ตอนที่ 1 คุณหนูลาวา
สวัสดีชีวิตปีสี่เทอมสอง ฉันชื่อ ลาวา ชื่อฉันอาจจะดูแปลกไปซักนิดแต่ก็ดี ฉันชอบชื่อนี้ เพราะมันไม่เหมือนใครดี ไม่ซ้ำกับใคร ฉันถามพ่อและแม่ว่าชื่อนี้ได้มายังไง ใครเป็นคนตั้งให้ คุณพ่อเลยตอบกลับมาว่าแม่แกเป็นคนตั้ง แม่บอกว่าชอบเที่ยวภูเขา จะตั้งชื่อแก่ว่า ภูเขาก็จะแปลกเกินไป ภูเขาก็มีลาวานะ ภูเขาไฟยังไงละ เลยตั้งชื่อว่าลาวา นั้นเอง
อ่อ อย่างนี้นี่เองซินะ
ฉันชอบทุกอย่างที่เป็นตัวฉัน พ่อและแม่ให้ฉันได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการถึงท่านจะไม่ค่อยมีเวลาให้เท่าไหร่นัก แต่ฉันก็เข้าใจเพราะว่า ท่านทำทุกอย่างเพื่อฉันเพื่อครอบครัวของเรา ครอบครัวเรามีด้วยกันทั้งหมดสี่คน ไม่รวมญาติพี่น้องคนอื่น ตระกูลเราเป็นตระกูลที่ใหญ่พอสมควร นานๆที่ถึงจะรวมญาติกัน ฉันเป็นลูกเสี้ยวสุดๆ อากงย้ายจากเมืองจีนมาอยู่ประเทศไทยและได้แต่งงานกับอาม่า และมีลูกก็คือคุณพ่อของฉันนั้นเอง คุณพ่อจึงเป็นลูกครึ่งไทยจีน ส่วนคุณแม่เป็นคนไทยแท้ คุณแม่มีอาชีพเป็นแม่ค้าในขณะนั้นพบรักกับคุณพ่อ หลังจากนั้นจึงแต่งงานกัน ครอบครัวของคุณพ่อไม่มีใครรังเกียจคุณแม่เลยซักนิด เนื่องจากความดีของคุณแม่ชนะทุกอย่าง หลังจากนั้นคุณแม่จึงย้ายมาอยู่คฤหาสน์หลังใหญ่ และรับหน้าที่บริหารกิจการร่วมกับคุณพ่อ
เดิมที่อาชีพของอากงและอาม่าคือ ขายยาจีน เป็นธุรกิจเล็กๆภายในครอบครัวด้วยความมานะ พยายาม ประหยัด อดออม ทำให้มีฐานะร่ำรวยขึ้น หลังจากนั้นจึงเปิดเป็นบริษัทมีตัวยาหลากหลายชนิด คุณตาและคุณยายเห็นถึงความตั้งใจของลูกชายที่ดูแลกิจการที่ตังเองรักได้เป็นอย่างดี จึงยกกิจการทั้งหมดให้คุณพ่อและคุณแม่ช่วยกันบริหาร หลังจากนั้นไม่นานท่านทั้งสองก็ได้เสียชีวิตลง ทำให้คุณพ่อและคุณแม่สานต่อกิจการของครอบครัวมาจนถึงทุกวันนี้ นั้นจึงเป็นปัญหาสำหรับฉันที่จะเข้าไปสานงานต่อจากครอบครัว อย่างไร ให้ดีเหมือนกับที่คุณคุณตาคุณยายคุณพ่อคุณแม่สร้างมา เฮ่อ คิดแล้วเศร้า TT อีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว ฉันจะสามารถบริหารกิจการได้หรือไม่นะ ฉันนั่งคิดและถอนหายใจ
ยัยลาวา นี่แก นั่งคิดอะไรอยู่ ยัยพริ้งสะกิดฉันเล็กน้อย ฉันจึงสะตั้งจากห้วงความคิด เฮ่อ ฉันถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง ก็เรื่องเรียนจบนะซิแก นี่พวกเราจะจบกันแล้วนะ( ก็ใช่ไง แกไม่ดีใจ หรือไง นี่ฉันดีใจสุดๆเลยตอนนี้ ) ไอ้ดีใจมันก็ดีอยู่หรอกแก แต่พอคิดถึงตอนที่จะไปทำงานที่บริษัทนี้สิ ฉันคิดแล้วกลุ้มใจ แต่แกก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ใช่ไหมละ เหมือนกับฉันที่ต้องสานงานต่อจากครอบครัวเหมือนกัน เราจึงต้องมาเรียนบริหารด้วยความจำใจ แต่เรียนไปเรียนมามันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรอกนะ
เฮ่อ ยัยพริ้งจึงถอนหายใจ เหมือนกับฉันในตอนนี้ นี่ๆ แกอย่ามาชวนฉันดราม่าซิยะ พริ้งกล่าว
แก แกทำให้ฉันเศร้า คืนนี้เราต้องไปฉลองกัน
ฉลองเรื่องอะไรวะ
ก็เรื่องที่แกทำให้ฉันเศร้ายังไงละ
แกทำให้ฉันคิดถึงเรื่องงานในอนาคตคิดแล้วกลุ้มใจ
นี่แกไม่ได้เอาเรื่องนี้ขึ้นมาอ้างเพื่อพาฉันไปผับหรอกนะ ฉันรู้ทัน ยัยพริ้งได้แต่ยิ้มๆ
ครั้งนี้แกต้องไปให้ได้ฉันชวนแกกี่ครั้งแก่ก็ไม่ยอมไป อ้างนู้นอ้างนี่สารพัด ครั้งนี้ไม่มีข้อยกเว้น ยัยพริ้งพูดเสียงดัง
ก็ได้
ฉันตอบตกลงยัยพริ้งไป ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่อยากไปผับนะ ฉันก็อยากลองไปอยู่เหมือนกัน แต่ตอนที่เพื่อนๆไป ฉันดันมาติดซีรี่ย์สะนี่ ทำให้ไม่ได้ไปกับเพื่อนเลยสักครั้ง ครั้งนี้แหละคงต้องไปเปิดหูเปิดตาบ้างซะแล้ว ยัยพริ้งดีใจใหญ่ที่มีเพื่อนไปคลับ ว่าพลางดึงฉันลุกขึ้น พวกเรานั่งพูดคุยกันอยู่ร้านกาแฟได้ซักครู่ใหญ่ๆแล้ว
นี่ นี่ แกจะพาฉันไปไหน ว่าาพลางดึงฉันลุกออกจากโต๊ะกาแฟ และวางเงินไว้บนโต๊ะ ตะโกนบอกพนักงานว่า น้อง ไม่ต้องถอนนะ เดี๋ยวๆ หยุดก่อน นี่แกบอกมาก่อนว่าจะพาไปไหน
ก็ไปซื้อชุดใหม่ไงแก เออๆ ฉันตอบตกลง พลางเดินตามยัยพริ้งไง ก็พวกเราหนะ เหมือนกันทุกอย่างจึงได้เป็นเพื่อนรักกันยังไงละ ฉันกับยัยพริ้งชอบช็อปปิ้งแบบสุดๆ เรียกได้ว่า กระเป๋าเสื้อผ้ารุ่นไหนออกใหม่เราต้องมี มีทุกแบรนด์เลยก็ว่าได้ อันที่จริงของบาลชิ้นฉันซื้อไปยังไม่ทันได้ใช้เลยด้วยซ้ำไป เฮ่อ คิดแล้วหงุดหงิดตัวเอง บางที่ฉันก็อยากจะเลิกนะ ไอ้นิสัยช็อปไม่คิดชีวิตอะ จริงอยู่ที่พวกเรารวยข้อนี่ไม่เถียง แต่เงินที่เราใช้ไม่ใช่เงินที่เราหามาเองซักหน่อย ฉันอยากจะหาเงินให้ได้ด้วยตัวเองสักครั้งจริงๆเลย
เราสองคนเดินมาที่รถที่จอดอยู่หน้าร้านกาแฟ วันนี้ไปรถใครดี รถแกก็แล้วกัน ฉันตอบ เออได้ๆ แต่เอารถฉันไปเก็บคอนโดก่อนนะ ได้ๆ ฉันและยัยพริ้งเดินไปที่รถBMW สุดหรู รุ่นใหม่ล่าสุดของเราสองคน ต่างกันเพียงแค่สีรถเท่านั้น นี่รถแฝดหรือเปล่านะ ฮ่า ฉันมีรถหลายคันสลับกันใช้บ้างแล้วแต่วันอะนะ เออนี่แกแล้วบอดี้การ์ดแกไปไหนละ เออลืมบอกไปฉันนะมีบอดี้การ์ดด้วยนะ ก็คุณพ่อนะซิ กลัวจะมีคนมาทำร้าย หวงลูกสาวมาก จึงจ้างบอดี้การ์ดมาดูแลซะเลย อ่อ วันนี้ พี่บอล แกไปธุระกับคุณพ่อ
เราสองคนมาเดินเล่นห้างชิวๆ เลือกซื้อชุดกันเหมือนปกติ ฮ่า แล้ววันนี้ฉันก็ซื้อไป 5 ชุด ฮือ ก็ไม่ได้อยากซื้อหรอกนะ ที่คอนโดก็มีเยอะจนไม่มีที่จะเก็บแล้ว นี่ฉันบ้าหรือเปล่าที่ชอบมองชุด รองเท้า กระเป๋า ของตัวเอง ถ้าวันไหนว่างๆฉันก็จะจัดเก็บทุกอย่างเข้าที่อย่างเป็นระเบียบและนั่งมองอย่างมีความสุข ฉันหอบของพะรุงพะรังมาเก็บให้ตู้ วันนี้ฉันเลือกใส่เสื้อเปิดหลังเล็กน้อยแต่ดูเซ็กซี่ ไม่โชว์ข้างหน้า เนื่องจากชุดค่อนข้างรัด สีดำทั้งชุดและรองเท้า ใส่เข้ากัน แค่ฉันเดินปกติก็มีแต่คนมอง นี่ใส่ชุดนี้ไม่มากินฉันเลยหรือ ไอ้ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั้นแหละชอบเพียงแค่รูปร่างหน้าตาของผู้หญิงและฐานะเท่านั้น นี่ซินะจึงทำให้ฉันไม่มีแฟนสักที คนที่เข้ามาก็หวังแต่ประโยชน์จากตัวฉัน ฉันไม่หลงกลหรอกนะ ถ้าฉันจะมีแฟนก็ขอให้มีแล้วดีกว่าอยู่คนเดียว ไม่ใช่มีแล้วปวดหัว ร้องห่มร้องไห้ จะเป็นจะตายเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ฉันจึงเลือกที่จะโสด โสดไปพร้อมๆกับยัยพริ้งนั่นแหละ ยัยนั้นเลือกเยอะจะตาย
ครืด ครืด เสียงสั่นจากไอโฟนดังขึ้น ยัยพริ้ง โทรเข้ามาพอดี นี่แก แต่งตัวเสร็จหรือยัง เสร็จแล้วๆ ฉันตอบ เค งั้นเจอกันใต้คอนโด วันนี้เราไปกันคนละคันเนื่องจากคอนโดฉันกับคอนโดยัยพริ้งอยู่ไกลกันพอสมควรและตอนกลับจะได้แยกย้ายกับกลับเลย ครั้งนี้เป็นนครั้งแรกที่ฉันจะไปผับและไม่รู้เส้นทางยัยพริ้งจึงมารับที่คอนโด เราขับตามกันมาติดเพื่อไปยังผับที่ยัยพริ้งชอบไปกับเพื่อนๆพี่ๆบ่อยๆ แต่วันนี้เรามากันแค่สองคน บอดีการ์ดของฉันก็ไม่ได้มาด้วย เพราะฉันไม่ได้บอก พี่บอล จะทำตามที่ฉันบอกเท่านั้น ฉันและพี่บอลเราสนิทกันแต่พี่บอลเหมือนจะวางตัวออกห่างฉันเล็กน้อยเพื่อความเหมาะสม หวังว่าฉันจะไม่เมานะ ฉันไม่ได้ดื่มนานแล้วซะด้วยซิ
ยังไม่ตรวจคำผิดนะคะ เรื่องเเรกน่า เม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ