เกราะรัก พันธนาการหัวใจ
3
ตอน
2.01K
เข้าชม
37
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
4
เพิ่มลงคลัง

บทนำ

บนถนนสายหลักเมืองหลวงของประเทศไทยร่างสมส่วนเกินมาตรฐานชายไทย ในชุดสูทราคาแพงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด กับการจราจรบนถนนสายหลัก

เฮริคมิลลส์ตัลวัย 32 ปีนักธุรกิจหนุ่มเลือดร้อนหรือในวงการเดียวกันตั้งฉายาไว้ว่าเสือร้ายนัยน์ตาสีฟ้ากำลังเร่งรีบเดินทางเคลียร์ปัญหาธุรกิจที่เขามีหุ้นส่วนดูแลอยู่

“เมลสันหากนายขืนช้าไปกว่านี้ฉันจะให้นายออกไปวิ่งแข่งกับรถเลยนะ” ความไม่ได้ดั่งใจ เฮริคจึงพาลเอากับคนสนิท

อีกฝ่ายส่งยิ้มเจื่อนๆผ่านกระจกหลัง “จะให้ผมทำไงล่ะครับก็รถมันติด ” คนตัวโตแต่ใจเย็นเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ

“เออน่าทนรับไปหน่อยสิแล้วคำว่าครับเลิกพูดได้มั้ยอยู่กันสองคนจะครับทำไม”

เมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าธารกำนันคนอื่นๆเฮริคต้องการให้เพื่อนรักกึ่งบอดี้การ์ดอย่างเมลสันปฏิบัติตัวให้เป็นปรกตินาย/ฉันเท่านั้น

แม้มีบ้างบางครั้งที่เพื่อนสนิทคนอื่นๆถามถึงความเป็นมาระหว่างที่คบหาเพื่อนคนละระดับเขาเลือกให้คำตอบกลับไปว่า

เพื่อนจริงคือเรากำหนดไม่ได้ว่าเขาจะมีฐานะและภูมิหลังยังไงฉันรู้แค่ว่า ตอนนี้ เขาซื่อสัตย์และพร้อมสู้อุปสรรคไปกับฉัน

“ติดได้ติดดี...” น้ำเสียงเขายังคงหงุดหงิดพร้อมมือจัดการลดกระจกด้วยความอึดอัด

“เรื่องปรกตินี่ครับไม่ชินอีกหรือ?”

น้ำเสียงติดขำของบอดี้การ์ดที่เคยมีใบหน้าเหี้ยมเป็นนิจเอ่ยเย้าทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าฝ่ายนั้นตั้งใจกวนเขา

“คนร้อนใจ” เขาว่าให้พร้อมทิ้งสายตาไปยังคนขับอย่างเสียไม่ได้

แม้ไม่ใช่ลูกครึ่งไทยอังกฤษอย่างคนเป็นนายแต่เมลสันแมคคอนวัย 32 ปีสมุนมือขวามาเฟียหนุ่มพูดคุยสำเนียงไทยชัดเจนเพราะใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยมานาน

แผ่นหลังกว้างเอนพิงเบาะหลังสีหน้ายังเต็มไปด้วยความกังวลสิ่งที่สะกิดใจดึงดูดให้ฝ่ามือหนาขยับล้วงหยิบจับบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทราคาแพงกล่องกำมะหยี่สีแดงสดหากเป็นสิ่งที่เขาต้องการได้ จากใจจริงคงไม่เป็นปัญหา...

มือเรียวหนาที่ไม่เคยหยิบจับงานหนักกดลงบนกล่องกำมะหยี่บรรจงเปิดออกช้าๆความหนักใจตีแผ่บนใบหน้าหล่อเหลาดังเทพบุตรตามมา

แสงวาววับของประกายเพชรวูบวาบจับตายามกระทบแสงทำให้เมลสันอดใจไม่ไหวมองผ่านกระจกด้านหลังด้วยความชื่นชมไปด้วยอีกคน

“สงสัยมาดามต้องการได้ลูกสะใภ้เต็มแก่” เขาแกล้งเย้าเท่าที่รู้มาว่ามาดามหรือแม่ของเจ้านายได้ส่งแหวนพร้อมกับคำสั่ง... หาเจ้าสาวไว้รอท่าน

“ใครบอก!” เสียงทุ้มเอ่ยขัดทันควันทำเอาคนที่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ขมวดคิ้วหนาเป็นปม

“ไม่เห็นจะยาก” เมลสันบอกสั้นๆเรียกสายตาคมเข้มที่กำลังเหม่อมองสองข้างทาง ให้หันเข้ามามองด้านในทันที

“อะไรของนายเมลสันอะไรยากอะไรง่าย?” เฮริคถามเพื่อนรักกึ่งบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่อยู่ประจำกับตัวเองมาหลายปีอย่างไม่เข้าใจ

สีหน้าเรียบแฝงไปด้วยความจริงจังเป็นครั้งแรกที่ไม่ใช่เกี่ยวกับธุรกิจเรียกรอยยิ้มจากเพื่อนสนิทอย่างเมลสันได้เป็นอย่างดี

“เมียไงนายมีผู้หญิงในสต็อกตั้งมากมายเลือกเอาสักคนสิคนปัจจุบันที่นายกำลังไปเจอไงยอมสละเวลาไปหาทั้งที่มีเรื่องอื่นต้องเคลียร์รออยู่อีกเยอะมันต้องมีดีอยู่บ้างสิน่า” เพื่อนกึ่งบอดี้การ์ดเอ่ยแนะอย่างรู้ดีเพราะคู่ขาที่เจ้านายหรือเพื่อนรักของตนเคยควงบ่อยๆมีทั้งนางแบบลูกสาวนักการเมืองและไฮโซโนเนมทั้งหลายแหล่รอคิวให้เรียกใช้ 24 ชั่วโมง

“เฮ้ย!!จะบ้าหรือไง”

แม้ประโยคที่เมลสันได้แนะนำออกมาจะทำให้เฮริคตกใจอยู่บ้างแต่ถึงอย่างนั้นก็เรียกรอยยิ้มและนัยน์ตากรุ้มกริ่มของเขาไปได้ชั่วครู่เพราะสาวสวยที่เขาเลือกควงเป็นสิ่งเรียกความกระชุ่มกระชวยยิ่งกว่าบรั่นดีที่หมักไว้แรมปีเสียอีก

แต่ผู้หญิงคนปัจจุบันที่เพื่อนเอ่ยถึงเขาไม่คิดจะยกตำแหน่งนี้ให้หล่อนเลยแม้แต่ความต้องการทางร่างกายอย่างชายหญิงเขาก็ไม่มีให้เธอ...

เมลสันห่อปากเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง“... อย่างนั้นก็หาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นแม่ศรีเรือนให้ชั่วคราวสิ”

คำแนะนำที่ได้ยินทำเอาเฮริคหนุ่มไฟแรงหยุดชะงักละสายตาจากของในมือมองสบตาคนแนะนำอย่างต้องการความกระจ่างอีกนิด

“ชั่วคราว...” เฮริคเอ่ยเบาๆพลางคิดตามแล้วตาลุกโพลงขึ้นอย่างเห็นด้วย “ความคิดเข้าท่าแต่จะหาแบบนั้นได้ที่ไหน”

“เอ่อ... อันนี้... ก็ไม่รู้” นาทีนี้คนเสนอแนะทำหน้าเหลอหลาเพราะไม่รู้จริงๆว่าจะหาผู้หญิงแบบนั้นได้ที่ไหน

หากแต่ความคิดของเฮริคเป็นอันต้องสะดุดลงเมื่อรถที่นั่งเหวี่ยงเหมือนหักหลบอะไรบางอย่างด้านหน้ากะทันหันจนผิดจังหวะ

“อะไร?...”

เฮริคที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยร้องถามโดยที่ตัวเองเกือบหัวคะมำไปด้านหน้าเกือบเสียบไปตรงกลางระหว่างเบาะดันตัวเองให้กลับมานั่งจุดเดิมที่เลื่อนออกไปก่อนจะขยับเสื้อสูทราคาแพงเข้าที่ใบหน้าฉงนคิ้วหนาผูกปมจนนูนสูง

“เฮ้ย...! แย่แล้ว...”

“อะไร?!” เฮริคถามซ้ำ เมื่อเมลสันยังคงอุทานออกมาโดยไม่บอกกล่าวอะไรออกมาเสียที

เมลสันยังคงอ่ำๆอึ่งๆ หน้าซีดเหงื่อแตกซิบๆกับการละสายตาจากท้องถนนไม่กี่วินาทีก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นร่างของใครคนหนึ่งในระยะกระชั้นชิดพร้อมเสียงกระแทก ในจังหวะที่เขาแตะเบรกให้รถหยุดอย่างกะทันหัน

“ไม่น่าเล้ย!”

เมลสันเริ่มสบถออกมาอีกครั้ง และนั้นทำให้คนที่นั่งอยู่เบาะหลังเริ่มหมดความอดทนกับการรอคอยคำตอบ

“หากนายไม่ตอบฉันมาอีกคำเดียว ฉันเตะนายแน่ ตกลงเกิดอะไรขึ้น?!”

“เอ่อสงสัยชนใครเข้าแล้วล่ะ...” เมลสันหันมารายงานใบหน้าจืดเจือน

“หือ...ลงไปดูหน่อยสิว่าเป็นอะไรหรือเปล่า!!”

เฮริคสั่งทันทีพร้อมโน้มตัวไปด้านหน้าเพื่อดูเหตุการณ์แต่ก็มองเห็นไม่ถนัดจึงตัดสินใจ เปิดประตู ลงไปดู

เมลสันรีบเปิดไฟกระพริบฉุกเฉิน เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้รถคันอื่นๆ รู้ว่ารถคันของตนกำลังมีปัญหา

 

ทำไมซวยอย่างงี้เนี่ยน้ำเสียงตัดพ้อบ่นกับตัวเองเมื่อต้องลงไปนั่งแหมะอยู่บนพื้นจากนั้นจึงรีบเก็บสิ่งของ ที่หล่นกระจัดกระจายเกลื่อนบนถนนอย่างรวดเร็ว

รติกาลคลี่ยิ้มสายตาจับจ้องอย่างโล่งใจเมื่อเก็บจนเหลือชิ้นสุดท้ายก่อนจะยื่นแขนไปสุดเอื้อม เพื่อหยิบชิ้นที่อยู่ไกลสุดแต่สิ่งนั้นเจ้าสิ่งที่หมายตาไว้ กลับกระเด็นไปอีกด้านจนทำให้เธอหงุดหงิด เพราะจังหวะที่ยื่นมือออกไปคาดคะเนไว้ว่าต้องจับแล้วยัดเข้าถุงพลาสติกให้ได้แต่กลับกลายเป็นว่า ส่วนที่เธอจับได้ เป็นหัวรองเท้าหนังสีดำสนิทมันปราบจนเกิดเป็นเงาสะท้อนสายตากลมจึงมองไต่ขึ้นไปเรื่อยๆจนเห็นใบหน้าเจ้าของรองเท้าหนังราคาแพงนั้น

“อ่ะ?....”ดาราลูกครึ่งคนไหนเนี่ย? เคยเอามาเป็นอิมเมจในนิยายหรือปล่าวหนอ?... คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะดึงมือกลับ

เฮริคที่จับจ้องใบหน้าเกลี้ยงเกลามีไรผมปรกลงมาเล็กน้อยเพราะผมถูกเกล้าไว้อย่างง่ายๆโดยใช้ไม้คล้ายตะเกียบเสียบผมไว้ ปล่อยให้ผมตกลงมาข้างๆขับใบหน้าเรียวมนให้ดูสะดุดตาแม้จะมีเหงื่อเม็ดใสผุดเต็มใบหน้าหากแต่ความสวยยังคงน่ามองจนเขาเองเกือบแสดงอาการเหมือนคนตะลึงอย่างกับเจอเครื่องประดับที่ถูกตาต้องใจ

และนั้นสายตาเข้มยังจ้องริมฝีปากบางที่อ้าค้างแม้จะเป็นสภาพไม่น่ามองที่ผู้หญิงมองผู้ชายอย่างไม่ไว้ตัวแต่ปากบางจิ้มลิ่มสีชมพูเย้ายวนชวนให้น่ากดทับน่าสัมผัสจนเขาต้องรีบถอนสายตาจากดวงหน้าและริมฝีปากน่าพิสมัยนั้นเพราะหากขืนมองไปนานๆเขาไม่แน่ใจว่าคนอย่างเขาที่ชอบเอาแต่ใจจะห้ามใจไม่ดึงหล่อนเข้ามาบดจูบซับหาความหวานหอมอย่างคนไร้สามัญสำนึกได้หรือไม่เพราะแค่เห็นดวงหน้าก็ทำให้น้ำลายที่มีอยู่น้อยนิดถูกกลืนลงท้องอย่างยากลำบากแล้ว

แม่มดชัดๆ... เฮริคบริภาษกับตัวเองในใจเขานึกชื่นชมหล่อนมากกว่าด่าทอหล่อนทำให้ไฟในกายเขาลุกโชนได้อย่างน่าแปลกทั้งที่ไม่ได้สัมผัสผิวกายกันแม้แต่น้อยผิดกับผู้หญิงคนอื่นๆหากหล่อนไม่เปลื้องผ้ากระโดดค้อมใส่เขาก่อนหรือเขาอดอยากปากแห้งมาเป็นแรมคืนอย่าหวังว่าเขาจะเล่นด้วยกับพวกหล่อน

ยิ่งคิดยิ่งอยากปลดปล่อย... เฮริคถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะรีบสลัดความคิดทิ้งเมื่อเป้ากางเกงส่วนกลางเริ่มพองขยายตัวจนน่าเกลียดดีที่ว่าเสื้อสูทตัวยาวบิดบังส่วนนั้นไว้ได้

รติกาลเริ่มปรับสมองประมวลภาพหนุ่มหล่อตรงหน้าสายตากลมโตเพ่งกว้างขึ้นสำรวจคนตรงหน้าใหม่อีกครั้งไม่ว่าการแต่งกายรูปร่างหน้าตาหัวใจรติกาลเต้นแรงไปพร้อมๆกับสายตาที่ลากผ่านไปตามร่างกายที่มีเสื้อผ้าราคาแพงปิดทับดารานายแบบฮอลลีวูดยังต้องชิดซ้าย...

เมลสันเดินตามลงมาติดๆมองสาวสวยแล้วนึกขำต่างกันกับสายตาคมเข้มของเฮริคที่จับจ้องใบหน้าเกลี้ยงเกลามีไรผมปรกลงมาเล็กน้อยสำหรับเขามองหล่อนว่าเป็นภาพที่น่ารักและน่าทะนุถนอมนักสำหรับผู้หญิงท่าทางซื่อๆตรงหน้าและดีใจที่หล่อนผู้นี้ ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อย่างที่กลัวผิดกับเจ้านาย ที่เป็นผู้ชายด้วยกันมองดูก็รู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่...

“คุณ” เมื่อยิ่งเพ่งมองเฮริคตัดสินใจเอ่ยเรียกด้วยความรู้สึกบางอย่างเมื่อเขาเจอประกายตาประหม่าอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น

“ฮะ?” สีหน้าอีหลักอีเหลื่อขานตอบพร้อมกระพริบตาปริบๆเตรียมพร้อมอย่างดุษฎีหากอีกฝ่ายจะต่อว่าอะไรออกมาแต่สิ่งที่ทำให้ตะลึงไปมากกว่านั้นคือภาษาที่ชายหนุ่มรูปงาม เอ่ยออกมาเป็นภาษาเดียวกับเธอต่างหาก!

สาธุขอให้พูดได้ไม่กี่ประโยคด้วยเถอะ... รติกาลแอบภาวนาให้ฝรั่งนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยภาษาของเธอ ให้ได้น้อยที่สุด

“เจ็บตรงไหนเป็นอะไรบ้างหรือป่าว?” เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยสำเนียงไทยอย่างกับเจ้าของภาษามาเองทำเอาคนฟังอึ้งค้างตากลมโตเบิกกว้างอีกครั้ง

“ตกลงคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เฮริคเขาถามซ้ำอีกครั้งเมื่อท่าทางเจ้าหล่อนเหมือนคนตกใจอะไรสักอย่าง น่าขันแท้...เฮริคคิด จ้องมองใบหน้านวลเนียนสีแดงเรื่อ อย่างพินิจ

“อ่ะ...” รติกาลกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอก่อนจะรู้สึกตัวแล้วดีดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงโดยไม่ลืมหยิบสิ่งของชิ้นสุดท้ายติดมือมาและยัดใส่ถุงทันทีโดยไม่กล่าวตอบอีกฝ่ายไปด้วยว่าลิ้นชาไปชั่วขณะ

เมลสันยืนอยู่อีกด้านเมื่อเห็นว่าหญิงสาวลุกขึ้นยืนได้เองอย่างคล่องแคล้วก็มองสำรวจเพื่อความแน่ใจด้วยสายตาตัวเองและเมื่อมองไปดีๆก็พบว่าบนพื้นมีสิ่งของเป็นหลักฐานอย่างดีว่าต้องมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดกระทบหน้ารถเป็นแน่และสิ่งนั้นคงเป็นสิ่งของที่หญิงสาวหิ้วอยู่ในมือ  “เป็นอะไรมากหรือเปล่าคุณ?”

เสียงทุ้มที่เปล่งดังของอีกคนเรียกสติสัมปชัญญะทุกส่วนของร่างกายรติกาลกลับมาปรกติเหมือนเดิม “ อะอ้อไม่เป็นไรค่ะ” จากที่มองหน้าอีกคนรติกาลก็หันมายังอีกต้นเสียงหนึ่งและตอบคำถาม

ท่าทางเงอะงะของหญิงสาวผู้นั้นทำให้นัยน์ตาสีฟ้าต้องหรี่มองอย่างพินิจใหม่อีกครั้งแต่ภายในใจรู้สึกหงุดหงิดที่เขาถามไปหลายครั้งแต่ไม่คิดตอบ แต่เมื่อเมลสันถามไปแค่ครั้งเดียวหล่อนก็ตอบทันที

“มาวิ่งตัดหน้ารถหรือคิดจะหาเงินโดยวิธีการนี้หรือ?”  อารมณ์ที่มาแบบไม่รู้ตัวโพลงออกมา

“คุณว่าไงนะ?” ทั้งที่หูไม่ฝาด  แต่เธออดถามซ้ำไม่ได้  นี่หรือคำพูดของคนก่อนหน้านั้นที่เธอหลงซาบซึ้ง

ไหล่หนายกขึ้นอย่างไม่แคร์อีกทั้งไม่คิดพูดซ้ำ เมลสันหน้าเจื่อนลงไม่คิดว่าคำพูดนั้นจะเป็นของเฮริค

“ ดิฉันไม่ได้คิด”  รติกาลตัดสินใจตอบกลับ และเขาก็สวนกลับมาทันที

“จะให้ผมเชื่อได้ไงว่าคุณไม่ได้คิดแบบนั้น” สายตายังไม่ละจากร่างอรชรบอบบางในเสื้อผ้ารัดกุม

ริมฝีปากบางกัดเม้มจนสนิทแน่น ...คำพูดอาจจะไม่เชื่อกันได้ เธอเข้าใจเพราะคนสมัยนี้อยู่บนความหวาดระแวงไม่ว่าเวลาใดไม่เลือกเพศเลือกเวลาพวกมิจฉาชีพอยู่ได้ทั่วทุกพื้นที่หากแต่สำหรับเธอมันไม่ใช่! ยิ่งสายตาที่มองอย่างดูถูก ทำให้เธอรู้สึกกลายเป็นคนชั้นต่ำในสายตาเขาส่งผลให้คนที่มีศักดิ์ศรีอย่างเธอ กล้าพอโต้กลับไปเมื่อสิ่งที่เขากล่าวหามา ไม่จริง

หึหากคุณเอาความคิดคุณมาเป็นบรรทัดฐานในการถามดิฉันขอให้คุณกลับไปคิดใหม่นะคะเพราะดิฉันยังมีงานต้องทำและมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอีกเยอะไม่ยอมเอาตัวเองมาเสี่ยงกะแค่ผลที่จะตามมาแบบไม่รู้ว่าจะคุ้มหรือไม่คุ้ม

มาเฟียหนุ่มรูปงามออกอาการเหวอ ก่อนจะแปลเปลี่ยน โกรธเคือง “นิเธอ!” นิ้วชี้เรียวยาวชี้ไปยังคนปากกล้าตรงหน้า

เมลสันที่ยืนอยู่ใกล้รู้สึกบรรยากาศไม่ค่อยดีเขารู้สึกฉงนผิดคาดทั้งที่จริงก่อนหน้า เฮริคดูจะสนใจผู้หญิงคนนี้ด้วยซ้ำ...

จะห้ามรึ? เมลสันก็ไม่กล้าเสี่ยง “เอ่อ... นาย ” แม้จะมีเสี่ยงกลับลูกหลงอยู่บ้างแต่เมลสันไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกทั้งไม่ต้องการให้เพื่อนรักยืนทะเลาะกับผู้หญิงในที่สาธารณะโจ่งแจ้งแบบนี้ไม่เหมาะที่ สำคัญเขาเห็นว่ากล่องสีแดงสดเปิดอ้า?

“อย่ามาเรียกนะเมลสัน” คนถูกขัดร้องห้ามเสียงขุ่น

หากมีอะไรเข้ามาขวางตอนนี้เขาอาจยั้งใจไม่อยู่กระชากสิ่งกวนใจมาลงทัณฑ์ให้หนำใจแต่เมื่อคิด ว่าเมลสันคงหวังดีถึงได้เรียก จึงปรับอารมณ์และเอ่ยถาม

“มีอะไร ว่ามา”

“ผมขับรถไม่ดูทางเองครับ” และนั้นเฮริคได้แต่ขบกรามแน่น เพราะนั่น เท่ากับว่าเขาเป็นคนไม่มีเหตุผลและหาเรื่องผู้หญิง!

เมลสันหลุบตาต่ำ ลุแก่โทษ ก่อนจะหันไปกล่าวกับสาวสวย “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วผมละกลัวคุณจะเจ็บขอโทษนะครับ” เมลสันเอ่ยอย่างสุภาพ เป็นการตัดจบ  และนั้นทำให้เฮริครู้สึกขัดนัยน์ตาเป็นอย่างมาจนต้องเบนสายตาไปทางอื่น

“ขอบคุณค่ะที่ถามดิฉันไม่ได้เป็นอะไรแต่ที่เป็นมากคือใจของคนบางคนมากกว่าหากไม่มีอะไรแล้วดิฉันต้องขอตัวก่อน” รติกาลอดเหล่ตาและอดทิ้งน้ำหนักเสียงให้ไปกระแทกอีกคนที่กำลังมองฟ้ามองอากาศอย่างกับไม่เคยเห็นบรรยากาศแถวนี้ไม่ได้

“เธอนี่มัน!” คนโดนกระแทกด้วยคำพูดและสายตารู้ตัวดีร่ำๆจะบีบคองามระหงที่บังอาจทำให้เขาเสียเวลาเมลสันได้แต่กดยิ้มพร้อมส่งสายตาห้ามเพื่อนชายไปในตัว

“คุณไม่เป็นอะไรจริงๆหรือครับ” เมลสันถามย้ำอีกครั้งพร้อมใช้สายตาสำรวจไล่ไปตามร่างบางระหงด้วยความเป็นห่วงจากใจ

“อ้อค่ะไม่เจ็บ” เธอบอกตามความเป็นจริงพร้อมยิ้มบางๆให้

“หึให้ค่าทำขวัญไปหน่อยสิเมลสัน” คนถูกเมินแทรกขึ้นอย่างหมั่นไส้

“หะครับ” สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำเอาเมลสันอึ้งไปแต่ก็รีบทำตามทันที

เมื่อเห็นอีกฝ่ายล้วงกระเป๋าหนังใบเล็กออกมารติกาลจึงรีบร้องห้ามออกไปเช่นกัน “ไม่ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไงขอโทษนะคะดิฉันขอตัว” เธอตัดปัญหาจึงรีบเบี่ยงตัวเพื่อเลี่ยงออกไปที่สำคัญเธอไม่ต้องการเงินแค่อีกฝ่ายน้ำใจไต่ถามมันก็มากพอสำหรับเธอ

“จะไปไหน? หยิ่งก็เป็น” ประโยคแรกเหมือนจะเป็นคำสั่งที่จะรั้งให้อีกฝ่ายอยู่ต่อหากแต่กลับต่อประโยคหลังให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่นพร้อมแขนแกร่งยื่นกั้นห่างแค่เพียงนิดหน้าอกเต่งตึงคู่งามเกือบสัมผัสแขนนั้นอย่างไม่ตั้งใจ

เท้าเรียวหยุดกึก “อะไรของคุณ?”  เสียงแหลมร้องถาม พร้อมมือเรียวสะบัดแขนตรงหน้า ออกห่างจากหน้าอกด้วยความตกใจ

ตุ้บๆๆ!...

เสียงสิ่งของกระเด็นกระดอนเรียกสายตาบุคคลทั้งสาม ให้ตะลึงค้าง และจับจ้องเจ้าสิ่งนั้น ที่กระเด็นกระดอนหลุนๆในสภาพฝาเปิดอ้าโดยเฮริคและเมลสันใจหายวาบ แต่เวลานั้น ไม่อาจทำให้ใคร ก้าวขาออกไปคว้าไว้ได้จนกระทั้ง หล่นลงไปในคูระบายน้ำต่อหน้าต่อตา ก่อนจะหายลับไปจากสายตา และชั่วอึดใจหลังจากนั้น สติทุกคนกลับมา

“นิเธอทำอะไรลงไป!?” เสียงแข็งกระด้างเอ่ยกร้าวพร้อมตาคมเข้มจิกมองจนน่ากลัว

เมลสันที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็ตกใจไม่แพ้กันเริ่มร้อนๆหนาวๆเตรียมรอเสือใหญ่อาละวาด

“ฮะ?” ตากลมโตเกือบถลนมองเป็นเครื่องหมายคำถาม

“คุณทำของผมตกลงท่อ”

“มะมันเกี่ยวอะไรกับดิฉันด้วยล่ะ” เธอตอบน้ำเสียงขลุกขลักไม่เข้าใจ พวกแต่งตัวดีขึ้นมาครามครัน

“ก็เธอเป็นคนปัดของ ของฉันกระเด็นตกลงไปแล้วรู้ไหมว่าของของฉันราคาเท่าไหร่เพชรที่ใช้กี่กะรัตเธอรู้เปล่าห๊ะ?”

รติกาลได้แต่เบิกตากว้าง เธอไม่ได้ตกใจกับราคาเพชรกี่กะรัตแต่ตกใจที่อีกฝ่ายยัดเยียดข้อหาให้ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเธอเขาเองต่างหากที่ไม่ระวังหรือเรียกว่าเซ่อซ่าเอาของมีค่ามาถือไว้จนเป็นเหตุ

“ฉันจะไปรู้ราคาของคุณเหรอฉันไม่เกี่ยวฉันต้องไปแล้วล่ะฉันมีงานต้องทำ...” เมื่อคนตรงหน้ากลายเป็นคนไม่มีเหตุผลเธอก็เป็นได้เช่นกัน “หลีกค่ะ” เธอบอกอีกครั้งรู้สึกอึดอัดเริ่มไม่สบอารมณ์คนตรงหน้าที่พยายามทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่นั้น

“เธอยังไปไหนไม่ได้!” เสียงนั้นคล้ายคำสั่งที่อีกฝ่ายต้องทำตามและเขาไม่ได้พูดเพียงอย่างเดียวมือคว้าหมับบนข้อมือเรียว พร้อมบีบกระชับเหมือนเป็นการบีบบังคับให้อีกคนทำตามคำสั่งของเขา

เมลสันได้แต่อ้าปากค้างไม่คิดว่านายของตนจะคิดว่าสาวสวยเป็นคนก่อเรื่องหากแต่จะร้องห้ามกลัวเป็นการกระตุ้นให้ต่อมโทสะเจ้านายสูงขึ้นเพราะคิดว่าคนของตนเองกำลังปกป้องคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้านายของตัวเอง...

“เจ็บนะปล่อย!” เธอบอกหากแต่สายตากวาดไปเห็นว่าพวกตนกำลังเป็นจุดสนใจของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจึงเบาเสียงลง

“แหวนฉัน... เธอต้องชดใช้ให้ฉันไม่เช่นนั้นเธอกลับไปหน้าไม่สวยแน่” เขาขู่กระซิบน้ำเสียงกดต่ำขยับบอกชิดริมหูขาวสะอาด

กลิ่นหอมอ่อนๆตามไรผมที่สะบัดไหวตามสายลมพร้อมกลิ่นหอมจางๆปะทะจมูกโด่งเป็นสันจนเจ้าของจมูกโด่งอดใจไม่ไหวเผลอสูดเข้าไปจนเต็มปอดเลือดลมในกายตีแผ่กระจายตอบสนองกลิ่นสาบสาวข้างกายจนรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นผิดจังหวะยิ่งกว่าตอนเขาเพ่งมองริมฝีปากหล่อนเสียอีก

เฮริครีบผละห่างเมื่อนึกได้ว่าตนเองเสียเวลามามากพอแล้วที่สำคัญเขามีนัดถึงสองแห่ง

“....” ตากลมโตตะลึงนิ่งไปเป็นครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อได้สติ “อย่าเอาความป่าเถื่อนของคุณมาใช้กับคนอย่างพวกเรา” น้ำเสียงหนักแน่นเอ่ยบอกตอนนี้แค่หน้าตาหล่อเหลาก็ไม่สามารถเรียกความรู้สึกปลาบปลื้มก่อนหน้ากลับมาได้

“เธอรู้หรือว่าฉันไม่ใช่คนไทย”

“ไม่... หรือถึงเป็นก็แค่ลูกครึ่ง”

“ลูกครึ่งแล้วทำไมมันไม่ดีตรงไหน?”

“ก็แล้วมันดีหรือเปล่าล่ะมายัดเยียดข้อหาแถมขู่กรรโชกทำร้ายร่างกายมันน่าภูมิใจหรือไงหากคนไทยมีนิสัยแบบนี้”

“จะปากดีมากไปแล้วนะ” กรามหนาบดเข้าหากันจนสันนูนแม้หน้าตาจะไม่ใช่ไทยแท้แต่เขาก็รักความเป็นไทยที่คนเป็นแม่สอนไว้เสมอ‘เกิดเป็นคนไทยแม้จะครึ่งหนึ่งแต่ก็มีหัวใจดวงเดียวเหมือนกันรักสามัคคีไม่เบียดเบียนคนที่อ่อนแอกว่าเป็นใช้ได้’คำสอนที่เขาจำขึ้นใจ

แต่กับผู้หญิงคนนี้ไม่รู้สินะเขาจะเห็นเธออ่อนแอกว่าหรือไม่ในเมื่อหล่อนเถียงคำไม่ตกฟากและตอนนี้เขามีเกมเล่นใหม่อีกแล้ว...

สายตาคมเชือดเฉือนต่างไม่ยอมกันก่อนจะหันไปสั่งอีกคนอย่างกลั้นอารมณ์ไว้ขีดสุด“เมลสันจัดการโทร.ให้มิกซ์มารับฉันต้องทิ้งนายไว้ที่นี่จัดการเช็คข้อมูลผู้หญิงคนนี้ไว้ให้ดีไม่เช่นนั้นฉันจะถือว่านายไม่ทำตามคำสั่งฉัน”

เมลสันที่โดนเปลี่ยนคำสั่ง หน้าเหวอพอๆกับคนที่กำลังโดนข้อหาทั้งที่ไม่รู้ว่าเธอได้ทำอะไรลงไป

“นายๆ/ ว้าย!” คนโดนรับงานใหม่ร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกับเสียงหวานแหลม เมื่ออยู่ๆรางของเธอ ก็ถูกเหวี่ยงไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของอีกคนโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ทันตั้งตัว

“จัดการซะแล้วฉันจะรอฟัง” เสียงเหี้ยมเอ่ยย้ำพร้อมเดินอ้อมไปอีกฝั่งอย่างไม่ใส่ใจ

อาการมึนงงมองท้ายรถเมอร์ซิเดสเบนซ์คันหรูเคลื่อนออกไปด้วยความเร็วเมื่อถนนโล่งเหมือนเป็นใจ

เมลสันค่อยๆดันร่างบางสมส่วนที่ยังอยู่ในอาการตกใจค้าง ออกห่างจากอกของตนเองอย่างแผ่วเบาพร้อมเอ่ยขึ้นว่า

“เอ่อ...ผมขอโทษด้วยนะครับ” เพราะเขารู้ดีว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สาวสวยผู้นี้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

“บ้าที่สุด!” เธอสะบัดเสียงใส่ โดยไม่ได้ตั้งใจต่อว่าชายหนุ่มร่างโต ที่ยื่นทำหน้าบุเลี่ยนอยู่ตรงนี้...

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว