หีบเพลงผีเสื้อ 0 ...
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลแกมทองเหม่อมองล่องลอยออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยใจเคลิ้มฝันไปกับสีเขียวสดใสของใบไม้ยอดหญ้าที่ตัดกับสีฟ้าเจิดจ้าของผืนฟ้าเบื้องบน ผีเสื้อแสนสวยโบกปีกโฉบไปมาอวดโฉมอยู่รอบๆ ดอกไม้หลากสี ... ฤดูร้อนวนกลับมาอีกรอบแล้วสินะ
วันแล้ววันเล่าที่เขาเฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกผ่านหน้าต่างบานเดิม นานมากแล้วที่เร็นไม่ได้สัมผัสกับโลกที่แท้จริง สำหรับเด็กหนุ่มวัยสิบหกปี ห้องปลอดเชื้อคือโลกทั้งใบของเขา เป็นโลกใบจิ๋วที่มีเพียงตัวเขา แพทย์ และพยาบาลผู้ดูแลเท่านั้น
เด็กชายรับรู้เพียงว่าเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินกว่าจะออกไปใช้ชีวิตภายนอก เขาเรียนรู้เรื่องของโลกและผู้คนภายนอกผ่านสื่อดิจิตัล เขาสามารถดูหนัง ชมคอนเสิร์ต ท่องโลกกว้าง พูดคุยกับผู้คนผ่านจอคอมพิวเตอร์ แต่ก็เท่านั้น เขาได้แต่ดูและฟัง ไม่เคยสัมผัสจับต้องคนหรือสิ่งของที่เขาได้เห็นผ่านจอ
ครั้งหนึ่ง เร็นก็เคยใช้ชีวิตช่วงสั้นๆ อยู่ข้างนอกเช่นเดียวกับคนทั่วไป แต่ความทรงจำในวัยเด็กที่ได้สัมผัสโลกนั้นเลือนลางเต็มที เขาหลับไปนานมาก จนเมื่อตื่นขึ้นมาโลกทั้งใบก็หดตัวเหลือแค่ห้องนี้และจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น
หนุ่มน้อยถอนสายตากลับมาจากกรอบหน้าต่าง ผินหน้าไปมองเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องถูกผลักเข้ามาเบาๆ
คิ้วเรียวสวยสีน้ำตาลเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยแสดงถึงความประหลาดใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ในเสื้อกาวน์ปลอดเชื้อสีขาวก้าวผ่านประตูเข้ามา
"อันยองครับ คุณหมอคัง" เขายิ้มและก้มศีรษะทักทายร่างสูงใหญ่ที่ก้าวยาวเข้ามาหยุดยืนอ่านชาร์ตอยู่ข้างเตียง "เช้านี้ คุณพยาบาลคิมมีเคสพิเศษหรือครับ คุณหมอเลยต้องเข้ามาดูแลผมด้วยตัวเอง"
"เปล่า ผมแซงคิวพยาบาลคิมเองแหละ อยากมาเจอคุณแต่เช้า ... เช้านี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง" รอยยิ้มอบอุ่นสดใสแทรกผ่านความเฉยชาที่ฉาบฉายบนดวงหน้าสวยราวกับสลักเสลาจากหินอ่อนเนื้อละเอียดของนายแพทย์คังดงโฮ
โลกของเร็นสว่างสดใสขึ้นทันทีที่ "หมอคังหน้านิ่ง" ยิ้มกับเขา
เร็นยังจำได้ถึงความรู้สึก "กลัวหมอ" จนร้องไห้ฟูมฟายดิ้นหนีลงจากเตียงไปเกาะอยู่หลังตู้ไม่ยอมรับการตรวจ เพราะหน้าตาที่เรียบเฉย ขึงขังจริงจัง ประกอบกับรูปร่างที่สูงใหญ่ โดยรวมแล้วทำให้หมอกลายเป็นผู้ชายที่น่ากลัวมากสำหรับเด็กที่เพิ่งฟื้นจากโคม่าอย่างเขา ... แต่นั่นก็ผ่านมาสี่ปีแล้ว
"วันนี้เป็นวันแรกของฤดูร้อน ... ข้างนอกร้อนมั้ยครับ" เขาไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับย้อนถามไปคนละเรื่อง
"ร้อนอยู่นะ" เขาตอบขณะที่ก้มลงเสียบแผ่นรองชาร์ตกลับไว้ที่ปลายเตียง "ถ้าไม่ร้อนพอ ผีเสื้อแสนสวยของคุณก็คงยังไม่ยอมออกมาบินโชว์ปีกให้เราได้เห็นหรอก" ร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงเท้าแขนกับเหล็กกั้นที่ปลายเตียง เอียงคอมองผ่านหน้าต่างออกไปยังสวนสวยเบื้องนอก
"ทุกครั้งที่ผมเห็นผีเสื้อต้นฤดูร้อน ผมรู้สึกขอบคุณที่ผมมีชีวิตอยู่ต่อมาได้อีกหนึ่งปี ผมอยากมองพวกมันนานๆ เพราะผมไม่รู้ว่าปีหน้าผมจะได้เห็นพวกมันอีกหรือเปล่า" เสียงแหบพร่าของเด็กหนุ่มที่กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นแฝงสำเนียงเศร้าสร้อยเช่นเดียวกับแววตาของเขา
"ผีเสื้ออายุสั้นมาก ไม่มีทางที่ปีหน้าคุณจะได้เจอผีเสื้อตัวเดิม แต่ผมไม่เห็นมันจะเป็นกังวลสักนิด ดูสิ มันสดใสดีอกดีใจจนออกนอกหน้า หยอกเย้าดอกไม้ไม่อายกันบ้างเลย" คุณหมอมองตามคนไข้ออกไปนอกหน้าต่าง รอยยิ้มหยันบางๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก
เสียงคิกคักคล้ายสำลักทำให้นายแพทย์หนุ่มหันกลับมามองคนที่นั่งเอนหลังพิงพนักหัวเตียง ... เขากำลังใช้มือปิดปากหัวเราะ นัยน์ตาเศร้าเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเปล่งประกายขันแฝงแววซุกซน
"คุณหมออิจฉาผีเสื้อหรือครับ" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยสำเนียงล้อเลียนกลายๆ
"อิจฉาสิ มันไม่ต้องทำอะไร วันๆ ก็บินวนเวียนเฝ้าดอกไม้แสนสวย ไม่ต้องมาเฝ้าเด็กเศร้าทั้งวัน" คุณหมอทำเสียงฮึดฮัดขัดใจ ขณะที่ปรายตามาค้อนคนบนเตียง
"ผมขอโทษครับ" เร็นยิ้มอ่อนโยน ก้มศีรษะลงอย่างถ่อมตน ... เขารับรู้ว่า คุณหมอแกล้งยั่วเย้าให้เขาคลายเศร้า ไม่ได้หมายความตามที่กล่าวและแสดงลีลาท่าทาง
"ไม่ต้องขอโทษ" ริมฝีปากรูปกระจับเหยียดออกเผยให้เห็นฟันขาวซี่เล็กๆ เรียงเป็นระเบียบ เปลือกตาขยับเข้ามาชิดกันจนเห็นเป็นเส้นโค้งของแพขนตาหนางอนยาว ... รอยยิ้มจากใจ เห็นได้จากปากและตา ... "แค่ทำตัวให้สวยสดใสเหมือนดอกไม้ เท่านั้นผมก็มีความสุขแล้ว"
"เปรียบผมกับดอกไม้ ผมก็เสียเปรียบแย่สิครับ ผมจะสวยสู้ดอกไม้ได้อย่างไร" เด็กหนุ่มทำปากยื่นคล้ายไม่สบอารมณ์ แต่แก้มขาวซีดกลับเปล่งปลั่งเป็นสีชมพูระเรื่อราวกับจะท้าประชันขันแข่งกับดอกไม้จริงๆ อย่างปากว่า
"คุณก็เป็นดอกไม้" คุณหมอจ้องมองแก้มปลั่งด้วยแววตาเป็นเงาซึ้ง แต่ลึกเกินจะหยั่งถึงสิ่งที่อยู่ในความนึกคิดได้ "อย่าลืมสิ ชื่อของคุณหมายถึงดอกบัวในภาษาญี่ปุ่น"
"ผมไม่ลืมหรอกครับ ... ในขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างจมหายลงไปในน้ำ มีแต่ตัวผมเท่านั้นที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา" เด็กหนุ่มพูดไปอย่างนั้นตามที่ได้ยินคำเล่าขาน แท้ที่จริงแล้ว เขาจำเรื่องราวอุบัติเหตุที่กลายเป็นโศกนาฏกรรมในวัยเด็กไม่ได้เลย
"มันผ่านไปแล้ว ไม่ลืมก็ไม่เป็นไร แต่อย่าจำไว้ให้กัดกินใจเรา อย่าเจ็บปวดอยู่กับอดีต ปัจจุบันมีความเจ็บปวดมากพออยู่แล้วไม่ใช่หรือ" เขาตัดบทเพราะไม่ต้องการให้เร็นกระตุ้นความรู้สึกเจ็บปวดในอดีตขึ้นมาอีก
"ครับ" เร็นพยักยิ้มเศร้าๆ เขาพอจะเข้าใจ 'ความเจ็บปวด' ที่คุณหมอพูดถึง เพราะเขาเพิ่งผ่านความเจ็บปวดนั้นมาได้ไม่กี่ชั่วโมงเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เขารู้เพียงว่าปวดศีรษะรุนแรงมากราวกับใครเอาคีมแข็งๆ มาบีบหมายจะให้แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ตอนนี้ เขาดีขึ้นแล้ว
"ที่ผมรีบมาหาคุณแต่เช้า เพราะมีของจะอวด" คุณหมอเปลี่ยนประเด็นด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจของคู่สนทนา
และอุบายนี้ก็ใช้ได้ผลเสมอกับเด็กที่อยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง
"อะไรครับ" นัยน์ตาสีน้ำตาลแกมทองวาวขึ้นทันที
คุณหมอหยิบวัตถุทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโค้งมนด้านบนขนาดประมาณฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าเสื้อกาวน์ส่งให้เด็กหนุ่ม
เร็นเอ้ือมมือไปรับด้วยความกระตือรือร้น แววตาแสดงความสงสัยใคร่รู้เต็มเปี่ยม เขามองดูวัตถุในมือที่มีรูปพรรณสันฐานคล้ายหีบสมบัติใบจิ๋วด้วยท่าทีลังเลเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาผู้ให้เป็นเชิงถาม
"ลองเปิดดูสิ" คุณหมอคังดงโฮพยักหน้าและผายมือเชื้อเชิญให้เปิดของขวัญ
เมื่อได้รับอนุญาต เร็นไม่รีรอที่จะปลดสลักหีบใบจิ๋ว ฝาหีบสปริงขึ้นทันทีที่สลักถูกปลดออก เสียงดนตรีกังวานใสดังขึ้นพร้อมกับแท่งแก้วเจียรนัยค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาจากฐานหีบเมื่อเลื่อนขึ้นมาจนสุด แท่งแก้วจึงเริ่มหมุนฉายภาพสามมิติของผีเสื้อสีสวยโบกปีกโบยบินไปรอบๆ ห้อง
คุณหมอเดินไปรูดปิดม่านหน้าต่าง และปิดไฟให้ภายในห้องมืดสลัว เพื่อผีเสื้อที่โบยบินจะมีชีวิตสมจริงยิ่งขึ้น
เร็นแหงนหน้ามองตาม เอื้อมมือเหมือนจะไขว่คว้าสัมผัสภาพฝันแสนสวย
"สวยจังครับ" ริมฝีปากบอบบางสีชมพูใสแย้มเยื้อนพึมพำเบาๆ
"ใช่ สวยมาก" คุณหมอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง แหงนหน้ามองผีเสื้อเสมือนที่โบกบินไปมารอบห้อง "ต่อไป คุณก็ไม่ต้องรอจนถึงฤดูร้อนแล้ว อยากเจอผีเสื้อเมื่อไหร่ ก็เรียกออกมาได้ทันที ... ผีเสื้อพวกนี้จะคอยบินวนเวียนอยู่รอบๆ ดอกไม้ เหมือนที่ผมอยู่กับคุณเสมอ ... เร็น ถ้าคุณเจ็บ เรียกผม ผมจะรีบมา เปิดหีบเพลงระหว่างรอผม ดนตรีและผีเสื้อจะช่วยคุณบรรเทาความเจ็บปวด อย่าเก็บความเจ็บปวดไว้คนเดียว จำไว้ว่าผมพร้อมจะช่วยให้คุณหายเจ็บ ..."
คำพูดของเขาถูกกลืนหายไปพร้อมกับลมหายใจที่สะดุดหยุดลง เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสจากริมฝีปากบอบบางที่ประทับบางเบาลงบนผิวที่ไวต่อความรู้สึกบริเวณแก้ม
"ขอบคุณครับ" เร็นเอียงหน้า ขยับริมฝีปากที่เพิ่งสัมผัสแก้มมากระซิบชิดใบหูคุณหมอ
นายแพทย์หนุ่มร่างใหญ่ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกไม่ให้เป็นที่สะดุดตา ทั้งๆ ที่กล้ามเนื้อและปลายประสาททั้งสิ้นในร่างกายของเขาเกร็งเครียดเขม็งไปหมดด้วยสัมผัสเพียงบางเบาราวปีกผีเสื้อพลิ้วผ่าน
"คุณคงหิวแล้ว ผมชิงตัดหน้าเข้ามาก่อนพยาบาลคิม เดี๋ยวจะให้เขาเข้ามาดูแลคุณนะ แล้วเจอกัน" เขาลุกขึ้นยืน โค้งให้คนบนเตียงเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินไปหยุดยืนที่ประตูและเหลียวหลังกลับมาถาม "คุณจะให้ผมเปิดไฟ หรืออยากจะคุยกับผีเสื้ออีกสักพัก"
"ทิ้งไว้ให้คุณพยาบาลคิมจัดการเถอะครับ ขอบคุณครับ" เด็กหนุ่มตอบขณะที่สายตาจดจ้องไล่ตามผีเสื้อที่บินวนไปมา มิได้หันหน้ามาสนใจคนถาม
คุณหมอคังดงโฮมองภาพนั้นแวบหนึ่ง รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องและปิดประตูตามหลังลงอย่างเงียบเชียบ
เสียงปิดประตูห้องไล่หลังด้วยเสียงคลิกเบาๆ เมื่อฝาหีบเพลงค่อยๆ ปิดลง
เร็นยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นแนบแก้มร้อนผ่าว เม้มปาก หลับตาแน่น ใจเต้นแรง ... ฝันเป็นจริงในที่สุด เขาได้จูบแก้มคุณหมอรูปหล่ออย่างที่ฝันไว้ มันช่างเป็นสัมผัสที่ยอดเยี่ยมอ่อนหวานราวกับสัมผัสของสรวงสวรรค์ กลิ่นหอมสดชื่นของน้ำหอมหลังโกนหนวด ผิวสัมผัสที่นุ่มนวลอบอุ่น ... รอยยิ้มเคลิ้มฝันระบายไปทั่วดวงหน้าสวยหวานเจือเศร้า
... ขอโทษนะครับ คุณหมอ แต่ผมเหลือเวลาน้อยเต็มทีแล้ว ผมอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ลองรักคนที่มีตัวตนจริงๆ สักครั้ง รักไปจนลมหายใจสุดท้าย ก็คงจะมีแต่คุณหมอเท่านั้นที่จะอยู่กับผมไปจนสุดปลายทาง