[SHINee SF] ง้อ │Minho x Key│
0
ตอน
3.08K
เข้าชม
56
ถูกใจ
8
ความคิดเห็น
7
เพิ่มลงคลัง

คุณรู้จักชายนี่มินโฮไหม ผู้ชายคนที่กล้ามเป็นมัด มาดแมน ชอลเล่นกีฬา สะสมเสื้อบอล คุณเชื่อหรือเปล่า ว่านิสัยลึกๆของเขาน่ะขี้งอนที่สุดเลย

.

.

.

.

"ยินดีด้วยอีกครั้งนะพี่ โซโล่ครั้งที่สองแล้ว จงฮยอนนี่ของเราเก่งที่สุดเลย"

 

อิตานี่ชื่อมินโฮครับ มันประจบประแจงพี่จงฮยอนแบบนี้ก็เพราะว่าต่อจากงานโชว์เคส เรามีงานเลี้ยงเล็กๆกันต่อ คำชมพวกนั้นนอกจากจะออกมาจากใจจริงแล้ว ก็ต้องบอกว่าความหมายแฝงของคนพูดคือหวังกินฟรีครับ

 

"พี่จงฮยอนอ่ะ ไหนบอกว่ารักผมนักหนาไง แล้วทำไมงานเมื่อเช้าถึงบอกว่าชอบพี่มินโฮที่สุดล่ะ"

 

ส่วนนั่นแทมิน น้องเล็กที่ไม่มีวันโตของพวกเรา ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็เป็นแค่เด็กน้อยจริงๆ จะต้องให้พวกผมช่วยหาของหายไปถึงเมื่อไหร่กัน

 

"โธ่แทมิน ก็ตอนนั้นมีมินโฮอยู่บนเวทีคนเดียวนี่นา"

 

และนี่พี่จงฮยอน เจ้าของงานวันนี้ที่จะทำให้เราอิ่มหนำสำราญ และกินฟรีไปอีกหนึ่งมื้อ

 

"เสียดายพี่อนยูไม่ว่าง ไม่งั้นแฟนๆคงดีใจมากกว่านี้ที่เห็นเราห้าคนบนเวทีที่เกาหลีอีกครั้ง"

 

"อย่าคิดมากสิพี่จงฮยอน ใช่ว่างานนี้จะเป็นงานสุดท้ายของพี่ซะเมื่อไหร่" มินโฮเดินเข้าไปตบไหล่พี่รองแล้วทำหน้าเห็นใจอย่างสุดซึ้ง พอมีของฟรีมาล่อหมอนี่ก็จะทำตัวแปลกตาอย่างนี้แหละครับ

 

"ขอบใจนะแก"

 

"เอ๊ะหรือใช่"

 

"ไอ้มินโฮ นั่นปากเรอะ"

 

ผมส่ายหัวไปมาเมื่อพี่จงฮยอนซอยขาสั้นๆไล่ตามมินโฮที่วิ่งหนีไปรอบๆห้องแต่งตัวแถมยังทำหน้ากวนประสาท เล่นเป็นเด็กๆไปได้

 

โอ้ ลืมแนะนำตัวไปครับ ผมชื่อคิม คิบอม หรือที่พวกคุณเรียกกันว่าคีย์นั่นแหละ เอาเป็นว่ารู้จักผมกันนะ

 

สองหนุ่มผู้บ้าพลังแห่งชายนี่ยังคงไล่เตะกันอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย แต่ผมนี่สิ รำคาญพวกนี้ชะมัด พวกเขากำลังทำผมเวียนหัว ผมถอนหายใจก่อนจะเงยหน้าจากมือถือแล้วจิกตาใส่สองคนที่เล่นกันอยู่ในห้องแคบๆ ร้อนจะตายยังจะมาวิ่งกันอยู่ได้ สุดท้ายแล้วตัวก็จะเหม็น ผมล่ะเกลียดกลิ่นเหงื่อของพวกนี้จริงๆ

 

"เมื่อไหร่จะเลิกมองพี่ด้วยสายตาดุๆแบบนั้นล่ะ ไม่น่ารักเลยนะคีย์บอมมี่"

 

หลังจากรับรู้สายตาอาฆาตของผมพี่จงฮยอนก็หยุดวิ่งแล้วเดินมาทิ้งตัวนอนหมดแรงตรงโซฟาที่ผมนั่งอยู่ ผมตีมือซนที่ยื่นมาหมายจะหยิกแก้มผมพร้อมมองแรงอีกรอบ

 

"หิว จะไปกันได้รึยัง"

 

"ที่แท้พี่คีย์ก็โมโหหิวนี่เอง ถึงว่าไม่เรียกผมไปถ่ายรูปอัพไอจี"

 

"คืนนี้นายได้ถ่ายจนมือเป็นตะคริวแน่แทมิน ไปกันซักที อยากแอลกอฮอล์จะแย่"

 

ผมเดินนำสามหนุ่มที่มองหน้ากันตาปริบๆ คงงงกันว่าผมอารมณ์เสียเรื่องอะไร ทั้งๆที่วันนี้ออกจะเป็นวันดีแท้ๆ

 

จริงๆแล้วผมไม่ได้หิวแล้วพาลไปทั่วหรอกครับ ผมทำตัวเป็นระเบิดเวลาแบบนี้ก็เพราะว่าป้องกันใครบางคนส่งสายตาน้อยใจมาที่ผมก็เท่านั้น

 

"นายไปดูหนังของฉันมารึยัง คีย์"

 

ประโยคคำถามของมินโฮบนเวทีงานโชว์เคสทำให้ใจผมกระตุก ท่ามกลางแฟนๆมากมายแบบนี้ใครจะไปกล้าบอกล่ะว่าดูมาแล้ว แถมไม่ใช่รอบเดียวด้วย

 

และเพราะความปากแข็งของผมที่ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องในตอนนั้น มันคงทำให้มินโฮเสียหน้าอยู่ไม่น้อย ผลก็คือหลังจากเราพักตอนแฟนคลับดูเบื้องหลังเอ็มวีเขาก็บอกให้แทมินไปยืนข้างเขาตอนขึ้นเวทีอีกรอบเพื่อกล่าวปิดงาน ผมทำพลาดครั้งใหญ่เสียแล้วสิ

 

"งั้นผมเอารถพี่จงฮยอนไปนะ"

 

"เรื่องอะไรล่ะ เอารถตัวเองไปดิ"

 

พี่จงฮยอนกับแทมินกำลังเถียงกันเรืองที่ว่าจะเอารถใครไปใช้ครับ เพราะปาร์ตี้เลี้ยงขอบคุณทีมงานที่มีส่วนช่วยในอัลบั้มใหม่ครั้งนี้จำนวนคนเยอะเกินกว่าที่พี่จงฮยอนคาดเอาไว้ เราเลยจำเป็นต้องออกไปซื้อพวกเครื่องดื่มกับขนมมาเพิ่ม

 

"ผมไม่ได้เอารถมา"

 

"แล้วทำไมไม่ขับรถตัวเองมา ขากลับใครจะไปส่ง"

 

แทมินไม่ตอบแต่เกาหัว ตามมารอยยิ้มที่เรารู้กันดีว่าต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างเกิดขึ้นอีกแล้ว เยี่ยมไปเลย

 

"รถหายหรอวะ" พี่จงฮยอนถามด้วยสีหน้าตกใจ

 

"เปล่านะพี่" เจ้าตัวรีบตอบโบกไม้โบกมือปฏิเสธยกใหญ่ "ใครมันจะไปเซ่อทำรถหายไปทั้งคัน"

 

"พี่จงฮยอนไง"

 

"หาเรื่องหรอวะมินโฮ" พี่จงฮยอนพุ่งเข้ามาตะครุบมินโฮไว้แล้วต่อยเข้าที่อก "หลายรอบแล้วนะแก นั่นมันจักรยานโว๊ยไม่ใช่รถใหญ่ แล้วอีกอย่างนะ รถของฉันมันถูกขโมยไม่ใช่ทำหาย กวนตีนนะวันนี้"

 

คนถูกทำร้ายกลับหัวเราะชอบใจแล้วทำแค่เอามือดันพี่ชายตัวเล็กออกไป ก่อนจะหันไปมองหน้าแทมินแล้วถามอย่างเป็นห่วง

 

"ตกลงรถเป็นอะไรล่ะเรา"

 

"กุญแจหายอ่ะพี่"

 

"งั้นเดี๋ยวกลับจากงานที่ต่างประเทศพรุ่งนี้พี่ไปช่วยหาแล้วกัน"

 

"ขอบคุณนะพี่มินโฮ"

 

"เมื่อไหร่จะตกลงกันได้สักที จบเรื่องนั้นก็มีเรื่องนี้ นี่ดึกแล้วนะ"

 

"เป็นอะไรวะคีย์ นี่ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานรึไง"

 

"ผมไม่ได้หิว ผมร้อน!"

 

"เออๆไปๆ แทมินขึ้นรถ ถ้านายจะเอารถพี่ไป นายก็ต้องไปกับพี่ แล้วพี่ก็ต้องเป็นคนขับ"

 

"ไม่เอา ผมจะขับ"

 

"จะเอายังไง ถ้าจะไปรถพี่ นายต้องนั่งเฉยๆ"

 

"ผมมีใบขับขี่แล้วนะ ขอผมขับเถอะ กุญแจรถผมหายไปตั้งนานแล้ว ผมอยากขับรถบ้าง ผมขับดีนะพี่ ปลอดภัยหายห่วง"

 

"นายเนี่ยนะ เกิดทำพวงมาลัยรถพี่หลุดคามือมาจะว่ายังไง"

 

"พี่จะบ้าหรอ ผมไม่..."

 

"งั้นเดี๋ยวพี่ไปเองแทมิน" หลังจากมองสองคนนั้นสลับกันไปมาอยู่นานมินโฮพูดตัดบทขึ้น ขืนรอให้เถียงกันจบมีหวังสว่างพอดี

 

"งั้นผมไม่ขับแล้วก็ได้ แต่ให้ผมไปด้วยนะพี่มินโฮ ผมอยากไปเลือกขนม"

 

"พี่แนะนำว่าอย่าพึ่งไปนั่งร่วมรถที่มีมินคีย์ตอนนี้ดีกว่านะแทมิน พี่สัมผัสได้ว่าบรรยากาศมันไม่ค่อยดี"

 

จึก.. คำพูดพี่จงฮยอนพุ่งเข้ามาเสียบเต็มๆอก ผมอุส่าพยายามทำตัวตามปกติแล้วนะ ทำไมพี่จงฮยอนยังรู้อีกว่าระหว่างผมกับมินโฮตอนนี้มันไม่ปกติ

 

ผมชี้หน้าคาดโทษพี่จงฮยอยเอาไว้ก่อนจะเดินตามมินโฮเพื่อไปที่รถ ก็ไม่รู้ว่าจะมาด้วยทำไมเหมือนกันในเมื่อมินโฮเป็นฝ่ายอาสาคนเดียว เพราะความเป็นคนดีของผมเลยอยากจะไปช่วยเขาถือของล่ะมั้ง ต้องใช่แน่ๆ ไม่ได้อยากจะตามมาง้ออะไรมันหรอกจริงจริ๊ง

 

พอถึงรถผมก็ขึ้นไปนั่งตรงที่ประจำข้างคนขับอย่างเรียบร้อย ไม่พูดไม่จา รัดเข็มขัด เก็บขาเก็บแขนเป็นเด็กมีมารยาท มองไปที่คนขับที่กำลังจะขึ้นมาแล้วยิ้มหวานให้

 

ไม่ได้ผล...เขายังคงทำเป็นไม่สนใจผม ผมจึงตัดสินใจค่อยๆยื่นมือไปจิ้มแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของมินโฮ

 

"นี่ ฉันไปดูหนังนายมาแล้วนะ"

 

"อืม"

 

"ตั้งสามรอบ"

 

"อือ"

 

"นายจะพูดอยู่แค่นี้หรอ"

 

"แล้วจะเอาแค่ไหน"

 

"กะ ก็ไม่เอาแค่ไหน"

 

ชักจะอยากให้แทมินมาด้วยแล้วสิ จะได้ไม่ต้องมานั่งอึดอัดแบบนี้ ผมทำตัวสงบเสงี่ยมอีกครั้งแล้วมองไปข้างทาง ถ้าถามว่าผมกลัวมินโฮไหม ก็ไม่นะครับ แต่หน้ามินโฮเวลาโกรธน่ะ เป็นคุณก็คงไม่อยากไปเซ้าซี้เขาหรอก

 

แต่!

 

ผมคือคิม คิบอมนะ ผมง้างมือขึ้นแล้วฟาดไปที่แขนคนขี้งอนเต็มแรง

 

เพี๊ยะ!!!

 

"โอ๊ย!" เจ้าตัวหันมามองผมด้วยสายตางงๆ "ตีฉันทำไม"

 

"อย่ามางอนฉันนะ" ผมรัวมือตีๆๆเข้าที่เดิมไม่ยั้ง "คนบ้า มาโกรธฉันได้ยังไง เรื่องแค่นี้เอง นายแมนรึเปล่าเนี่ย ขี้น้อยใจเป็นผู้หญิงไปได้"

 

"โอ๊ยๆๆๆ คิบอม ฉันขับรถอยู่นะ"

 

อยู่ๆรถก็ถูกหักเข้าข้างทางแล้วเบรคจนตัวโก่ง ผมตกใจเบิกตาโต แต่ไม่ใช่เรื่องรถหยุดกะทันหันนะ แต่เพราะมินโฮมันโน้มตัวมาล็อคผมไว้แล้วจูบปิดปากผมต่างหาก

 

"อือออ" ทันทีที่มันปล่อยผมออกผมก็หอบตัวโยน บ้าเอ้ย คนกำลังพูดอยู่ มาปิดปากกันแบบนี้จะหายใจได้ยังไงเล่า "จะฆ่ากันรึไง"

 

พอพูดจบประโยคยังไม่ทันได้หายใจเข้าก็โดนจูบอีกแล้ว โถชีวิต...

 

"ทำอย่างนี้มันอันตรายนะ"

 

และโดนจูบอีกที

 

"ไอ้บ้า!"

 

หึหึ คราวนี้ผมปิดปากทัน แกจะไม่ได้จูบฉันเป็นรอบที่สี่หรอกรู้ไว้ซะด้วย มะ ไม่นะ อย่าดึงมือออก ฉันสู้แรงช้างสารของแกไม่ได้นะ ไม่ อื้ออ

 

โดนจูบวนไปครับ -_-

 

"พะ พอได้แล้ว" ผมเอาเท้าถีบมันออกแล้วหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็ว "อย่านะ"

 

พอผมยกเท้าขึ้นมาก็โดนมือใหญ่ปัดจนขาผมอ้าออกจากกันแล้วเจ้าของมันก็แทรกตัวเข้ามาตรงหว่างขาผม อนาถที่สุด สู้เขาไม่ได้ยังจะทำเป็นเก่งอีกผมเนี่ย

 

"ทำไมถึงง้อฉันดีๆไม่เป็น หื้ม"

 

ถึงตอนนี้ผมคิดว่าดีแล้วล่ะที่แทมินไม่มาด้วย ไม่งั้นเด็กนั่นต้องเอาผมไปเม้าท์ให้แฟนๆฟังแน่เลย ดูอย่างคอนที่ผ่านมาสิ น้องอุ้มผมไปส่งให้มินโฮท่ามกลางสายตานับหมื่นคู่เพราะรู้ว่าผมงอนมันอยู่

 

"คะ ใครง้อนายไม่ทราบ ไอ้คนหลงตัวเอง"

 

มันเลิกคิ้วแล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดต้นขา ผมรีบหุบขาเข้าหากันเพื่อซ่อนส่วนต่างๆจากตาโตๆนั่น

 

"ใช่ ฉันมันหลงตัวเอง แล้วก็..." แถมโน้มตัวมาใกล้ด้วย ฮืออ "หลงนายด้วย"

 

ไม่พูดเฉยๆมันเอามือสากๆของมันสอดเข้ามาใต้เสื้อลูบหน้าท้องของผมไปมา ขนลุกไปหมดแล้ว หยุดนะไอ้โย่ง ;__;

 

"เงียบเชียว หลงฉันขึ้นมาบ้างแล้วหรอ"

 

"อะ ออก ปะ ไปนะ"

 

"เสียงสั่นจังแมวน้อย"

 

"ฉันไม่ใช่แมวโว๊ย" ผมดึงมือตัวเองจนหลุดจากมือมันแล้วข่วนไปที่หลังกว้างเต็มแรง

 

"ซี๊ดดด ร้ายนักนะเมียฉัน"

 

"อย่ามาเรียกฉันว่าเมียนะ ฉันไม่ชอบ"

 

"ไม่ชอบนั่นมันเรื่องของนาย ส่วนเรื่องที่ฉันจะเรียกนี่มันก็เรื่องของฉัน ไม่ล้ำเส้นกันนะที่รัก"

 

พูดจบมันก็จูบผมอีกทีแล้วหันกลับไปขับรถต่ออย่างอารมณ์ดี อะ ไอ้ ไอ้ๆๆๆ ฮือออออ หมดคำจะด่าแล้วโว๊ย

 

ผมนั่งกอดอกหน้าบูดมาตลอดทางจนถึงร้านสะดวกซื้อ คอยดูเถอะ คืนนี้จะเมาให้เละเทะไปเลย

 

เราต่างโค้งให้คุณป้าเจ้าของร้านที่เจอกันเป็นประจำเพราะร้านนี้อยู่ใกล้บริษัท ก็ร้านเดียวกับที่มินโฮมันมาซื้อเบียร์แล้วทำตาเหลือกใส่เขาเมื่อวันฮาโลวีนนั่นแหละครับ ไม่รู้กินบ้าอะไรมาถึงกล้าไปทำแบบนั้น ผมล่ะเหนื่อยใจ

 

ผมตรงดิ่งไปที่ชั้นวางเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วกวาดมาจนเต็มตะกร้า ตามด้วยขนมขบเคี้ยวไว้เป็นกับแกล้มอีกเล็กน้อย และก่อนที่ผมจะได้หยิบอะไรเพิ่มอีกก็มีมือหมีมาหยุดไว้

 

"จะกินให้ฉันล้มละลายเลยรึไง"

 

"พี่จงฮยอนเลี้ยงไม่ใช่หรอ"

 

มินโฮเงียบไปสักพัก ก่อนจะเดินไปหยิบตะกร้ามาอีกใบแล้วหยิบของใส่จนเต็ม ดูนิสัยคนเรา ไม่รู้ไปได้แบบอย่างมาจากไหน โอ๊ะนั่นเหล้าออกใหม่ เอาอีกตะกร้าดีกว่า

 

พอกลับมาถึงที่จัดงาน ผมรีบหอบข้าวของที่จำเป็นมากอดไว้ หลังจากที่มินโฮดับเครื่องและปลดล็อคประตูผมก็หันไปเหวี่ยงกระเป๋าเข้ากระแทกหน้ามันแล้วรีบเปิดประตูวิ่งหนีเข้าตึกไป สะใจเป็นที่สุด แก้แค้นที่แกจูบฉันเมื่อกี้ สมน้ำหน้า

 

"ทำไมช้านักวะ ร้านก็ไม่ได้ไกล หรือว่าแวะซื้อของขวัญให้ฉันกันอยู่"

 

"ฝันเถอะพี่จงฮยอน ผมมาวันนี้เพื่อกินฟรีเท่านั้น เรื่องอะไรจะยอมเสียเงิน นี่ผมไปขึ้นเวทีโชว์เคสให้แล้วนะ อย่าลืมจ่ายค่าตัวด้วย อ้อแล้วก็ของที่หอบมานี่พี่จ่ายด้วยนะ ถ้าเกินงบเก็บได้ที่มินโฮ"

 

ผมร่ายยาวชนิดที่คนทักอ้าปากค้างกลางอากาศ คนพวกนี้เจ้าเล่ห์ครับ ขืนไปเปิดโอกาสให้ซักถามอะไรมากเข้า มันจะมีคำถามที่ทำให้ผมสตั๊นไปหลายวิ

 

หลังจากพูดจบผมก็รีบเดินเข้าไปหาที่นั่งเพื่อหลบสายตาแทมิน เด็กนี่ต้องเริ่มคิดอะไรแน่ๆถึงได้จ้องหน้าผมแล้วยิ้มมุมปากแบบนั้น เห็นมักเน่เงียบๆความร้ายกาจแฝงอยู่เพียบนะครับ โดยเฉพาะกับผม เขาจะชอบรังแกเป็นพิเศษ

 

"หลบพี่มินโฮอยู่ล่ะสิ"

 

ไม่ทันขาดคำเด็กผีนี่ก็มาทักอย่างรู้ทัน ผมกรอกตาทีนึงก่อนจะหันไปมองค้อนใส่

 

"ขำอะไรของนาย"

 

"ปากเจ่อมาเชียว" แทมินยื่นมือมาแล้วใช้นิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากผมเล่น "ที่มาช้านี่แวะทำอะไรกันข้างทางหรอ"

 

"อย่ามาแก่แดดนะแทมิน"

 

"ฉันโตแล้วนะคีย์"

 

"พี่-คีย์" ผมย้ำทีล่ะคำ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แทมินเลิกเรียกผมว่าพี่เวลาอยู่กันสองคน เด็กบ้า ได้นิสัยมินโฮมาเยอะเกินไปแล้วนะ "อย่าพูดมาก มาถ่ายรูป"

 

ผมรีบตัดบทแล้วยัดโทรศัพท์ใส่มือน้องผู้ที่มีอีกหน้าที่คือตากล้องส่วนตัวของผม รูปในไอจีของผมเกือบทุกรูปก็ได้แทมินนี่แหละครับเป็นคนถ่าย

 

เราถ่ายไปเช็คไปจนคนที่พี่จงฮยอนนัดไว้เริ่มทยอยขึ้นมากัน วันนี้พี่เค้าปิดชั้นบนของสถานที่จัดงานโชว์เคสเพื่อฉลองกันครับ ข้อดีคือจะได้ไม่ต้องไปไหนไกล และข้อที่ดีสุดคือมันฟรี

 

"แทมิน คีย์ ไปกินข้าวกัน เต็มที่เลยนะฉันสั่งอาหารมาเพียบ แต่ถ้าเกินงบ ฉันเก็บที่มินโฮ"

 

"อะไรกัน นี่มันงานพี่นะ"

 

"ก็นายบอกเองนะว่าถ้าเกินงบให้เก็บที่มินโฮ"

 

"แล้วนี่พี่ถามมินโฮรึยัง"

 

"ไม่ต้องถามหรอก ก็กำลังขออนุญาตแม่มันอยู่นี่ไง"

 

"ผมมีแม่คนเดียวนะพี่จงฮยอน" ทันทีที่เสียงคุ้นหูดังขึ้นผมก็รู้สึกได้ถึงมือไม้ปลาหมึกที่มันมาเลื้อยหนึบหนับอยู่ที่เอว "ส่วนนี่เมีย"

 

ผมกระแทกศอกเข้าที่หน้าท้องคนข้างหลังด้วยความหมั่นไส้ บอกกี่ทีแล้วว่าอย่ามาเรียกว่าเมีย ไอ้บ้านี่ก็ไม่เคยฟังกันเลย

 

"อยากตายใช่ไหมมินโฮ"

 

"ถ้านายตายด้วย ฉันตายก็ได้"

 

"ย๊า!"

 

"พอๆๆ อย่ามากัดกันแถวนี้ ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวดึก พรุ่งนี้มีบินเช้านะพวกแกอย่าลืม"

 

ผมได้แต่กำหมัดแน่นเพราะพี่จงฮยอนดันมาแทรกตอนที่ผมกำลังจะพุ่งตัวไปจิกหัวไอ้มินโฮแล้วตบสักสองสามที ไอ้โย่งบ้านี่มันเถียงผมได้ทุกประโยคจนน่าโมโหจริงๆ

 

"ปล่อยนะ" ผมพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากวงแขนที่โอบเอวอยู่ ทั้งข่วนทั้งหยิกแต่ก็ดูเหมือนคนโดนจะไม่เดือดร้อนอะไรเลย "อยากเป็นข่าวนักรึไงมินโฮ"

 

"อย่าร้อนตัวสิคิบอม เมมเบอร์วงเดียวกัน กอดกันน่าเป็นข่าวตรงไหน"

 

เวลาอยู่บนเวทีมินโฮจะทั้งกอด อุ้ม จับก้น เอาหน้ามาใกล้ๆ หรือแม้กระทั่งบอกรักให้ผมเขิน ที่เค้าทำสิ่งเหล่านั้นต่อหน้าแฟนๆก็เพราะต้องการให้ทุกคนคิดว่ามันคือเรื่องธรรมดาในการเซอร์วิสคู่จิ้นของเรา

 

มินโฮบอกผมว่าจะได้ไม่มีใครสงสัยความสัมพันธ์ของเราสองคน มันเป็นเรื่องที่ดีนะ อันนี้ผมเห็นด้วย แล้วเขาก็จะกอดผมได้ในทุกๆที่และต่อหน้าทุกๆคน ซึ่งอันนี้ผมคิดว่ามันค่อนข้างเป็นแผนชั่ว

 

ในส่วนของห้องอาหารที่จัดเลี้ยงมีพี่จงฮยอนนั่งที่หัวโต๊ะ ถัดมาเป็นผม มินโฮ และแทมินอยู่ฝั่งตรงข้ามเรา ถัดจากพวกเราก็จะเป็นทีมสตาฟและผู้ร่วมงานในอัลบั้มนี้ของพี่จงฮยอน

 

หลังจากที่พี่จงฮยอนกล่าวขอบคุณทีมงานทุกๆคนแล้วนั้น อาหารและเครื่องดื่มต่างๆก็ทยอยถูกแกะใส่จานโฟมง่ายๆ ผมเองก็อัพไอจีไปจิบเหล้าไปสลับกับของกินเล่นบ้าง เงยหน้าขึ้นจากจออีกทีก็ตอนที่รู้สึกว่ามินโฮขยับเข้ามานั่งใกล้มากเกินไปแล้ว

 

"นายจะเบียดฉันทำไม"

 

"เสื้อบางไปนะ"

 

เพราะว่าผมดื่มไปเล่นโทรศัพท์ไปจึงทำให้มีของเหลวจากแก้วบางส่วนไหลลงไปตามคอแล้วก็ทำให้เสื้อเปียก มันจะไม่มีผลอะไรเลยครับถ้าวันนี้ผมไม่ดันใส่เสื้อสีขาว

 

"ช่างเถอะ คนกันเองทั้งนั้น อีกอย่างฉันก็เคยเปลือยท่อนบนถ่ายรูปมาแล้วนะ ใครจะมาสนใจ"

 

"ในรูปกับตัวจริงตรงหน้ามันเหมือนกันหรอ อย่าดื้อสิ ไปเปลี่ยนเสื้อกับฉัน ไม่งั้นจะพากลับเดี๋ยวนี้แหละ"

 

"กลับตอนนี้เดี๋ยวพี่จงฮยอนก็โกรธเอาหรอก"

 

"ไปที่รถกับฉัน"

 

เสียงมินโฮถูกกดลงต่ำจนผมเริ่มกลัว ไม่เอานะ ถ้าไปที่รถแล้วมินโฮเกิดทำอะไรผมขึ้นมาก็ได้เป็นข่าวใหญ่พอดี คนเยอะแยะแบบนี้จะไม่มีใครไปเจอเลยมันก็เป็นไปไม่ได้

 

ในขณะที่ความคิดในสมองของผมตีกันไปมาเพื่อหาทางออกอยู่นั้น ก็มีมือปริศนาอีกมือมาวางบนไหล่จนผมสะดุ้ง

 

"พี่คีย์ ลงไปเต้นกัน"

 

ราวกับเสียงระฆังช่วยชีวิต แทมินยืนยิ้มหวานให้ผมอยู่ข้างหลัง น้องคงรับรู้ได้ว่าเหตุการณ์ระหว่างผมกับมินโฮตอนนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ขอบใจนะแทมิน เด็กดีที่หนึ่งเลย พี่สัญญาว่าจะช่วยหาของไปจนน้องแก่เฒ่า

 

ผมรีบลุกแล้วจูงมือน้องลงไปตรงหน้าเวทีที่ใช้จัดงานโชว์เคสไปเมื่อครู่ แฟนๆกลับกันหมดแล้ว ก็จะเหลือแต่คนในบริษัทที่คุ้นเคยกันดีกำลังเต้นวาดลวดลายอยู่ ทันทีที่ผมสองคนเดินเข้ามาก็ได้รับความสนใจเพราะเป็นคีย์และแทมินแห่งชายนี่ ทุกคนต่างมองมาและส่งเสียงเชียร์เรา

 

แทมินหันมาสบตาผมแล้วยิ้มกว้าง น้องจับมือผมไว้แล้วเริ่มพาให้เต้นโยกไปโยกมา ไอ้ผมเองก็ชอบงานแบบนี้อยู่แล้วครับ ยิ่งดนตรีมันส์ๆผสมเหล้าหน่อยๆ สเต็ปการเต้นยิ่งออกง่าย

 

เราสองคนกอดกันไปเต้นกันไป พี่จงฮยอนเองก็มาร่วมวงด้วย มีคนคอยยื่นแก้วเหล้าให้พวกเราสลับกันไปมา ตามมารยาทและความชอบส่วนตัวผมจึงรับมาดื่มทุกแก้วไม่มีปฏิเสธ

 

รู้สึกตัวอีกทีก็ร้อนไปทั่วร่าง ผมหยิบเหล้าอะไรมากันนะ ทำไมมันแรงแบบนี้ มึนหัวจัง

 

"แทมิน" เสียงเพลงในงานดังกลบทุกสิ่งผมจึงต้องพูดใกล้หน้าน้องเพื่อเรียกให้ได้ยิน  แต่เพราะใกล้มากไปพอแทมินหันมาปากเราจึงชนกันเล็กน้อย ผมมองว่ามันเป็นอุบัติเหตุเลยไม่ได้สนใจและแสดงอาการอะไร "ไปเข้าห้องน้ำนะ"

 

"ไปเป็นเพื่อนไหม" แทมินยิ้มแล้วตะโกนแข่งเสียงเพลงตอบ

 

ผมเกือบจะขอให้น้องไปด้วยกัน ถ้าไม่บังเอิญเห็นสายตาใสใสที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยอะไรแต่ดันจ้องมายังคอเสื้อผมที่เปียกเหล้าจนบางแนบเนื้อ

 

"ไม่ต้องอ่ะ พี่ไปเองน่าจะปลอดภัยกว่า"

 

มึนหัวจัง ผมเดินโซเซไปหาห้องน้ำ ยิ้มทักทายคนรู้จักตามทางที่นั่งอยู่บ้าง เต้นอยู่บ้าง ทุกๆคนต่างเอ่ยชมว่าผมเต้นเก่ง เต้นสวย แน่นอนอยู่แล้ว ผมชายนี่คีย์เชียวนะคุณ

 

"อืออ ใคร" ผมรู้สึกได้ถึงมือใครสักคนที่มาบีบแขนผมแล้วดึงให้เดินไปข้างหน้า ผมพยายามจะเพ่งมองดูแต่ตาก็มัวเหลือเกิน "มินโฮหรอ" หมอนี่ลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่

 

"เดินหน้าทีถอยหลังสามทีเมื่อไหร่มันจะถึงล่ะ"

 

"อย่ามาเว่อ ฉันไม่ได้เมาขนาดนั้นนะ"

 

ผมเถียงเขาเสียงอ้อแอ้เต็มทน ทำไมเสียงเป็นงี้อ่ะ ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องหาน้ำเปล่ากิน ผมหันไปเห็นน้ำวางอยู่ก็เลยรีบหยิบขึ้นมาหวังจะกิน ว่าแต่ใครเอาน้ำไปเทใส่จานทำไมกัน พิลึกคน

 

"เฮ้ย!"

 

"เอามานะ ฉันหิวน้ำ"

 

"หิวก็กินน้ำดีๆ นายจะกินน้ำแช่ผักไม่ได้"

 

"แล้วใครเอาน้ำกินมาแช่ผักอ่ะ แปลกคนจัง"

 

"น้ำมันก็แช่ผักมาตั้งแต่แรก แล้วมันก็ดื่มไม่ได้แล้ว มีแต่นายนั่นแหละแปลกที่คิดจะไปกินน้ำในจานนั่น นี่อ่ะนะที่ว่ายังไม่เมา"

 

ก็ผมยังไม่เมาจริงๆนี่หว่า สติก็ยังดีอยู่ ยังเดินไปห้องน้ำเองได้เลย แต่ว่าตอนนี้ผมอยากดื่มน้ำเปล่าอ่ะ มีอยู่แค่ในจานนั้นด้วย

 

"งั้นเทในจานใส่แก้วสิจะได้กินได้" มินโฮนี่โง่จริงๆเลยเนอะคุณ

 

ผมได้ยินเสียงเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็วางจานลงและลากผมให้เดินไปต่อ

 

"ไปตามหาแก้วหรอมินโฮ"

 

"ไปห้องน้ำ!"

 

ทำไมต้องดุด้วยล่ะ เดี๋ยวค่อยกลับมากินก็ได้ ไปห้องน้ำก่อนก็ได้ ผมยู่ปากแต่ก็ยอมเดินตามคนเอาแต่ใจไป ตามกำแพงมีโปสเตอร์จากอัลบั้มมากมาย ผมมองแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา รูปแทมินรูปนี้ตลกจัง มีแทมินตั้งสองคนแหละ

 

"นี่เมาเหล้าหรือเมายา ขำกำแพงทำไม"

 

"นายนี่ไม่เข้าใจศิลปะเอาซะเลย" ผมหันไปเบ้ปากใส่แล้วชี้ชวนให้ดูโปสเตอร์อัลบั้มล่าสุดของแทมินที่มีแทมินสองคนกำลังจะจูบกัน "ดูๆๆๆ อันนี้อ่ะตลกจะตาย ปากแทมินสองคนติดกัน ตลกเนอะ"

 

"ติดกันแบบนี้หรอ"

 

ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรนิ่มๆมาสัมผัสที่ริมฝีปากแล้วก็จากไป ผมมองหน้าคนทำแล้วกระพริบตาปริบๆ ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา

 

"ไปเข้าห้องน้ำไป"

 

มือใหญ่ดันหลังผมเข้ามาในห้องส้วมแล้วปิดประตูให้ ทันทีที่ประตูปิดลง ผมก็ยืนพิงมันอย่างคนหมดแรง พื้นหมุนชะมัด มึนหัวไปหมด แล้วยังเมื่อกี้อีก ไอ้บ้ามินโฮจูบผม นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เราจูบกันนอกสถานที่แบบนี้ จะมีใครเห็นรึเปล่า จะเป็นข่าวไหมผมคิดมากไปหมด

 

"คิบอม เสร็จยัง"

 

ผมเบ้ปากอีกครั้งเมื่อไอ้ตัวการที่ทำผมเครียดมันเคาะประตูถามหลังจากที่ส่งผมเข้ามาไม่ถึงสามวินาที

 

"นายจะบ้ารึไง ฉันพึ่งเข้ามาเองนะ"

 

พูดจบประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกพร้อมกับคนตัวสูงแทรกเข้ามา

 

"เห้ย จะเข้ามาทำไม" ผมมองซ้ายมองขวาอย่างระแวงแล้วพยายามจะดันร่างใหญ่ๆนี่ให้ออกไป "นายจะเข้าก็ไปเข้าห้องอื่นเซ่"

 

"จะอ้วกรึเปล่า"

 

"อะไรนะ"

 

"จะมาช่วยลูบหลัง"

 

ไอ้บ้านี่มันพูดอะไรของมัน ผมปวดฉี่ ผมจะมาฉี่ มันจะมาลูบหลังให้ผมทำไม

 

"ออกไปนะ ฉันจะฉี่"

 

"ก็ฉี่ไปสิ"

 

"จะบ้ารึไง"

 

"ทำไม"

 

"ใครที่ไหนเขาจะให้คนอื่นมายืนดูตอนฉี่กันล่ะ"

 

"ฉันเห็นมาหมดแล้วน่ะ อย่ามาลีลา เดี๋ยวฉี่ราดกางเกงไม่รู้ด้วยนะ"

 

"ไม่เอา ออกไปเดี๋ยวนี้นะมินโฮ"

 

ผมเริ่มใช้ไม้แข็งโดยการจ้องตามันอย่างเอาเรื่อง และในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากด่าต่อก็มีเสียงผู้ชายกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาในห้องน้ำ มินโฮหันไปปิดประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันมาทำสายตาวิบวับใส่ผมแล้วยักคิ้วกวนประสาท

 

"ออกไป" ผมทำปากขมุบขมิบไล่อีกครั้ง แต่คราวนี้จะออกเสียงไม่ได้เพราะคนอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด

 

มีใครบอกไหมว่ามินโฮน่ะเป็นคนกวนตีนเก่งที่สุดในโลก มันทำเป็นเอียงหูมาฟังผมใกล้ๆเพื่อบ่งบอกว่ามันไม่ได้ยินที่ผมพูด ผมชกอกมันไปทีนึงด้วยความหมั่นไส้แล้วชี้ให้มันหันหน้าเข้าหาประตู ฉี่จะราดอยู่แล้วยังมาทำอะไรบ้าๆ เล่นเอาสร่างเมาเลยไอ้หื่นเอ้ย

 

ผมเลิกสนใจคนร่วมห้องน้ำแล้วจัดการปลดเข็มขัดตามด้วยกระดุมกางเกงเริ่มต้นจัดการธุระของตัวเองไป ถึงจะรู้ว่ามินโฮจะไม่แอบดู แต่เสียงฉี่กระทบกับน้ำในชักโครกนี่สิมันดังซะจนผมอาย

 

ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากข้างหลังเลยยิ่งทำให้ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด

 

"ขำบ้าอะไร"

 

"ฉี่ดังจังนะ"

 

"เงียบนะไอ้บ้า" ผมด่ากระซิบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อไหร่คนข้างนอกจะออกไปกันสักที ผมอยากขย้ำหัวมินโฮจะแย่แล้ว

 

"ตอนเมานี่ด่าน่ารักจัง คำก็ไอ้บ้า สองคำก็ไอ้บ้า" มินโฮหันมากอดผมจากข้างหลังแล้วหอมแก้มผมทีนึงก่อนเสียงทุ้มจะกระซิบข้างหู "ไปหาที่เงียบๆอยู่กันสองคนไหม"

 

"ปล่อยนะมินโฮ หยะ อย่ามองนะ" โรแมนติกตายล่ะมายืนกอดกันตอนฉี่อยู่เนี่ย ผมพยายามใช้ไหล่ดันหน้าคมให้ออกห่าง เห็นอะไรของผมบ้างก็ไม่รู้ ฮืออออ ใครก็ได้ช่วยที

 

"ชู่ว เบาๆสิ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินกันหมดหรอก"

 

ผมจิ๊ปากไม่พอใจที่ทำอะไรมันไม่ได้ และในตอนที่ผมกำลังจะเก็บทุกอย่างเข้าที่มินโฮก็ปล่อยผมจากอ้อมกอดแล้วหันไปค้นของในกระเป๋ากางเกง สักพักจึงยื่นมาให้ผม

 

"เช็ดซะ ไม่ชอบเหนอะหนะไม่ใช่หรอ"

 

ผมรับทิชชู่เปียกมาจากคนข้างหลังแล้วบรรจงเช็ดมือกับส่วนนั้นจนสะอาด ว่าแต่มินโฮพกของแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

 

"นายใช้อะไรแบบนี้ด้วยหรอ"

 

"เปล่า เอามาจากกระเป๋านาย รู้ว่ายังไงคืนนี้นายก็ต้องฉี่สักครั้ง"

 

"อ๋อ" เขาจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยบ่นได้ ถึงผมจะแค่บ่นไปงั้นๆแต่คนๆนี้ก็เก็บไปใส่ใจ "ขอบใจนะ ที่จำเรื่องของฉันได้มากขนาดนี้"

 

"เปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นรางวัลดีกว่า"

 

พูดจับมินโฮก็ดันผมเข้าฝาผนังแล้วประกบปากทันที ผมสะดุ้งแล้วรีบดันเค้าออก

 

"อย่า"

 

"เป็นคนเมาที่มีสติดีจังนะ แล้วทำไมทีตอนแทมินจูบไม่เห็นขัดขืนแบบนี้ล่ะ"

 

ผมมองหน้ามินโฮนิ่ง ไม่ใช่ว่าจะหาเรื่องอะไรหรอกครับ แต่ผมเริ่มจะจับใจความคำที่เขาพูดไม่ได้แล้ว หัวมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

 

คนสูงกว่าถอนใจเพราะคงรู้ว่าสติของผมตอนนี้ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ เค้าเกลี่ยริมฝีปากผมแล้วจูบซ้ำอีกครั้งเบาๆ "ตรงนี้เป็นของฉัน เข้าใจไหม อย่าให้ใครแตะต้องอีก" ผมพยักหน้าช้าๆ มินโฮจึงเริ่มยิ้มออกมา "ออกไปกัน"

 

มินโฮแง้มประตูดูว่ายังมีคนอยู่ข้างนอกไหม และเมื่อเค้ามั่นใจแล้วว่าทางสะดวกก็หันกลับมาจูงมือผมให้ตามออกไป

 

มินโฮพาผมมาส่งตรงที่เดิมที่ผมเต้นอยู่ก่อนไปห้องน้ำ เขาถามหาใครสักคนกับทีมงานแถวๆนั้น ผมพอจับใจความได้ว่ากำลังจะขึ้นเวที

 

ผมถูกดึงให้เดินตามมายังส่วนหน้าสุดของที่มีเวทีสำหรับจัดโชว์เคส มินโฮเจอคนที่ต้องการแล้ว สองคนยืนกระซิบอะไรกันบางอย่างแล้วก็มองมาที่ผม

 

"มินโฮไปไหนอ่ะ" ผมถามพี่จงฮยอนแล้วมองตามมินโฮที่เดินห่างออกไป

 

"เข้าห้องน้ำ แกรอนี่แหละเดี๋ยวมันก็มา เหล้าไหม"

 

ประโยคคำตอบของพี่เขาแทบไม่ดังเข้าหูเมื่อผมสนใจประโยคคำถามที่ตามมามากกว่า แต่ก่อนที่จะได้พยักหน้าตอบมือผมก็ยื่นไปรับแก้วมาเป็นที่เรียบร้อย มือไปไวกว่าสมองซะแล้วสิ

 

ยิ่งดึกก็ยิ่งมันส์ ผมเองก็เริ่มเมามากขึ้น สเต็ปการเต้นก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมชูแก้วเหล้าขึ้นสูงแล้วส่ายสะโพกไปมาตามจังหวะของเพลงช้า

 

"วู้ววว"

 

"เฮ้ย ไหวเปล่าวะ เขาจะหลับกันทั้งงานไอ้นี่ก็ยังเต้นได้อีก" พี่จงฮยอนที่เปิดเพลงอยู่ยื่นหน้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

 

"หวายยยย แต่ร้อนจัง"

 

พูดจบผมก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อลงทีล่ะเม็ดเพื่อคลายความร้อน ทำไมมันร้อนงี้อ่ะ อากาศข้างนอกก็ออกจะเย็น แล้วนี่คนอื่นส่งเสียงอะไรให้ใครกัน

 

"เอาอีกกก ปลดอีกกก"

 

หือ ปลดอะไร ผมหรอ อ่อๆๆ พวกเขาชอบที่ผมจะถอดเสื้อนี่นา ได้เลยยย ปลดๆๆ

 

"พอได้แล้ว!"

 

ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังไปทั่วงานผมก็ถูกมือใครบางคนหยุดแก้วเหล้าที่กำลังจ่อปากไม่ให้ดื่มแล้วลากลงจากเวที

 

"อืออ ปล่อยนะ กำลังสนุกเลย"

 

"ถ้าอยากถอดนักไปถอดกับฉันในห้อง"

 

เสียงนั้นกระซิบอยู่ข้างหูฟังดูเหมือนเขากำลังโมโหนะ ผมหันไปมองพี่จงฮยอนกับแทมินที่มองมาด้วยความตกใจ ทั้งสองคนรีบพุ่งเข้ามาหาเพื่อช่วยผม

 

"ใจเย็นๆมินโฮ มันแค่กำลังบ้ายอเพราะฤทธิ์เหล้า ค่อยๆพูดกันอย่าใช้กำลัง"

 

มินโฮหรอ คนกอดผมอยู่คือมินโฮหรอ ให้ตายเถอะ ตกใจหมด นึกว่าโดนแฟนคลับผู้คลั่งไคล้ฉุดซะแล้ว ผมหันไปยิ้มให้เขาด้วยความโล่งใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ดีใจไปกับผม ตาโตๆที่จ้องมาเต็มไปด้วยความโกรธ

 

"เราได้เคลียร์กันยาวแน่คิมคิบอม"

 

"พี่มินโฮ อย่าทำอะไรรุนแรงเลยนะ พรุ่งนี้เรามีงาน"

 

"ถ้ารู้แล้วนายกับพี่จงฮยอนก็ควรเลิกดื่มได้แล้ว"

 

"มินโฮอย่าพาลดิวะ พี่กับแทมินกินไปนิดเดียวเอง นี่เดี๋ยวก็จะไปพักแล้ว แกจะกลับก่อนก็ได้"

 

"อืม โทษทีที่ทำให้งานพี่หมดสนุก"

 

"ดื่มไปรึเปล่า"

 

"เบียร์นิดหน่อย"

 

"งั้นแกควรระงับความโกรธไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุจะแย่เอา"

 

ผมได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนที่สายตานั้นจะค่อยๆคลายความโมโหลง มินโฮยื่นมือมาติดกระดุมเสื้อให้ผมแล้วดึงแก้วเหล้าออกจากมือส่งให้พี่จงฮยอน

 

"ของบอมมี่นะ" ผมยื่นมือไปจะคว้าแก้วคืนมาแต่ก็ถูกดุอีก

 

"พอแล้ว เราจะกลับแล้ว"

 

"ไม่เอา ยังสนุกอยู่เลย"

 

"คิบอม!"

 

"มินโฮใจเย็น คนมองกันหมดแล้วนะตั้งแต่แกกระชากมันลงมา"

 

"ขอโทษนะพี่ ฝากลาทุกคนด้วย"

 

พี่จงฮยอยพยักหน้าแล้วผมก็ถูกลากออกมาจากงานตรงไปยังลานจอดรถ มินโฮเปิดประตูแล้วยัดผมเข้าไปพร้อมกับโยนกระเป๋าผมไว้ที่เบาะหลัง

 

หลังจากที่เราออกมากันได้สักพักความร้อนก็เริ่มเข้าเล่นงานผมอีกครั้ง ผมปลดกระดุมลงเหมือนเดิมและเมื่อเห็นว่าไม่โดนคนข้างๆดุอีกก็เลยเปิดเพลงแล้วนั่งโยกไปมา คนเขากำลังสนุก อะไรของมินโฮก็ไม่รู้

 

"มาที่นี่ทำไมอ่ะมิโน" ผมถามเมื่อมินโฮเลี้ยวเข้าที่จอดรถคุ้นตาแห่งหนึ่ง คุ้น แต่จำไม่ได้

 

"คอนโดนายไง ฉันดื่มเบียร์ไปหน่อย ขับกลับหอไม่ได้ มันไกล เดี๋ยวโดนตำรวจจับ"

 

เขาตอบด้วยเสียงห้วนๆแล้วเอื้อมมาปลดเข็มขัดให้ผมก่อนจะลงรถไป

 

ไม่นานประตูรถข้างตัวก็ถูกเปิดออก มินโฮยื่นตัวเข้ามาแล้วเอื้อมมือไปหยิบของที่เบาะหลังก่อนจะดึงให้ผมออกจากรถตามไป

 

ระหว่างทางไปห้องผมรู้สึกเวียนหัวแปลกๆ พื้นมันดูไม่ค่อยเท่ากันยังไงไม่รู้ ทำไมผมถึงมาซื้อคอนโดที่สร้างไม่ได้มาตรฐานแบบนี้กันนะ

 

ทันทีที่เข้ามาในห้องผมก็ตรงไปนั่งที่โซฟา อ่า พื้นตรงนี้หยุดสั่นสักที ผมเอนตัวลงนอนหลับตา สักพักก็รู้สึกเหมือนมีใครมาจับที่เท้าผมจึงรีบชักขาหนีตามสัญชาตญาณ

 

"อยู่เฉยๆ"

 

พอลืมตาเพ่งมองก็พบว่าเป็นมินโฮที่กำลังถอดรองเท้าให้ผม แบบนี้สบายจัง

 

ผมมองเขาเดินไปเก็บรองเท้าแล้วเริ่มไล่สายตาสำรวจตัวเอง ทำไมยังไม่หายร้อนสักที เสื้อผ้าก็ไม่ได้หนานี่นา

 

"มิโนนนน"

 

"อะไร"

 

"บอมมี่ร้อนนนนนอ่ะ"

 

"ก็ถอดเสื้อผ้าสิ"

 

"ได้หรอ"

 

"เออสิ ทีกลางงานที่มีคนเยอะแยะยังกล้าถอด นี่อยู่ห้องกับฉันสองคนทำไมต้องมาถาม"

 

ผมเบ้ปากให้คนตัวสูงตรงหน้า ทำไมขี้ดุนักก็ไม่รู้ หงุดหงิดอะไรของเขา ฟุตบอลทีมโปรดแพ้รึไง

 

"หรือจะให้ฉันถอดให้"

 

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรก็โดนผลักให้ลงไปนอนโดยมีมินโฮคร่อมอยู่ข้างบน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทันจึงได้แต่มองจ้องหน้าเขาเพื่อปรับโฟกัสสายตา

 

"ตกใจอะไร"

 

"อยู่ๆมิโนก็พุ่งมานี่ คีย์บอมมี่ก็นึกว่าจะโดนตีน่ะสิ"

 

"ฉันอยากตีนายจะตาย เมื่อไหร่จะเลิกเมาแล้วยั่วไปทั่วสักที ทำกับฉันคนเดียวก็พอ"

 

"บอมมี่ไม่ได้ยั่วนะ ก็อากาศมันร้อน"

 

"ขาดสติขนาดนี้แต่สกิลการเถียงยังแรงดีไม่มีตกเลยนะ"

 

"ไม่ได้ขาดสติสักหน่อย"

 

"แน่ใจหรอ"

 

คนตัวใหญ่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาจากตรงเอวแล้วมาหยุดตรงหน้าผม มินโฮโน้มใบหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนผมรู้สึกอุ่นๆที่ริมฝีปาก

 

ในขณะที่ผมกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับจูบนุ่มนวลนั้นผมก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมินโฮพลิกตัวเองลงไปนอนข้างล่างแล้วดึงผมให้อยู่ข้างบนแทน

 

"อ๋าาา มิโนอ่ะ บอมมี่ตกใจหมด"

 

"นี่เป็นการลงโทษ เป็นเด็กดีทำตามคำสั่งฉัน แล้วฉันจะหายโกรธเรื่องทุกอย่างที่นายทำวันนี้"

 

"จริงๆนะ ต้องหายโกรธเรื่องหนังด้วย" ผมตบมือดีใจที่เค้าเสนอทางง้อง่ายๆให้ เห็นอย่างนี้แต่มินโฮน่ะงอนทีง้อยากกว่าผมมากกกกก "แล้วให้บอมมี่ทำอะไรอ่ะ"

 

"ชอบยั่วนักไม่ใช่หรอ ยั่วฉันสิ"

 

ผมมองมินโฮงงๆแต่ก็ได้ไม่นาน มือหนาเลื่อนมาหยิบของบางอย่างที่กระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วเปิดเพลงขึ้นมา เพลงหรอ เพลงนี่นา ด้วยความเมาบวกกับอารมณ์ค้างตั้งแต่ที่ปาร์ตี้ทำให้ผมเริ่มขยับตัวไปมาตามเสียงเพลง

 

เมื่อเห็นว่าคนนอนอยู่ยิ้มพอใจผมจึงเริ่มเต้นแรงมากยิ่งขึ้น

 

"ถอดเสื้อสิ ร้อนไม่ใช่หรอ"

 

ผมยิ้มกว้างเมื่อได้รับอนุญาตจากคนขี้โมโห แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ปลดกระดุมที่เหลือมินโฮก็ยื่นมือมาจับมือผมให้หยุด

 

"ไม่เอา เปลี่ยนเป็นกางเกงดีกว่า"

 

กางเกงหรอ กางเกงก็ได้ กางเกงก็ดี หายร้อนเหมือนกัน ผมขยับตัวลงไปยืนแล้วลงมือถอดกางเกงออกให้เหลือแต่เสื้อกับชั้นใน เสร็จแล้วก็ยืนยิ้มหวานมองมินโฮที่เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นนั่ง

 

เขาตบที่ตักตัวเองเป็นเชิงบอกให้ผมไปนั่ง เพราะความเมาบวกกับต้องการตามใจมินโฮเพื่อไถ่โทษความผิดของตัวเองผมจึงทำตามอย่างง่ายดาย

 

"หันหน้ามา"

 

มินโฮจับผมพลิกตัวเข้าหาให้เปลี่ยนจากนั่งตักเป็นนั่งคร่อมแทน ผมยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อปากร้อนๆของมินโฮก็จู่โจมเข้าที่คอซะแล้ว

 

"อะ อื้อ มิโน"

 

ผมยกแขนขึ้นคล้องคอเขาเพื่อยึดไว้ไม่ให้ตัวเองหงายหลัง ปรับท่าเอียงคอเพื่อให้ปากอุ่นเข้าสัมผัสได้ทุกซอกทุกมุมตามต้องการ ตามใจเข้าไว้มินโฮจะได้หายโกรธ

 

มือซนของมินโฮเลื้อยลูบไล้ไปมาตามต้นขาเปลือยเปล่าของผม อีกข้างก็เริ่มสอดเข้ามาทางชายเสื้อแล้วใช้นิ้วสะกิดเข้าที่ยอดอก

 

"อ๊ะ"

 

"ความรู้สึกไวจริงนะ"

 

"มิโนขี้โกง"

 

"ฉันโกงตรงไหน"

 

ลมหายใจร้อนรดต้นคอผมแรงขึ้นเพราะมินโฮเอ่ยปากพูดทำให้ผมรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว

 

"มิโนรู้ว่ารุกตรงไหนร่างกายบอมมี่ถึงจะตอบสนองนี่"

 

"ฉันรู้หรอ? แล้วตรงไหนบ้างล่ะ"

 

น้ำเสียงนั้นฟังดูเจ้าเล่ห์ยังไงชอบกล แต่ผมมั่นใจว่าเขาน่ะรู้อยู่แล้ว ก็แตะมาทีไรตัวผมอ่อนยวบหมดทางสู้ทุกที

 

"ก็ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ไง" ผมชี้มืออุ่นที่ประกบอยู่ที่หน้าอก แล้วก็ไล่ลงไปชี้ที่ขาอ่อนด้านในของตัวเอง จบด้วยซอกคอที่มีใบหน้าคมซุกไซร้อยู่ "มิโนรู้ใช่ไหมล่ะ ถึงได้จับอยู่ทุกที่เลย"

 

ผมได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะแล้วจงใจเน้นสัมผัสหนักขึ้นในทุกๆส่วน

 

"อะ อืออ"

 

"ฉันบอกอะไรให้เอาไหม" ใบหน้าคมละออกจากซอกคอแล้วเลื่อนลงไปจูบเบาๆที่ยอดอก "ฉันไม่รู้หรอกว่าสามส่วนนี้ทำให้นายเกิดอารมณ์ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ซอกคอหอมๆ หน้าอกที่มีกล้ามเนื้อได้รูปแต่ก็ยังนุ่มมือ รวมถึงต้นขาเนื้อแน่นๆของนาย จับแล้วมันหมั่นเขี้ยวเป็นที่สุด ฉันรุกตรงสามส่วนนี้เพราะความชอบส่วนตัวน่ะ"

 

ผมยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงน่าอายเพราะมินโฮเล่นลากนิ้วผ่านทุกส่วนที่กล่าวมาแล้วบีบมันจนล้นมือ

 

เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาเงยหน้าจากอกแล้วมาจูบผม

 

"เขินหรอ ที่นายหลุดปากบอกฉันซะหมดเลย"

 

"มะ มิโนบ้า อื้อ"

 

ปากซนของมินโฮยังคงทำงานเป็นอย่างดีประสานกับมือที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกายผม ชั้นในถูกถอดออกไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีร่างของผมก็เหลือแค่เสื้อที่ปลดกระดุมไว้เท่านั้น

 

"ผ่อนคลายนะ"

 

ผมขยับสะโพกหนีการรุกรานที่ช่องทางด้านหลัง นิ้วเรียวยาวของมินโฮถูกสอดแล้วมาแล้วขยับสำรวจไปทั่วทุกด้านภายในนั้น

 

"เจ็บ บอมมี่เจ็บ"

 

มินโฮขยับตัวเพื่อปลดกางเกงตัวเองแล้วควักส่วนที่ตั้งชันออกมา มือข้างที่ว่างชักรูดอย่างชำนาญจนมีน้ำเหนียวๆหลั่งออกมาจากส่วนปลาย เขาสลับมือนั้นมาสอดใส่ให้ผมแทนมือที่ไม่มีสิ่งหล่อลื่นใดใด

 

"มองเพลินเชียวนะ"

 

เพราะความมึนๆทำให้ผมเผลอมองทุกการกระทำของมินโฮอย่างไม่ละสายตา ผมรีบหลับตาเพื่อกลบเกลื่อน

 

"มะ ไม่ใช่นะ อ๊าาา"

 

จู่ๆช่องทางสงวนของผมก็ถูกแทนที่ด้วยบางอย่างที่ใหญ่กว่านิ้วโดยไม่มีสัญญาณบอกกล่าว สิ่งนั้นทำให้ผมสั่นระริกไปทั้งตัว

 

"มะ มิโน อื้อ บอมมี่เจ็บ ชะ ช่วยด้วย"

 

"ผ่อนคลายนะ" ผมปรือตามองคนพูดอย่างงงๆเพราะที่สติเริ่มเลือนลาง "ทีนี้ก็ทำตามที่ฉันบอก จับไหล่ฉันไว้แล้วขยับตัวนายขึ้นลงช้าๆ"

 

ผมพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ในหัวขาวโพลนไปหมดแถมยังหนักอีกด้วย จำได้แต่ผมต้องง้อมินโฮก่อน ตอนนี้ต้องทำตามที่เขาบอก ผมยกสะโพกตัวเองขึ้นแล้วค่อยกดลง ทำซ้ำๆเพราะมันเรียกร้อยยิ้มจากคนตรงหน้าได้

 

"อะ อ๊า"

 

"เก่งมากแมวน้อย" มือหนาลูบหัวผมแล้วเอนตัวลงนอน "เร็วขึ้นหน่อยสิ"

 

ผมวางมือลงบนหน้าท้องมินโฮ ขยับขาให้วางลงข้างตัวเขาแล้วขยับสะโพกเร็วขึ้น ท่อนเอ็นอุ่นๆเสียดสีผนังภายในจนร้อนไปหมด แต่มันกลับรู้สึกดีเป็นบ้า เมื่อผมเริ่มควบคุมจังหวะไม่ให้เจ็บได้แล้วก็เร่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

 

"ซี๊ดดด อย่างนั้น เซ็กซี่จังคิบอมของฉัน"

 

"บอมมี่ ทะ อ๊ะ ทำดีใช่ไหม อะ อ๊ะ"

 

ยิ่งได้รับคำชมผมก็ยิ่งได้ใจขย่มแท่งร้อนแรงกว่าเดิมจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังกลบเสียงร้องจากปากพวกเราลั่นไปทั่วห้อง

 

ขณะที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับการกระทำตัวเองอยู่นั้นก็ต้องร้องอย่างตกใจเมื่อถูกดันให้นอนลงไปกับโซฟา ปากมินโฮงับเข้าที่ยอดอกแล้วดูดดึงจนแทบหลุด สะโพกหนาตามมากระแทกกระทั้นรุนแรงกว่าผมเมื่อครู่เสียอีก

 

ร่างกายผมสั่นสะเทือนไปตามแรงกระทำของคนด้านบน ตอนนี้เราสองคนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า สมองผมไม่มีความทรงจำอยู่เลยว่าเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆถูกถอดออกไปตอนไหน

 

"อะ อ๊ะ มิโน อื้อ บะ บอมมี่จะ อะ อ๊ะ"

 

"อื้มม อีกนิดนึงนะ"

 

เรียวขาถูกรั้งขึ้นสูงทำให้ทางด้านล่างถูกสอดแทรกอย่างสะดวก แท่งร้อนของมินโฮเข้ามาลึกกว่าทุกทีและยังคงเคลื่อนไหวเข้าออกไม่หยุด

 

"อื้ออ" ผมสะบัดหน้าไปมาเพราะความเร็วที่เกินจะรับไหว "สะ เสียว อื้อ มิ มิโน อ๊ะ มะ ไม่ไหว"

 

ร่างทั้งร่างเกร็งกระตุก ผมเลื่อนมือไปเล่นกับส่วนหน้าของตัวเองเพื่อช่วยปลดปล่อยบางอย่างที่แล่นมาคั่งค้างอยู่ตรงส่วนปลาย ขยับเพียงไม่กีทีก็มีของเหลวพุ่งออกมาจนเลอะไปทั่ว

 

มินโฮเองก็เร่งความเร็วเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกดสะโพกเน้นๆเข้ามาอีกสองสามครั้งแล้วหยุดนิ่งไป ผมรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆที่หลั่งไหลเข้ามาภายใน คนตัวสูงทิ้งตัวนอนกอดผมไว้ เราต่างหายใจหอบราวกับวิ่งกันมาหลายกิโล

 

สมองของผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ทันทีที่ผมหลับตาลงมันก็ดับวูบไป

 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น

 

ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพราะแสงแดดส่องเข้ามาแยงตา จำได้ว่าเมื่อวานไปงานโชว์เคสของพี่จงฮยอน แล้วตอนกลางคืนก็มีปาร์ตี้ ผมสนุกเพราะได้ปลดปล่อยไปมากทีเดียวหลังจากทัวร์ญี่ปุ่นอันยาวนาน

 

และเพราะหัวที่ปวดหนักกว่าเมื่อคืนทำให้ผมใช้เวลาพอสมควรในการระลึกชาติว่าผมกลับมาที่คอนโดได้ยังไง แล้วนี่ผมได้อาบน้ำไหมเนี่ย แต่น่าจะอาบแล้วแหละสบายตัวขนาดนี้ แต่เจ็บก้นแปลกๆ ผมลื่นล้มหรอ ช่างเถอะ นอนต่ออีกหน่อยดีกว่า เพลียๆยังไงไม่รู้

 

ทันทีที่พลิกตัวหวังจะนอนต่อผมก็พบกับวัตถุประหลาดขนาดร้อยแปดสิบกว่าเซ็นนอนอืดอยู่ใกล้มากกกกกกก

 

"ว๊ากกกกกกกกกกกก"

 

"เฮ้ย อะไร ใครวะ เกิดอะไรขึ้นคิบอม" ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องแหกปากแต่เช้ากระเด้งขึ้นมาแล้วดึงผมไปกอดไว้ซะจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกัน

 

"ปล่อยฉันนะไอ้โรคจิต ไอ้คนฉวยโอกาส ไอ้บ้ามินโฮ ฮืออ เมื่อคืนแกทำอะไรฉัน ฉันเมาอยู่นะ แกมาทำแบบนี้ได้ยังไง ไอ้บ้าเอ้ย"

 

ผมไม่ใช่เด็กห้าขวบนะครับที่จะไม่รู้ว่าการที่ตัวเองตื่นมาบนเตียง เสื้อผ้าไม่ได้ใส่ แถมมีผู้ชายหน้าตาเหมือนกบมานอนอยู่ข้างๆนี่มันจะเกิดอะไรขึ้นไปไม่ได้นอกจากมัน มัน มันฮือออออออออ

 

ผมเอาหมอนปาใส่หน้ามันตามด้วยรัวหมอนข้างตีไม่ยั้ง ดูดู๊ดู มันยังมานั่งทำหน้างงชูมือเป็นอึ่งไชโยแถมไม่พูดไม่จาสักคำ

 

"แกเงียบทำไมห๊า พูดสิ!"

 

"กินเหล้าแล้วสมองเสื่อมหรอ ลืมแล้วรึไงว่าฉันเป็นผัวนายมาตั้งหลายทีแล้ว ร้องซะอย่างกับพึ่งถูกเปิดซิง"

 

ดูมันครับคุณณณณ กรี๊ดดดด พูดจาหมาไม่รับประทานที่สุด

 

"หะ หุบปากไปเลยนะ"

 

"เอ๊า จะเอายังไง จะให้พูดหรือไม่ต้องพูด ผมงงไปหมดแล้วนะครับคุณเมีย"

 

"หยุดเรียกฉันว่าเมียสักที!" ตะโกนใส่หูแถมด้วยลูกถีบอีกหนึ่งที

 

นอกจากมันจะรับลูกเตะผมได้มันยังพลิกตัวมาคร่อมผมอีกครับ ฮึก คิบอมอยากตาย

 

"ลงไปเดี๋ยวนี้นะ"

 

"ไม่ ถ้าทำร้ายร่างกายฉันอีกทีนายได้ครางรับอรุณแน่คิบอม" ดูมันมาแสร้งทำเสียงแข็งขู่ผม คิดว่าจะกลัวเรอะ "คิดว่าฉันแค่ขู่ก็ลองสิ"

 

มันอ่านใจผมได้รึไงกัน ชิ ผมไม่กลัวมันหรอก จริงๆนะคุณ ที่เก็บขาเก็บแขนแบบนี้เพราะผมกลัวว่าจะโป๊ต่างหาก

 

"ไม่ต้องปิดหรอกน่า เคยเห็นมาตั้งหลายปีแล้ว แถมเมื่อคืนก็ได้มองซะจนจำได้ทุกซอกทุกมุมเลยล่ะ"

 

"ไอ้...."

 

"จุ๊ๆๆ พูดจาไม่เพราะกับสามีไม่ได้นะครับ ไหนมามอร์นิ่งคิสกันซิคุณภรรยา"

 

"ไม่ ลงไปนะมินโฮ ฉันหนัก"

 

"อะไรกัน พึ่งทับแค่เดี๋ยวเดียวเอง ทีเมื่อคืนนายขย่มอยู่บนตัวฉันตั้งนานฉันยังไม่บ่นเลยนะ"

 

อะไร ใครขย่มใคร ไม่ใช่ผมใช่ไหม บอกสิว่าผมไม่ได้ทำบ้าอะไรแบบนั้น แต่ดูจากสายตาของมันแล้ว คนๆนั้นเป็นผมแน่ๆ แดงครับ หน้าผมคงแดงตั้งแต่คางไปยันหน้าผาก มันพูดจาไม่อายผีสางเทวดาบ้างรึไงกัน ผมนี่แค่ฟังยังไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนบอกตรงๆครับตั้งแต่คบกันแล้วมีอะไรกันมา ผมไม่เคยออนท๊อปให้มันเลยสักครั้ง เหตุผลก็เพราะผมเขินมันนั่นแหละ มินโฮเองก็เอ่ยปากขอบ่อยๆ แต่ผมก็ยืนยันมั่นคงว่าไม่ แล้วเมื่อคืนทำไมมันเป็นแบบน้านนนนน

 

"เขินหรอ หื้ม"

 

"งะ เงียบนะไอ้บ้า" ผมดึงผ้าห่มมาปิดหน้าปิดตา อายสายตามันพอๆกับครั้งแรกที่มีอะไรกัน ไม่รู้จะทำหน้ายังไงจริงๆ เมื่อคืนผมทำอะไรไปบ้างก็ไม่รู้

 

"คิบอม" มันก้มมาหอมแก้มผมผ่านผ้าแล้วกระซิบเสียงแผ่ว อย่าเอาเสียงหล่อๆละลายใจนูน่ามาใช้กับฉันแบบนี้นะไอ้คนเจ้าเล่ห์ "เมื่อคืนนายเก่งมากเลยนะ มีดีขนาดนี้ทำไมไม่เอาออกมาใช้ล่ะ"

 

"ฉันบอกให้เงียบๆๆๆ อื้อออ"

 

เสร็จมันจนได้ ;__; ทันทีที่ผมอ้าปากด่าแล้วรัวมือทุบมัน มันก็ดึงผ้าห่มออกไปแล้วจูบปิดปากผม ไอ้คนขี้โกงงง

 

"ฉันเงียบแล้วไง นายแก้มแดงทำไม"

 

ผมมองค้อนไอ้คนกวนประสาทที่มองผมแล้วหัวเราะอยู่นั่น ทำไม ปลายประสาทเส้นไหนมีปัญหาหรอ ทำไมจะต้องทำหน้าอารมณ์ดีขนาดนั้นด้วยไม่ทราบ

 

"เป็นบ้าไปแล้วรึไง"

 

"คนมีความสุขยิ้มไม่ได้หรอ อะไรจะดีไปกว่าคิมคิบอมออนท๊อปให้ โชคดีอะไรขนาดนี้นะเรา"

 

"เงียบนะมินโฮ แกทำฉันอายจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว"

 

ฟอด..

 

"หยุดหอมฉันสักที ช้ำไปหมดแล้วนะ"

 

"มีความสุขจัง"

 

"รู้แล้ว หยุดยิ้มแบบนั้นเถอะ ฉันขนลุก"

 

"นายไม่มีความสุขเลยหรอ"

 

"มะ ไม่รู้" ผมดันหน้าคมให้ออกห่าง แค่ถามทำไมจะต้องจ้องใกล้ขนาดนั้น ผมจะเป็นบ้าจริงๆให้ตายเหอะ หน้านายมันหล่อน้อยซะเมื่อไหร่เล่า "ลงไปได้แล้วมินโฮ ฉันหนัก"

 

"ตอบก่อนสิ ออนท๊อปให้ฉันมันทำให้นายไม่สบายใจมากเลยหรอคิบอม ไม่ชอบใช่ไหมถึงปฏิเสธมาตลอดน่ะ"

 

"ฉันเขิน"

 

"อะไรนะ"

 

"ฉันเขินแกโว๊ย หูตึงรึไงอยู่ใกล้แค่นี้ไม่ได้ยิน ฉันเขินเวลาแกมองพอใจรึยัง สายตาแกมันเป็นประกายแปลกๆเวลามองฉัน ฉันทำตัวไม่ถูก มินโฮบ้าๆๆๆ"

 

จุ๊บ...

 

โดนมันขโมยจุ๊บอีกแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิ เปลืองตัวชะมัด

 

"พอใจแล้วครับ ฉันรักนายไง สายตาเวลามองนายถึงไม่เหมือนตอนมองคนอื่น คิบอมก็รักฉันใช่ไหมล่ะถึงเขินเวลาถูกฉันมองน่ะ"

 

"ฉันตอบไปเมื่อเจ็ดปีก่อนแล้ว"

 

"ฉันอยากได้ยินอีก"

 

"เออ"

 

"ไม่เพราะเลย"

 

"คีย์รักมินโฮนะ"

 

"ผมก็รักคิบอมที่สุดเลยครับ"

 

เป็นเช้าอีกวันที่อากาศสดใส ตื่นมาพร้อมกับคนรักข้างกาย ถึงจะต้องหลบๆซ่อนๆ ถึงจะป่าวประกาศไม่ได้ ถึงจะไม่เป็นที่ยอมรับ แต่มินโฮก็ยังไม่ไปไหน ตั้งแต่วันที่รู้ตัวเองว่าเรารักกัน เราก็ไม่เคยปิดกั้นความรู้สึกนั้นอีกเลย ถึงจะเถียงกันบ่อยๆ แต่นั่นมันก็เป็นธรรมชาติของพวกเรา จะให้มาหวานกันทุกวัน มันก็ไม่ใช่มินคีย์สิครับ

 

 

 

ณ สนามบิน

 

"คิบอม ฉันขอโทษ"

 

ผมเร่งฝีเท้าเดินหนีคนเรียกแล้วทำเป็นเข้าไปเกาะแขนพี่อนยูหัวหน้าวงของเรา

 

"คิบอมคุยกันหน่อยได้ไหม"

 

ผมกำลังโกรธมันครับ รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้มีบินข้ามประเทศ มันยังมาทำอะไรบ้าๆกับผมเมื่อเช้านี้อีก

 

หลังจากที่ผมบอกรักมัน บรรยากาศก็คงจะเป็นใจมากไปหน่อยเลยทำให้เราเริ่มทำอะไรๆกันอีกครั้ง แต่พอผมนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องนั่งบนเครื่องบินหลายชั่วโมง ผมก็ขัดขืนมันเต็มที่ ผลก็คืออีกครึ่งชั่วโมงต่อมาผมนอนหมดแรงอยู่บนเตียงต้องให้มินโฮช่วยอาบน้ำให้

 

"หุบปากไปเลยนะไอ้คนเห็นแก่ตัว"

 

"ฉันขอโทษ"

 

"ทะเลาะกันอีกแล้วหรอ รักๆกันไว้ดีกว่านะ คิแบมก็อย่าดื้อนักเลย"

 

"คราวนี้เค้าไม่ผิดนะตาแก่ มินโฮต่างหาก มันนิสัยไม่ดี"

 

"มินโฮ นายทำอะไรคิแบมของพี่"

 

"ผมก็แค่มีอะ..."

 

"เงียบนะ!"

 

ไอ้บ้านี่มันจะบอกพี่อนยูตามตรงเลยหรอ บ้าๆๆที่สุด ผมสับขาเดินหนีทั้งสองคนอย่างเร็วที่สุด ใช้ไม่ได้สักคนเลยผู้ชายพวกนี้น่ะ คิบอมล่ะเบื่อออ ยิ่งหันไปเห็นมินโฮเดินตามหลังมาผมเลยเลี้ยวเข้าไปหลบในห้องน้ำ

 

"คิบอม ฉันมาง้อ ออกมาเถอะนะ เดี๋ยวเราจะตกเครื่อง ทุกคนรออยู่นะ"

 

"นายมันบ้าที่สุดเลยมินโฮ"

 

"ฉันยอมแล้ว ยอมทำอะไรก็ได้ถ้านายจะยกโทษให้"

 

ถึงประโยคนี้ผมหูผึ่งทันทีครับ อะไรก็ได้งั้นหรอ ผมล้วงหาไอโฟนคู่ใจแล้วเปิดเข้าเว็บที่เข้าค้างไว้เมื่อหลายวันก่อน เลื่อนหาสิ่งที่เคยดูเอาไว้

 

"รีบไปกันนะเดี๋ยวตกเครื่อง"

 

พอผมเปิดประตูออกมามินโฮก็ยื่นมือมาให้แล้วยิ้มหล่อ อย่าคิดว่าจะหลงกลเชียวนะไอ้หน้ากบๆแบบนี้น่ะ ผมชูไอโฟนขึ้นแล้วยื่นเข้าไปกระแทกหน้าให้มันดูใกล้ๆ

 

"สิบห้าล้านวอน!"

 

"ไม่ซื้อก็ได้นะ" ผมทำทีเป็นเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วจะเดินหนี ทันทีที่มือหนาคว้าแขนผมไว้ปากผมก็กระตุกยิ้มร้ายขึ้นมา เสร็จฉัน

 

"ซะ ซื้อ ซื้อจ้ะที่รักจ๋า"

 

"มิโนน่ารักที่สุดเลย"

 

ผมยิ้มหวานให้เขาก่อนจะจุ๊บแก้มไปทีนึงแล้วเดินสบายใจออกจากห้องน้ำ รอก่อนนะกระเป๋าใบใหม่ อีกไม่กี่วันเราจะได้เจอกัน

 

 

-END-

 

 

ฟิคเรื่องแรกของไรท์เตอร์ 🙈 ฝากติดตาม ติชม คอมเม้มนท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสู๊งงงงงง ที่แวะเข้ามาอ่านกัน

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว