ตอน อัศวินของเว่ยโจว
.......................
หลังจากผ่านค่ำคืนที่แสนรวดเร็วจิ่งอวี๋ก็ต้องบอกลาเว่ยโจวที่ยังคงไม่สบาย เนื่องจากเว่ยโจวต้องบินกลับปักกิ่งเพื่อไปเคลียตารางงานของตัวเองในตอนเช้าของวันที่ 8 พ.ค. ทำให้จิ่งอวี๋ต้องนอนเปล่าเปลี่ยวหัวใจในเตียงที่กว้างขวางนี้คนเดียว
ส่วนตารางงานของจิ่งอวี๋มีแพลนไว้ว่าต้องบินไปถ่ายโฆษณารถ
BMW
ที่ประเทศเยอรมันถึง 10 วัน แต่วันที่ 9 พ.ค. เขาจะบินไปปักกิ่งตามหากำลังใจของเขาเสียก่อน ต้องจากกันตั้ง 10 วัน เขากลัวจะทนคิดถึงเว่ยโจวไม่ไหว จึงไปขอเปลี่ยนไฟท์บินจาก เซี่ยงไฮ้
>
มิวนิค โดยตรง เป็น เซี่ยงไฮ้
>
ปักกิ่ง แทน
แน่นอนเมื่อเจ๊วีวี่รู้ข่าวการเปลี่ยนไฟท์บินจิ่งอวี๋ ก็รีบหยิบโทรศัพท์ต่อสายไปด่าจิ่งอวี๋ทันที
“จะทำอะไรไม่คิดบอกฉันก่อนเลยใช่ไหมยะ”
เจ๊วีวี่ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่พร้อมจะทะลุหน้าจอมือถือไปจับหัวจิ่งอวี๋โขกกับกำแพงแรงๆให้คิดก่อนทำซะที
“ก็ไอแมวผมไปปักกิ่งแล้วอะ ขอไปเจอก่อนไปเยอรมันไม่ได้หรอเจ๊ มันนานน่ะ”
จิ่งอวี๋พยายามทำเสียงอ้อนให้ดูน่าสงสาร เขาพูดด้วยความรู้สึกที่อยากบินไปปักกิ่งเสียตอนนี้เลย
เจ๊วีวี่ถอนหายใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“คราวหลังจะทำอะไรบอกกันก่อนสิ นี้ยังเห็นฉันเป็นผู้จัดการนายอยู่ไหม”
จิ่งอวี๋ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ (แค่นิดเดียวจริงๆ) แต่ความคิดถึงมันห้ามไม่ไหว มันคงห้ามไม่ไหว คิดถึงยังไงก็ยังคิดถึงเธออยู่อย่างนั้น ~~ (ความคิดถึงมันห้ามกันไม่ได้ – โอ๊คสมิทธิ์)
“ขอโทษนะเจ๊ เจ๊ยังเป็นผู้จัดการที่จ้ำหม่ำน่ารักของผมเสมอ แต่หัวใจผมเรียกร้องจะเจอแมวผมจริงๆนะ”
เจ๊วีวี่ที่ได้ยินคำพูดเลี่ยนชวนอ้วกของจิ่งอวี๋ ก็บ่นพึมพำรำคาญความหวงห่วงเมียของผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
“ตามใจแกละกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ (วันที่ 9 พ.ค. 59) 5 โมง ฉันไปรับ” เจ๊วีวี่พูดจบก็ตัดสายทันที
จิ่งอวี๋ที่ดี๊ด๊ากับความสำเร็จในการเปลี่ยนไฟท์บินไปหาเว่ยโจวได้นั้น ก็รีบต่อสายบอกข่าวให้คนตัวเล็กรับรู้ แล้วก็หวังว่าเว่ยโจวจะดีใจเหมือนกับเขา
‘ตู๊ด.....ตู๊ด.....’
ได้ยินเสียงรอสายแค่ 2 ตู๊ด ก็มีเสียงน่ารักๆของเว่ยโจวแทรกขึ้นมาทันที
“โทรมาทำไม พึ่งห่างกัน 5 ชม. เองเว้ย!”
น้ำเสียงน่ารักที่แตกต่างกับคำพูดของเจ้าของเสียง ทำเอาจิ่งอวี๋รู้สึกอยากตบปากด้วยปากของเขาซะเหลือเกิน
“5 ชม. นาย แต่เป็นศตวรรษของฉันนะเว้ย”
จิ่งอวี๋ตอบกลับด้วยคำพูดเสี่ยวๆที่ชอบพูดประจำ
“ไม่เสี่ยวสักวัน นายจะลงแดงตายรึไง”
ไม่ว่าจะฟังคำพูดเสี่ยวๆจากจิ่งอวี๋กี่ครั้ง เว่ยโจวก็รู้สึกไม่เคยชินกับมันสักที
“โทรมามีอะไร ?”
เว่ยโจวถามเข้าประเด็น เพราะกลัวจิ่งอวี๋จะคิดมุขเสี่ยวๆมาพูดให้เขาฟังอีก
“เอ่ออ ฉันจะบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะบินไปปักกิ่งนะ นายต้องมารับฉันด้วย”
จิ่งอวี๋พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงแล้วอมยิ้ม พร้อมนึกภาพเว่ยโจวที่ตอนนี้คงทำท่าตกใจและงุนงงว่าทำไมเขาถึงต้องบินไปปักกิ่ง
และแน่นอนเว่ยโจวทำท่าทางแบบที่จิ่งอวี๋คิดจริงๆ เขาเลิกคิ้วสูงหน้าตาดูงงงวยกับคำพูดจิ่งอวี๋บวกกับสงสัยว่าทำไมต้องบินมาปักกิ่ง
“นายจะบอกมาปักกิ่งทำไม มีงานที่นี้หรอ?” ใจกับคำพูดสื่อถึงกัน เว่ยโจวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เปล่าหรอก ฉันแค่อยากบินไปหานาย ก่อนที่จะบินไปถ่ายโฆษณาที่เยอรมันอะ”
จิ่งอวี๋บอกข่าวดีอีกอย่างให้เว่ยโจวฟัง เพราะเขาต้องบินไปถ่ายโฆษณารถ BMW ที่เยอรมันตั้ง 10 วัน ทำให้ไม่ได้เจอหน้าแมว 10 วัน มันคงไม่ดีต่อใจเขาแน่
“ห่ะ !! ไปเยอรมัน กี่วัน ไปวันไหน เมื่อไร โฆษณาอะไร แล้วกลับวันไหน “
เว่ยโจวถามคำถามรัวและเร็วจนคนปลายสายฟังคำถามแทบไม่ทัน
“เห้ย ใจเย็นๆ ฉันไปถ่ายโฆษณารถ BMW 10 วัน ไปวันที่ 10 พ.ค. พรุ่งนี้ฉันเลยอยากไปเจอนายก่อนไง”
จิ่งอวี๋ค่อยๆบอกให้เว่ยโจวใจเย็น แล้วตอบคำถามทีละคำถามของเว่ยโจว
“ทำไมฉันพึ่งรู้วะ = =’ แล้วทำไมไม่บินจากเซี่ยงไฮ้ไปเยอรมันเลย จะบินมาทำบ้าอะไรที่ปักกิ่ง”
เว่ยโจวแนะนำให้จิ่งอวี๋บินจากเซี่ยงไฮ้ไปเยอรมัน เพราะถ้าบินมาปักกิ่ง เขาจะเสียเวลาพักผ่อนไปอีก 1 วัน
“ก็ฉันอยากเจอนาย”
คำพูดสั้นๆที่ได้ใจความออกมาจากปากจิ่งอวี๋ ทำเอาคนปลายสายพูดตอบต่ออะไรไม่ออก เพราะต่อให้พูดอะไรไป จิ่งอวี๋ก็คงจะยืนยันที่จะมา
“ตามใจนายแล้วกัน เดินทางปลอดภัยด้วยละ”
เว่ยโจวตัดบทพูดแล้ววางสายไป เพราะเขายังต้องเคลียตารางงานของตัวเองที่ยังไม่เสร็จ คอนเสิร์ตที่จะจัดมีหลายที่ทำให้งานเว่ยโจวเยอะมากจนพูดกับจิ่งอวี๋นานๆไม่ได้ (แล้วที่คุยกันไปเกือบหน้ากระดาษฉัน เรียกไม่นานหรอค่ะ ?)
จิ่งอวี๋มองโทรศัพท์ที่คนปลายสายได้ตัดสายไปแล้ว และคิดในใจ
‘ทำไมมีคนแต่ชอบตัดสายฉันวะ’
.
.
.
.
.
เวลาค่ำของวันที่ 8 พ.ค. 59 มีเหตุดราม่าเกิดขึ้นในเว็บ weibo ชื่อดังของจีน เหตุเนื่องมาจาก มีแฟนคลับจิ่งอวี๋ ที่แอนตี้เว่ยโจว สมัครแอคปลอมเว่ยโจวขึ้นมา แล้วโพสให้เว่ยโจวเสียหาย ทั้งเรื่องศัลยกรรม รอยสัก ผลงาน และอีกอื่นๆ ที่สำคัญคือการด่าพาลไปถึงครอบครัวของเว่ยโจว แอนตี้คนนี้ต้องการทำให้ภาพลักษณ์เว่ยโจวลดลง เหตุเพราะไม่อยากให้มายุ่งกับจิ่งอวี๋ (แต่พวกนางหารู้ไม่ว่าจิ่งอวี๋นั้นละที่วอแวน้องอยู่ตลอดเวลา) เว่ยโจวเป็นคนน่ารัก สุภาพ นอบน้อมกับทุกคนทำให้เป็นที่รักของเพื่อนๆและพี่ๆในวงการหลายคน จึงมีคนออกมาปกป้องเว่ยโจวโดยการโพสผ่านเว็บ weibo กันมากมาย ทั้งโพสด่า ว่า หรือบอกให้มาขอโทษเว่ยโจว และมีแฟนคลับที่รักเว่ยโจวออกมาปกป้องเช่นกันโดยช่วยกันรีพอร์ตแอคปลอมและสืบค้นว่าใครเป็นคนทำแล้วนำออกมาประจาน คาดว่าแอนตี้ผู้นั้นคงไม่ได้ผุดได้เกิดในโลกนี้แล้วละ
ข่าวดราม่าสำคัญแบบนี้มีรึคนเป็นแฟนอย่างจิ่งอวี๋จะไม่เห็น เขาลบแอคและบล็อก weibo ของแอนตี้คนนั้น ถึงจะเป็นบ้านแฟนเบสของเขาก็ตาม แต่จริงๆจิ่งอวี๋อยากจะบุกไปลากคอคนที่ทำให้เว่ยโจวที่รักเขาต้องทุกข์ใจออกกระทืบซ้ำ แต่แล้วก็โดนเว่ยโจวห้ามไว้ก่อน จิ่งอวี๋คิดว่า ‘ใครที่ทำให้เว่ยโจวเจ็บมันต้องเจ็บกว่าหลายเท่า’
“นายโอเคไหม ฉันบินไปหานายตอนนี้เลยดีไหม” จิ่งอวี๋โทรถามเว่ยโจวด้วยน้ำเสียงที่เคลือบไปด้วยความห่วงใย
“ฉันโอเคนา นายไม่ต้องบินมาหรอก เพราะฉันถึงสนามบินเซี่ยงไฮ้แล้ว”
เว่ยโจวตอบและหัวเราะคิกคักเหมือนกับว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรมาก่อนหน้านี้
จิ่งอวี๋สะดุ้งลุกนั่งที่ขอบเตียงทันทีเมื่อได้ยินประโยคจากปากเว่ยโจว
“นี้นายพูดจริงรึเปล่าวะ หรือนายโกหก ถ้าฉันขับรถไปรับนายแล้วไม่เจอ ฉันจะบินไปจัดการนายที่ปักกิ่งตอนนี้ทันทีเลยนะเว้ย !”
จิ่งอวี๋พูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งตื่นเต้นตกใจและกังวลว่าเว่ยโจวจะโกหกให้เขาดีใจเก้อ
“ฉันพูดจริง นายจะออกมารับใช้ไหมฉันจะได้รอที่หน้าสนามบิน”
เป็นเวลาเกือบตี 2 สนามบินเงียบสงบปราศจากแฟนคลับทั้งของเว่ยโจวและจิ่งอวี๋ ทำให้เว่ยโจวกล้าที่จะออกไปรอจิ่งอวี๋ด้านนอก
“เออๆๆฉันไปรับรอตรงนั้นนะ อย่าไปไหนกับใครนะ รอเลยนะฉันออกไปรับแล้ว”
จิ่งอวี๋พูดจบก็ตัดสายแล้วรีบวิ่งไปหยิบกุญแจรถ ไปเปิดประตู ลงลิฟท์ กระโจนตัวกระโดดเข้ารถ ทำทุกอย่างอย่างเร่งรีบ แล้วเหยียบคันเร่งเหมือนการเหาะมากกว่าขับรถไปสนามบินเซี่ยงไฮ้ทันที
.
.
.
.
‘เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’
เสียงรถที่เหยียบเบรกดังทั่วสนามบิน และจอดตรงหน้าเว่ยโจว
จิ่งอวี๋ขับ (เหาะ) จากคอนโดที่เขาอยู่เกือบ 30 กม. มาถึงสนามบินภายใน 5 นาที เขาเปิดประตูรถแล้วกระโดดกอดคนตัวเล็กหมุนไปมาด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง
“ทำไมนายจะมาไม่บอกฉัน จริงๆถ้าคิดถึง ฉันบินไปหานายเองก็ได้”
จิ่งอวี๋พูดพลางพร้อมหอมแก้มของคนตรงหน้าให้หายคิดถึงไปด้วย
เว่ยโจวดันๆให้จิ่งอวี๋ออกไปเพราะรู้สึกเริ่มอึดอัดจากการกอดที่แรงขึ้นและความวอแวหลอกเต๊าะอั๋งของคนเจ้าเล่ห์ร่างสูงนี้
“ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆอะ เดี๋ยวจะคิดนู้นนี้เรื่อยเปื่อยมันหดหู่”
เว่ยโจวพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหดหู่จริงๆ
จิ่งอวี๋ที่รู้สึกสงสารคนตรงหน้าจับใจ ก็พยายามปลอมให้เว่ยโจวรู้สึกดีขึ้น
“ไม่เป็นไรแล้ว นายอยู่กับฉันแล้ว ฉันจะไม่ให้ใครทำอะไรนายได้แน่นอน”
“ขอบใจนะ”
เว่ยโจวกล่าวขอบคุณด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นสุดหัวใจ เพราะนอกจากครอบครับและเพื่อนเขาแล้วก็ยังมีอีกหนึ่งคนที่ไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่าจะเขาจะโดนอะไร หรือทุกข์ใจแค่ไหน จิ่งอวี๋จะเป็นคนแรกที่คอยปกป้องเขา ถ้าวันใดเว่ยโจวต้องการคนอยู่ข้างๆ จิ่งอวี๋ก็จะมาอยู่ข้างๆ หรือถ้าวันใดเว่ยโจวรู้สึกไม่สบายใจ จิ่งอวี๋ก็จะมาคอยปลอบและเล่นมุขเสี่ยวๆให้เขาฟัง เว่ยโจวคิดว่า จิ่งอวี๋เหมือน ‘อัศวินในความมืด’ ที่คอยปกป้องเขาจากทางด้านหลังไม่ให้ใครรู้ ไม่ให้ใครเห็น คอยช่วยดันและสนับสนุนเขาอยู่เสมอ
“กลับกันเถอะ นายคงอยากพักผ่อน”
หลังจากพูดจบจิ่งอวี๋ก็ดึงกระเป๋าเป้จากมือเว่ยโจวมาสะพาย พาเว่ยโจวเดินไปขึ้นรถแล้วขับกลับคอนโดของพวกเขา
.
.
.
.
.
.
เมื่อกลับมาถึงห้อง จิ่งอวี๋เอากระเป๋าเป้ของเว่ยโจวโยนไปที่โซฟา แล้วหันไปถามเว่ยโจว
“นายหิวไหมอยากกินอะไรรึเปล่าเดี๋ยวฉันทำให้”
“ไม่ละฉันกินมาแล้ว”
เว่ยโจวตอบกลับแล้วเดินไปนั่งที่เตียงพร้อมตบเตียงเรียกจิ่งอวี๋มานั่งข้างๆ
“มานั่งนี้หน่อยดิ” เว่ยโจวออกคำสั่ง
จิ่งอวี๋เดินไปนั่งข้างๆเว่ยโจวอย่างว่าง่าย เพราะรู้ว่าตอนนี้เว่ยโจวคงอยากมีคนอยู่ข้างๆมากกว่าจะกินอะไร
จิ่งอวี๋เอื้อมมือไปดันหัวเว่ยโจวให้นอนบนตักตัวเอง
“นอนแบบนี้คงสบายกว่าเนอะ” แล้วลูบหัวเว่ยโจวอย่างเบามือ
“อือ..” เว่ยโจวที่นอนอยู่บนตักจิ่งอวี๋รับรู้ถึงความปลอดภัยของตัวเอง ก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่ตัวเองอัดอั๋นมาตลอดทั้งคืน
จิ่งอวี๋สัมผัสได้ถึงความชื้นที่ขา ก็รู้ได้ทันทีว่าเว่ยโจวกำลังร้องไห้ หัวใจเขาแทบแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ และอีกความรู้สึกก็เคียดแค้นคนที่ต้องทำให้คนที่เขารักเป็นแบบนี้ เขาอยากจะไปฆ่าคนที่ทำแบบนี้จริงๆ แต่อีกใจก็กลัวจะทำให้คนที่ร้องไห้อยู่ตรงนี้เสียใจหนักกว่าเก่า
จิ่งอวี๋ไม่แคร์ชื่อเสียงจะดับลงถ้าเขาต้องไปทำอะไรแบบนั้น แต่คนที่เขาแคร์คือคนที่นอนตักเขาอยู่ตอนนี้ จิ่งอวี๋ก้มหน้าลงไปจูบเปลือกตาบางของเว่ยโจวเพื่อซับน้ำตาให้
แต่ยิ่งทำแบบนั้นเว่ยโจวก็ยิ่งร้องไห้ไหล่สั่น เว่ยโจวผลิกตัวหันไปทางจิ่งอวี๋แล้วเอามือทั้งสองข้างสวมกอดเอวของจิ่งอวี๋ไว้แน่น มุดหน้าเข้ากับหน้าท้องของจิ่งอวี๋เพียงเพื่อหวังให้เสียงร้องไห้ที่ดังจะเบาลง แต่มันกลับกลายเป็นเสียงสะอื้นที่ฟังดูน่าสงสารมากสำหรับในความรู้สึกของจิ่งอวี๋
จิ่งอวี๋ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ คำพูดที่อยากจะปลอบโยนถูกกลืนหายเข้าไปในกลีบเมฆเพียงเพราะคนที่เขารักกำลังร้องไห้ เขากลัวว่าถ้าจะพูดอะไรไปจะยิ่งทำให้คนตัวเล็กของเขาร้องไห้หนักกว่าเก่า จิ่งอวี๋ดึงเว่ยโจวมาสวมกอด พร้อมปลอบโยน
“ร้องออกมาเลย ระบายมันออกมา แต่นายรู้ไว้นะว่าฉันอยู่ข้างนายเสมอ”
จิ่งอวี๋พูดด้วยเสียงสั่นเครือ พร้อมกระชับอ้อมแขนให้แน่น เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ในเมื่อคนที่เขารักร้องไห้อยู่ ถ้าเขาร้องไห้อีกจะยิ่งทำให้เว่ยโจวไม่สบายใจ
.
.
.
.
.
ผ่านไปสักพักใหญ่
เว่ยโจวที่อารมณ์ค่อนข้างสงบลงจากเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า ก็ผลิกตัวหันหน้าไปถามจิ่งอวี๋ที่ตอนนี้นอนให้เขาหนุนแขนอยู่ข้างตัว
“นายจะไปเยอรมัน 10 วันจริงหรอ?”
จิ่งอวี๋หันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช้”
“ทำไมถึงไปนานนักละ” เว่ยโจวยังคงซอกแซกถามคำถามอยู่
“เพราะเป็นโฆษณาละมั่ง มันเลยถ่ายทำนาน” จิ่งอวี๋ตอบ
“ทำไม ? นายคิดถึงฉันหรอ ฉันยังไม่ทันได้ไปเลยนะ”
จิ่งอวี๋เอื้อมมือไปบีบแก้มเว่ยโจวด้วยท่าทางเอ็นดูพร้อมยักคิ้วเจ้าเล่ห์
“ตลกเหอะ ฉันเนี้ยนะจะคิดถึงนาย” เว่ยโจวเลิกคิ้ว เบ้ปากใส่คนหลงตัวเองตรงหน้าแล้วหันหน้าหนี
จิ่งอวี๋จับหน้าเว่ยโจวให้หันกลับมาหาตัวเองอีกครั้ง
“ถ้าไม่คิดถึง นั้นนายก็เป็นห่วงฉันนะสิ”
จิ่งอวี๋ถามด้วยน้ำเสียงทะเล้นและคาดหวังในคำตอบ
“ฉันไม่ได้คิดถึงหรือห่วงนาย ....”
เว่ยโจวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังและจ้องมองเข้าไปในดวงตาของจิ่งอวี๋ที่สะท้อนเงาของตัวเอง
จิ่งอวี๋ปล่อยมือจากใบหน้าของเว่ยโจว แล้วค่อยๆก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง
“ฉัน-หวง-นาย-ตังหาก”
เว่ยโจวพูดเน้นย้ำทีละคำจงใจให้คนหดหู่ตรงหน้าได้ยิน
เมื่อได้ยินประโยคที่ไม่คาดคิดจากปากเว่ยโจว จิ่งอวี๋รีบเงยหน้ามามองคนพูดที่กำลังทำท่าทางทะเล้นใส่เขาอยู่
จิ่งอวี๋ผลิกตัวคร่อมเว่ยโจวพร้อมกับจับมือสองข้างเว่ยโจวยกขึ้นเหนือศรีษะแล้วกดลงไปที่เตียง
“นายพูดว่าอะไรนะเมื่อกี้”
จิ่งอวี๋ถามคำถามที่ให้มั่นใจว่าเมื่อสักครู่เขาไม่ได้หูฝาด
“ฉันพูดครั้งเดียว ช่วยไม่ได้ถ้านายหูไม่ดี”
เว่ยโจวยักคิ้วกวนๆให้จิ่งอวี๋แทนคำตอบที่จิ่งอวี๋อยากจะฟัง
จิ่งอวี๋คาดคั้นเอาคำตอบอีกครั้ง
“พูดมา!”
เว่ยโจวยักไหล่ ทำท่าไม่แยแสกับคำพูดของจิ่งอวี๋ (บทลงโทษของคนดื้อก็มักจะจบด้วย NC เสมอ)
จิ่งอวี๋ก้มลงจูบไซร้ซอกคอขาวของแมวดื้อโทษฐานไม่ยอมพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะฟัง
“อื้อ.....อะ”
เว่ยโจวเผลอหลุดเสียงแปลกๆออกมา เมื่อมือของจิ่งอวี๋สอดเข้ามาใต้เสื้อยืดสีขาวลายน้องเมี้ยวของเขา เพื่อเล่นกับยอดอกสีชมพูที่ชูชันรับมือของจิ่งอวี๋
“ขอจูบหน่อยนะ”
ผิดคาดแหะ อยู่ๆจิ่งอวี๋ที่ชอบใช้กำลังปลุกปล้ำเว่ยโจว ก็เป็นคนมีมารยาทขึ้นมาเสียดื้อๆ เว่ยโจวทำหน้างุนงงแล้วถามด้วยความสงสัย
“ทำไมถึงขอ ปกติไม่เห็นจะต้องขอเลย”
“ก็วันนี้ฉันไม่อยากขืนใจนาย ฉันคิดว่านายคงเหนื่อยมามากพอแล้ว” จิ่งอวี๋พูดด้วยน้ำเสียงเสียดายและเป็นห่วง
“ฉันไม่ให้นายจูบ” เว่ยโจวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ทำให้จิ่งอวี๋รู้สึกผิดหวังอีกครั้ง และต้องปล่อยมือสองข้างที่จับเว่ยโจวไว้ตั้งแต่แรก
“ฉันจะเป็นคนรุกนายเอง”
พูดจบเว่ยโจวก็ผลักจิ่งอวี๋แล้วขึ้นไปคร่อมร่างกายจิ่งอวี๋ โดยไม่ทันให้จิ่งอวี๋ได้ตั้งตัว
เว่ยโจวกดจูบไปที่ปากจิ่งอวี๋ บดจูบด้วยอารมณ์ที่ต้องการจิ่งอวี๋ (หนูเป็นอะไรค่ะลูก อิแม่แต่งใจร้ายกับหนูแมวไปไหม) เว่ยโจวลงลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าโพรงปากจิ่งอวี๋ ซึ่งจิ่งอวี๋ก็ตอบรับได้ดี สองหนุ่มสอดลิ้นเกี่ยวพันกันนัวเนีย ลิ้นบางเริ่มต้อนลิ้นจิ่งอวี๋อย่างชอบใจ
“อ่าาาา...” เสียงครางเบาๆในลำคอบ่งบอกถึงอารมณ์คนทั้งสองได้เป็นอย่างดี
เว่ยโจวลากลิ้นร้อนไปทั่วริมฝีปากของจิ่งอวี๋โลมเลียเลื่อนไปถึงซอกคอกว้างขาวที่มีเหงื่อเม็ดเล็กผลุดขึ้นมา เว่ยโจวจุ๊บซอกคอจิ่งอวี๋ แล้วดูดคออย่างแรงจนเป็นรอยช้ำแดง
“อ่ะ...” จิ่งอวี๋สะดุ้ง เพราะรู้สึกเจ็บจิ๊ดที่คอ
“นายเจ็บหรอ”
เว่ยโจวถามจิ่งอวี๋ด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่หยุดที่จะเล้าโลมต่อไป
“เปล่าหรอก มันเสียวดี”
จิ่งอวี๋ไม่พูดเปล่า ใช้สองมือของตัวเองถอดเสื้อเว่ยโจว แล้วก็ถอดเสื้อตัวเองออก
เมื่อจิ่งอวี๋เปลือยเปล่าช่วงบนก็ง่ายต่อการเล้าโลมของเว่ยโจว เว่ยโจวใช้ลิ้นที่เป็นอาวุธของตัวเองไล้เลียทั่วหน้าอก ลงลิ้นบนหัวนมที่ชูชันแข็งแข่งกับแก่นกายช่วงล่างที่นูนเด่นชัด เว่ยโจวจูบโลมเลียไปเรื่อยๆ พร้อมกับถอดกางเกงของจิ่งอวี๋และของตน ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ไม่มีอะไรบดบังทั้งร่างกายและส่วนสำคัญอีกต่อไปแล้ว
จิ่งอวี๋ที่ทนให้เว่ยโจวเป็นฝ่ายรุกไม่ไหว จึงสลับบทบาทให้ตัวเองเป็นฝ่ายรุกแทน เขาจับเว่ยโจวผลิกให้ไปอยู่ใต้ร่างด้วยแขนข้างเดียว แล้วบรรจงจูบทั่วใบหน้าและบดจูบที่ปาก เว่ยโจวตอบสนองโดยการโอบรอบคอแล้วจูบตอบ
“ชอบแบบนี้ไหม?”
จิ่งอวี๋ถามเว่ยโจวในขณะที่ตัวเองลงไปอยู่ระหว่างขาเว่ยโจว แล้วค่อยๆโลมเลียดูดกลืนโจวน้อยอย่างเต็มปาก
“อืออ..เสียวจัง.....อ่าา”
เว่ยโจวครางออกมาด้วยความรู้สึกที่ต้องการมากขึ้น เขาคิดแค่ว่าวันนี้เขาอยากปลดปล่อยเรื่องเครียดที่เขามีทั้งหมด ทำให้เว่ยโจวพูดและครางได้ไม่อายปาก
จิ่งอวี๋ดีงให้เว่ยโจวลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้เขา จิ่งอวิ๋เอื้อมมือข้างหนึ่งไปโอบรอบคอเว่ยโจวให้มาพิงที่ตัวเขา แล้วใช้มืออีกข้างจับโจวน้อยที่เริ่มตื่นเต็มไม้เต็มมือพร้อมกับรูดขึ้นลง
“แล้วแบบนี้ชอบไหม?” จิ่งอวี๋ถามเว่ยโจวอีกครั้ง
“อ่าาา..ดีมาก..อือ...”
เว่ยโจวร้องครางด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน มือที่ตอนนี้เริ่มอยู่ในนิ่งเอื้อมไปจับแก่นกายของจิ่งน้อยที่ตื่นเต็มตัวเช่นเดียวกัน เว่ยโจวรูดจิ่งน้อยขึ้นลงพร้อมกับจังหวะของจิ่งอวี๋
“อือ...เสียวมากเลยที่รัก”
จิ่งอวี๋ครางเสียงกระเส่า เขาเลียใบหูเว่ยโจวแล้วแกล้งแหย่ลิ้นเข้าไปข้างใน
“อืออออ..”
เว่ยโจวรู้สึกจั๊กจี้แต่ก็เสียวซ่านไปทั่วร่างกาย ทำให้ยิ่งรูดจิ่งน้อยขึ้นลงเร็วขึ้นตามอารมณ์ของตัวเอง
“ฉันอยากเอานายแล้วสิ”
จิ่งอวี๋ไม่พูดเปล่า จับมือสองข้างเว่ยโจวให้ดันลงบนเตียงแล้วยกก้นขึ้นเพื่อให้อยู่ในท่าโก้งโค้ง เขาเทเจลหล่อลื่นลงบนจิ่งน้อยแล้วสอดเข้าช่องทางรักของเว่ยโจวทันที
“โอ๊ยยยยย...นายไม่ข้ามขั้นตอนไปหน่อยรึไง”
เว่ยโจวร้องโวยวายพลางทุบกำปั้นลงบนเตียงด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นว่าจิ่งอวี๋ไม่ทันได้เล้าโลมก้นของเขาก่อนก็ดันยัดจิ่งน้อยเข้าไปแล้ว
“ฉันทนไม่ไหว ขอครั้งเดียวนะ ฉันไม่อยู่ตั้งหลายวันนี้หนา”
จิ่งอวี๋ทำเสียงอ้อนวอน แต่ก็ยังไม่ได้เอาจิ่งอวี๋ออก แถมยังกระแทกจิ่งน้อยเข้าช่องรักเว่ยโจวจนมิดด้ามด้วย
เพราะความเจ็บปวดและเสียวซ่านสลับไปมา ทำให้เว่ยโจวไม่ได้พูดอะไรกลับไป ได้แต่ซุกหน้าอยู่กับเตียงพร้อมเสียงครางในลำคอ
“อือ..อาาา.... เจ็บบบ”
“อืออ....ยันเตียงไว้ดีๆนะ”
จิ่งอวี๋ครางพรอมเตือนเว่ยโจวก่อน เพราะต่อจากนี้เขาจะไม่เบามือแล้ว
จิ่งอวี๋ใช้สองมือจับสะโพกเว่ยโจว แล้วกดจิ่งน้อยเข้าร่างเว่ยโจวช้าๆอีกครั้ง ราวกับจะยั่วคนตรงหน้า
“อะ..อวี๋....จะทำอะไรก็ทำเถอะ ได้โปรด” เว่ยโจวพูดด้วยสายตาฉ่ำหวานไปด้วยความต้องการ
จิ่งอวี๋หัวเราะคิกคักชอบใจแล้วจึงกดจิ่งน้อยเข้าร่างเว่ยโจวจนมิด เขาค่อยๆขยับแก่นกายเข้าออกช้าๆ และเร็วขึ้นตามลำดับ
จิ่งอวี๋กระแทกจิ่งน้อยเข้าร่างของเว่ยโจวรวดเร็วราวกับขี้ม้า แต่เขาไม่ลืมว่านี้คือแมวยังไงแมวก็ต้องบอบบางกว่าม้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรุนแรง เพราะช่องรักเว่ยโจวคับแน่นตอดจิ่งน้อยทุกครั้งที่มีอะไรกันดีจริงๆ
“อ๊ะ.....อือออออออ...จิ่ง..อะ..อวี๋”
เว่ยโจวร้องครางไม่เป็นศัพท์ด้วยความเสียวทะลุเพดาน
“เสียวใช่ไหม รู้สึกดีมากใช่ไหม”
จิ่งอวี๋ถามด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก เพราะตอนนี้เขาก็เสียวแทบขาดใจเหมือนกัน
เว่ยโจวหน้าแดงระเรื่อด้วยความอายถึงจะไม่ตอบแต่มันก็รู้สึกดีจริงๆ จิ่งอวี๋ยกขาข้างขวาของเว่ยโจวขึ้นพาดแขน แล้วโอบรอบคอเว่ยโจวให้มาชิดกับแผงอกแกร่งของเขาอีกครั้ง ท่านี้ทำให้จิ่งน้อยเข้าสู่ช่องรักเว่ยโจวได้ลึกขึ้น ยิ่งเพิ่มความเสียวให้เว่ยโจวขึ้นไปอีก
“อ๊ะ..ฉันไม่..ไหว.ว.วว แล้ว” เว่ยโจวรับรู้ถึงความลึกที่จิ่งน้อยแทรกกายเข้ามา
“ทนอีกนิดนะที่รัก เราจะปล่อยพร้อมกัน” จิ่งอวี๋กระซิบข้างหูเว่ยโจวด้วยเสียงแหบพร่าอีกครั้ง
“ อือ...อือ” เสียงครางกระเส่าไม่หยุดของเว่ยโจวยิ่งเร่งให้จิ่งอวี๋กระแทกแก่นกายเข้าช่องรักของเว่ยโจวเร็วและแรงขึ้น
จิ่งอวี๋เร่งความเร็วในการกระแทกตามอารมณ์ของเขาที่พร้อมจะปล่อยน้ำกามขาวขุ่นเต็มที่แล้ว
“ฉันจะปล่อยแล้วนะ” พูดจบทั้งจิ่งอวี๋และเว่ยโจวก็ปล่อยน้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกพร้อมกัน
“อ่าาาาาาาาา.....”
ทั้งสองทิ้งร่างลงบนเตียงเหลือเพียงเสียงหอบหายใจที่ดังระงมทั่วทั้งห้องนอน
“นายรู้สึกดีขึ้นรึยัง” จิ่งอวี๋เปิดปากถามคำถามแรกหลังจากหอบหายใจกันอยู่นาน
“อือ ก็ดีขึ้น” เว่ยโจวตอบพร้อมกับหลับตาพักหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากภารกิจบทรัก
“แน่สิ ปล่อยออกซะขนาดนั้น” จิ่งอวี๋ตอบกวนๆ เว่ยโจวอีกครั้งหลังจากหายเหนื่อย (หายเหนื่อยเร็วไปไหมพ่อคุณ)
เว่ยโจวลืมตาแล้วหันไปตีแขนจิ่งอวี๋ข้อหากวนตีนเขา
“เฮ้อออ ... ฉันไปตั้ง 10 วันแนะ คิดถึงนายแย่เลยวะ” จิ่งอวี๋บอกความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้เว่ยโจวฟัง
“10 วันเองนะ อย่างอแงไปดิ” เว่ยโจวพูดปลอบให้จิ่งอวี๋ไม่คิดมาก
“นั้นสิเนอะ นั้นฉันว่า ฉันควรจะกักเก็บความคิดถึงจากนายไว้ให้เยอะๆแล้วละ”
พูดจบก็หันไปขึ้นคร่อมเว่ยโจวอีกครั้ง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ปล่อยฉัน”
.
.
.
.
.
.
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบไปอีกกับอีก 1 ฟิคค่ะ ฟิคนี้รวม 2 เรื่องเข้าด้วยกันนะค่ะ
เรื่องที่ 1. ดราม่าน้องในวันที่ 8 พ.ค. 59 ตอนกลางคืน จากพวกแอนตี้
เรื่องที่ 2. เรื่องที่ป๋าจะบินจากเซี่ยงไฮ้ไปปักกิ่งแต่มีรอยแดงที่คอ
ติชมคอมเม้นต์กันได้นะค่ะ ผู้แต่งจะได้เอาคำติชมไปปรับปรุงในฟิคต่อๆไปจ๊ะ