“ครูเชื่อว่าพวกเราทุกคนมีฝัน...แล้วฝันของพวกเธอคิออะไร?”
หญิงสาววัยกลางคนขยับแว่นตาและเอ่ยถามนักเรียนภายในห้องก่อนจะปล่อยให้นักเรียนสนทนากันในหัวข้อของความฝัน.นักเรียนทุกคนให้ความสนใจแก่หัวข้อที่ได้รับมาเป็นอย่างดี
“เอาล่ะ ครูจะให้พวกเธอเขียนความฝันของตัวเองใส่กระดาษ แล้วขึ้นมาเล่าความฝัน หรือ สิ่งที่ต้องการจะทำหลังจากเรียนจบไปให้เพื่อนๆฟัง”
นักเรียนทุกคนก้มหน้าจดงานที่ครูให้มาด้วยความตั้งใจ ไม่นานนักพวกเขาก็ทำเสร็จตามเวลาที่ครูกำนดไว้พอดี.นักเรียนหลายคนต่างก็ลุกขึ้นแล้วบอกเล่าความฝันของตนให้เพื่อนรวมห้องฟัง
“วริยาทำเสร็จหรึอยัง?”
หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามวริยาที่พึ่งวางปากกาลงบนโต๊ะเขียนหนังสือของเธอก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบให้ครูที่ยืนอยู่ข้างๆ
“งั้นก็ลุกขึ้นอ่านสิ”
“ค่ะครู”
วริยาหยิบกระดาษของเธอขึ้นมาและลุกขึ้นเสียงปรบมือของเพื่อนในห้องก็ดังขึ้นเป็นจังหวะเพราะวริยานั้นเป็นนักเรียนดีเด่นของห้องจึ่งไม่แปลกที่เธอจะได้รับความสนใจจากเพื่อนร่วมห้องเป็นพิเศษ
“สวัสดีค่ะ เราชื่อวริยา ความฝันของเราคือเราอยากเป็นนักเขียนมืออาชีพที่โด่งดัง”
“น่าสนใจดีน่ะ แล้วอยากเป็นนักเขียนแบบไหนล่ะ?”
“เขียนนิยายค่ะครู” เธอเว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ “ตอนนี้หนูก็กำลังเขียนต้นฉบับอยู่ไว้จะเอามาให้อ่านน่ะค่ะ”
ครูเอ่ยชมวริยาที่เธอเรี่มทำตามความฝันที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนไม่ทันจบ หญิงสาววัยกลางคนเชื่อหมั้นในตัววริยาว่าเธอต้องทำได้อย่างแน่นอน
“ฮ่าๆ อยากเป็นนักเขียน ปัญญาอ่อนว่ะ”
เสียงของนักเรียนชายหลังห้องดังขึ้นทำให้วริยาต้องหันขวับไปมองต้นเสียงวริยามองหน้าเรวินทร์เจ้าของต้นเสียงเยาะเย้ยนั้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ปัญญาอ่อนยังไง? นายไม่รู้อะไรอย่ามามั่วดีกว่า”
“เป็นนักเขียนจะได้เงินแค่ไหนกัน หึ ไม่ตายก็ไส้แห้ง”
เรวินทร์พูดและหัวเราะในลำคอก่อนจะยิ้มมุมปากด้วยความสะใจเมื่อตัวเองสามารถพูดแทงใจหญิงสาวที่อยู่หน้าห้องจนเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“ฉันจะหาเงินด้วยงานเขียนของฉัน!” วริยาชี้หน้าเรวินทร์
“นายจะต้องเสียใจที่ดูถูกงานของฉัน!!”