตะลึงไม่ได้จะมีแค่เรื่องเดียวยามฉันยกสองมือขึ้นมาจับแก้ม ทำไม...มันเล็กเป็นเด็กเจ็ดขวบแบบนี้ล่ะ!
หรือว่า...
ฉันค่อยๆเดินไปข้างริมน้ำไนล์อย่างกล้าๆกลัวๆก่อนชะโงกมองผืนน้ำ ค่อยๆมองเงาที่สะท้อนมาตั้งแต่ล่างขึ้นบน เสื้อผ้าชุดเดิม...แจ็คเก็ตยีนตัวเดิม และเมื่อมองถึงใบหน้า มันคือฉัน...เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว!“ม่ายยยยย “ ฉันหวีดร้องลั่นก่อนจะถลาออกห่างจากผืนน้ำยกมือขึ้นจับร่างกายตนเองที่เล็กลงมาผิดตาเป็นพัลวันกับเสื้อผ้าชุดเดียวกับตอนไปหุบผาราชินีเป๊ะ...แต่ตัวมันเล็กลงจนพอดีกับร่างกายเด็กเจ็ดขวบของฉัน
“ลิลิธ...ตั้งสติ ความรู้แกยังอยู่ไหม” ฉันหลับตาปี๋เพื่อขุดคุ้ยทุกความทรงจำเมื่อครั้งยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก “อยู่ครบ!”
ฟึบ!
“หยุดอยู่กับที่เลยนะ เจ้าผู้บุกรุก!”
เหมือนปัญหาเก่ายังไม่ทันคลี่คลาย ปัญหาใหม่ก็เข้ามา เสียงเชือกที่ถูกรั้งจากคันธนูดังขึ้นจนต้องหยุดอยู่กับที่ ฉันหันไปช้าๆ พบเด็กผู้ชายสองคนมาพร้อมกับคนที่ดูเครื่องแบบแล้วน่าจะเป็นทหาร
“บุกรุกอะไร”
คำพูดซื่อๆของฉันทำให้เด็กผู้ชายคนข้างหน้าสุด น่าจะแก่กว่าฉันในร่างเด็กนี่ประมาณสามปีส่งนัยน์ตาสีดำสนิทมองมาด้วยความแข็งกร้าวไม่ไว้ใจ ปลายธนูเล็งมาที่ศีรษะจนฉันต้องยกสองมือขึ้นเหนือหัวอย่างสู้ไม่ได้
“อย่ามาทำไขสือ เข้ามาเกือบถึงรั้วพระราชวัง กล้ามากนะ!”
“เสด็จพี่...ข้าว่านางไม่ใช่ผู้บุกรุก ไม่ใช่ทาสด้วย ดูเสื้อผ้านางสิ อาจเป็นชนพื้นเมืองที่หลงมากับน้ำไนล์ก็ได้”
เด็กชายร่างเล็กอายุประมาณเจ็ดขวบเท่าฉันตอนนี้ที่ยืนด้านหลังพูดขึ้นพลางยกมือจับแขนคนที่จ่อหัวฉันอยู่ให้ใจเย็นลง
“รามิน เจ้าแน่ใจรึ...”
หืม...รามิน? เสด็จพี่?
“ข้ารู้ว่าท่านก็รู้ อย่ารังแกนางเลย นางเป็นแค่เด็ก” เขาเหลือบตาไปมองคนพูดก่อนที่จะลดธนูลง แต่สายตายังมิวายมองฉันด้วยความคลางแคลงใจ
“รามินรึ ถ้าอย่างนั้น ท่านก็คือ...ราเมซิส?”
“สามหาว! กล้ามากนะที่เรียกแค่ชื่อข้า!”
ฉันไม่รู้ว่าสีหน้าตอนนี้ของฉันเป็นแบบไหน ไม่รู้ว่าสายตาที่ส่งไปจะดูแปลกเพียงใด
ฉันรู้แค่...ผู้ชายที่ฉันเฝ้าติดตามข้อมูลมาเป็นปี คนที่ยอมแลกทุกอย่างเพื่อจะพบเพียงสักครั้ง
มาอยู่ตรงหน้าจริงๆ
คุยกัน คุยกัน
เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งตามจินตนาการของผู้เขียนนะคะ
หากมีข้อผิดพลาดที่เบือนกับความจริงประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
เรื่องนี้บรรยายในมุมมองของนางเอก เพราะฉะนั้นคำราชาศัพท์จะน้อยนะคะ
แต่หากมุมพระเอกจะใส่ไปเพราะเป็นคนละมุมมอง หากเสียอรรถรสต้องขออภัยด้วย
ขอบคุณที่เข้ามานะคะ
หิมะสีกุหลาบ เผยแพร่วันที่ 5 พฤษภาคม 2017