ปล. นิยายเรื่องนี้ ชายล้วน ชายจริง ไม่มีเกย์ ไม่มีแอบ แต่มีใจ
.
.
▪ เดนเด็กช่าง ▪
.
.
.
“ธนพัฒน์ เธอต้องเป็นตัวแทนของสถาบันเรา ไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ แดนบดินทร์ เธอเข้าใจใช่มั้ย”
...
ชีวิตเขาจบลงตั้งแต่ได้ยินประโยคนั้นแล้วล่ะ..
แต่ช่างเถอะ ถึงจะพูดอะไรไปก็ไม่มีใครคิดจะฟัง ทุกคนย่อมเชื่อในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ แค่เรื่องนั้น ไม่ทำให้ตัวเองไม่เดือดร้อน ‘ความจริง’ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรแล้วล่ะ
พอออกจากห้องคณะกรรมการกลุ่มเพื่อนที่ดูท่าทางไม่น่าคบซักคนแห่กันเข้ามาล้อมเขา “เป็นไงมั่งวะมึง”
เขานิ่งงัน ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “กูต้องไปเรียนที่เดนบดินสามเดือน”
ทุกคนมองหน้ากันก่อนที่ไอ้ตัวที่กร่างที่สุดพุ่งตัวจะเข้าไปในห้องคณะกรรมการ แต่เขาคว้ามันไว้ได้ทัน “ไม่ต้องไอ้เติร์ก อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตไปมากกว่านี้เลยว่ะ”
มันหันหน้ามามองพร้อมกับสะบัดแขนอย่างแรง “มึงไม่ต้องทำตามที่พวกมันสั่งมากก็ได้ มึงจะอยู่นิ่งๆ ให้มันเชิดไปถึงไหน” เติร์กมองเขาตาแดงก่ำ มันเดินหนีอย่างหัวเสีย เตะข้าวของตามทางระเนระนาด
เพื่อนอีกคนเดินเข้ามาถาม “มึงจะไปจริงๆ เหรอวะไอ้ธัน” ดูหน้ามันสิ ทำหน้าอย่างกะจะร้องไห้
“อืม กูไม่ได้ไปตาย ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นไอ้เชฐ” เขาตอบพลางตบไหล่เพื่อน
“กูไม่ได้แช่งนะ แต่กูว่ามึงคนเดียวเอาชนะพวกหมาหมู่อย่างพวกมันไม่ได้หรอก” ไอ้เชี่ยนี่ก็ปากหมาจริง..
“ไอ้สัสฉิม เดี๋ยวเถอะมึง” เขาชี้หน้าเพื่อนคาดโทษ แต่ปากก็ยังยิ้มได้ หันหน้าไปมองพวกที่ยืนล้อมเขาอีกเป็นสิบ เขาตั้งใจจะจดจำภาพนี้ไว้ราวกับจะไม่ได้เห็นมันอีก
เหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนมันร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านๆ มา มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ไม่ต้องสาธยายให้มากความ ก็แค่เด็กยกพวกตีกันธรรมดา แน่นอนว่ามันก็มีอยู่ทั่วทุกภูมิภาค แต่ที่ไหนจะร้ายแรงมากน้อยแค่ไหนก็ค่อยว่ากันอีกเรื่อง อาจจะไม่ถึงขั้นอุเทน-ปทุมวัน แต่ที่กลายเป็นเรื่องขึ้นมา เพราะคนที่โคม่าเข้าโรงพยาบาลดันเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตนี่ล่ะ มองภายนอกเรื่องราวอาจจะไม่ได้มีอะไร เพราะยังไงๆ คนก็มองว่ามันก็แค่เด็กไม่ดีตีกัน
ถ้าอยากจะเข้าใจว่าแบบนั้นก็เชิญเถอะ ในเมื่อเลือกเรียนสายนี้เอง ก็ต้องยอมรับคำประนามเหล่านั้นด้วย
คนภายนอกมักจะตั้งแง่กับเด็กช่าง ใครมีลูกมีหลานก็คงไม่อยากจะให้มาเสี่ยงชีวิตเรียนหรอก
มันก็อาจจะใช่ ถ้าไม่เข็มแข็ง และแกร่ง อาจจะอยู่ร่วมสังคมแบบนี้ไม่ได้
เขาเดินมาจนถึงหน้าประตูวิทยาลัยเทคนิคแดนบดินทร์ แน่นอนว่าคนที่เดินผ่านเข้าออกมองเขาด้วยสายตาที่พร้อมจะสกรัมได้ทุกเมื่อ เขาเป็นคนเดียวที่ใส่เสื้อเชิ้ตขาวเนคไทสีเลือดนก ท่ามกลางนักศึกษาเสื้อช็อปสีกรมซึ่งเป็นเครื่องแบบของสถาบันคู่แค้นกับสถาบันเขา
เขาตัดสินใจเดินเข้าผ่านซุ้มประตู แต่ยังไม่ทันจะถึงก้าวที่สาม เขาก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งลากเข้าไปหลังตึกที่หันข้างให้ถนนทางเข้าวิทยาลัย เขายังเห็นหน้ามันไม่ถนัด แต่ฟังจากเสียงก็น่าจะรู้ว่ามันคือใคร
พอมันลากมาถึงหลังตึกก็พลักเขาไปอยู่กลางวงพวกมัน เขาตั้งหลักก่อนจะมองรอบๆ นับจำนวน ทั้งหมดมีประมาณเกือบสิบคนได้
“ไอ้สวะนิมิต มึงเก๋าเหรอวะ เดินเข้ามาคนเดียวในวิลัยกู” ชื่อที่มันเรียกเขา มันคือชื่อย่อสถาบันเขาที่เรียกกันในหมู่พวกมัน
‘โรงเรียนเพาะช่างสว่างนิมิตร’
เขาตั้งการ์ดพร้อมสู้ เหตุผลกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นในสถานที่นี้ แค่ทำยังไงก็ได้ให้ไม่แพ้ กฎง่ายๆ แค่นี้ เพราะคนชนะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรก็เป็นฝ่ายถูก
เขาหันหมัดไปหาคนที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่เขา ก่อนที่มันจะเซไปตามแรงต่อย หลังจากนั้นก็พวกมันก็เริ่มรุมกันเข้ามาตะลุมบอนเขาคนเดียว
เหอะๆ อย่างที่ไอ้ฉิมมันบอกจริงๆ .. ยังไงคนๆ เดียวก็ไม่มีทางเอาชนะหมาหมู่ได้อยู่แล้ว
อยู่ๆ เขาก็เห็นลูกถีบจากใครคนนึงที่ถีบเข้ากลางหลังคนที่กำลังยกไม้จะฟาดเขา เห็นลางๆ ว่ามันก็เสื้อสีเดียวกันนะ แล้วมันมาต่อยกันเองทำไม? ฝ่าเท้าของทุกคนชะงักฉับพลันพลางหันไปมองไอ้คนมาใหม่
“พวกมึงจะทำกูซวยนะไอ้สัส หลบไปเลยไอ้เชี่ย” มันพุ่งเข้ามาก็ชี้หน้าด่ากราด
“ไอ้เหี้ยติว มึงช่..”
“มึงหุบปากไปเลยไอ้กาน” ไอ้คนมาใหม่มันชี้หน้าไอ้หัวโจกที่ลากเขาเข้ามากระทืบ
“กูจะพูด มึงจะทำไม มึงคุมพวกใหญ่อย่ามาทำกร่างใส่กูนะไอ้เหี้ย”
“มึงจะลองกับกูมั้ยละ” มันสองคนจ้องตากันอย่างอาฆาต ก่อนที่มันจะเรียกพวกกลับไป มันถึงได้หันมาสนใจเขา
“ไงมึง..” มันทักเขาลากเสียงเหมือนนึกชื่อ แต่ก็นึกไม่ออกเลยล้วงหยิบกระดาษยับๆ ออกจากกางเกงยีนส์ “นายธนพัฒน์ นิยม” มันอ่านชื่อเขาจากในกระดาษ ก่อนจะเงยหน้าถาม “นิยมตีนปะวะ?”
นอกจากเขาจะไม่ตอบแล้วยังพยายามจะยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินหนี แต่มันก็มาดักเขาไว้ “อย่าสะเออะทำเป็นเก่งที่นี่ ถ้ามึงยังอยากอยู่รอดปลอดภัยครบสามสิบสอง ก็ตามกูมา”
พอเดินมาถึงห้องผู้อำนวยการ มันก็เข้ามาในห้องกับเขาด้วย อาจารย์ผู้ชายอยู่ในช่วงวัยกลางคนหันมายิ้มให้กับเขา แต่มองยังไงก็มองออกว่ารอยยิ้มนั้นเสแสร้งสิ้นดี หลังจากนั้นบอกรายละเอียดในการเรียน และกฎของสถาบันคร่าวๆ และเอาชุดนักศึกษาสำหรับเรียนที่นี่ให้เขาสามชุด รู้สึกขยาดชุดนี่พิกล เขาไม่ได้ทิฐิ แต่จากการกระทำ และความเชื่อที่ฝังหัวไปแล้วว่าพวกเดนบดิน มันเป็นยังไง ทำให้เขาไม่อยากจะเข้ามาที่นี่ หรือแม้แต่ชุดก็ไม่อยากใส่ร่วมสี
เขาไม่ยอมรับชุดจากมือ อาจารย์มองเขาหน้าเจื่อนแล้วก็วางเสื้อลงกับโต๊ะ แต่ก็กลับมาปั้นหน้ายิ้มแสร้งได้เหมือนเดิม
“ทางสถาบันเธอเขามีข้อตกลงเรื่องความปลอดภัยของเธอ เอาล่ะ งั้นฉันขอแนะนำ นี่นายพิสิษฐ์ เป็นคนดูแลความเรียบร้อยของเธอตลอดเวลาที่เธอเรียนที่นี่..”
เรียกอีกอย่างคือผู้คุมพฤติกรรมสินะ เหอะ..
“ที่สถาบันยังไม่ได้แจ้งให้เธอทราบเรื่องที่เธอต้องพักอาศัยอยู่ที่นี่ใช่มั้ย”
“?!!?”
“นายพิสิษฐ์จะพักอาศัยกับเธอด้วย เขาสามารถดูแลเธอได้ตลอดระยะเวลาที่เธออยู่ที่นี่”
ห๊ะ!! เดี๋ยวนะ นี่มันก็ไม่ต่างไปจากคุกเลยสิวะ!!!