สวัสดีค้า อ้าวโค้งงามๆ ซักหนึ่งรอบเจอะเจอกันอีกรอบแล้วนะคะสำหรับใครที่เคยอ่านนิยายของอินางเจี๊ยะบ่จ่ายไปแล้วรอบหนึ่งซึ่งก็เป็นนิยายวายเช่นเดียวกัน สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านสามารถเข้าไปอ่านได้เลยจ้า ทาสดอกแก้ว และแน่นอนเมื่ออินางเจี๊ยะบ่จ่ายมาเรื่องราวพิสดารก็ต้องมาพร้อมความหื่นที่อัพเลเวลขึ้นอีกระดับ นิยายเรื่องนี้อาจจะหาสาระไม่เจอเนื้อเรื่องแปลกๆ อันบังเกิดจากความอยากของนางเองค้า นางอยากจะฝึกเขียนฉาก NC เลยได้คลอดเรื่อง Cinderella Man เจ้าหญิงกำมะลอ ออกมาให้ได้อ่านกัน อะแฮ่มๆ ๆ แค็กๆ ๆ สำลักน้ำลายกะว่าจะลีลาซักหน่อย อ้าวถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย...
คำเตือน ขอให้นักอ่านทุกท่านระมัดระวังสุขภาพโปรดเตรียมกระดาษทิชชู่และผ้าซับเลือด? สำหรับตอนที่ขึ้น 18+ กันด้วย เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ ด้วยความปรารถนาดีจากอินางเจี๊ยะบ่จ่ายค้า
ชี้แจง สำหรับการอัพนิยาย 2-3 วันต่อบทนะคะ ถ้าไม่สามารถอัพได้ทันตามกำหนดจะมีคำชี้แจงล่วงหน้าหรืออาจจะลงตอนเพิ่มเพื่อชดเชยให้จ้า
ตัวอย่าง
ข้าโอลิเวอร์ในฐานะเจ้าหญิงเอลล่ากำลังเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อมาพบกับขบวนผู้รอรับเสด็จจากเจ้าชายอีวานที่จะพาข้าไปดื่มน้ำชาที่สวนดอกไม้ ถึงแม้ในใจกำลังตะโกนสาปแช่งให้เจ้าชายอีวานนั้นรีบๆ หายหัวไปซะแต่ใบหน้าก็ทำได้เพียงแย้มยิ้มละมุนละไมให้กับเหล่าขุนนางที่เดินผ่าน
ขณะที่กำลังเดินผ่านระเบียงทางเดินที่ล้อมรอบไปด้วยมวลบุปผชาติซึ่งเป็นทางเชื่อมเข้าสู่สวนดอกไม้ เสียงนางกำนันเบื้องหลังก็โวยวายขึ้นมา แต่เสียงที่ข้าได้ยินกลับกลายเป็นเสียงยืดยานคล้ายภาพที่แล่นช้ากว่าปกติ
“เจ้า...หญิง...เอล...ล่า...รา...วาง... (เจ้าหญิงเอลล่าระวัง)!”
ดวงตาของข้าค่อยๆ เบิกโพลงเมื่อภาพทิวทัศน์รอบด้านเริ่มกลับตาลปัตรพร้อมกับความรู้สึกโหวงเหวงภายในท้อง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ดวงตาของข้ายิ่งเบิกกว้างขึ้นอีกนั้นก็คือเปลือกของผลไม้ชนิดหนึ่งที่เวลาสุกจะกลายเป็นสีเหลืองซะส่วนมาก
ใครมันกล้ามาทิ้งเปลือกกล้วยเอาไว้บนทางเดินในพระราชวังแบบนี้กันฟะ!!
ความรู้สึกถึงความซวยที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ข้าค่อยๆ หลับตาลงรอรับแรงกระแทกและความเจ็บที่จะวิ่งเข้ามา
เงียบ....
“....” เหตุใดข้าไม่รู้สึกเจ็บเล่า หรือว่าข้าตายแล้ว! ว่าแต่ทำไมไม่เห็นเคยได้ยินว่าเมื่อยามตายนั้นรู้สึกอบอุ่นขนาดนี้
“อยากจะกอดข้าก็ไม่บอก” เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูทำให้คิ้วของข้าขมวดเป็นปมก่อนที่จะตัดสินในทันทีว่าเหตุการณ์ตรงหน้ามันแปลกราวกับขั้นตอนการเจ็บตัวของข้ามันไม่ถูกต้อง
“เหวอ” ดวงตาข้าแทบถลนออกนอกเบ้าเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำสนิทราวกับห้วงรัตติกาลที่ห่างจากใบหน้าข้าไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ มือของข้าที่เกาะอยู่รอบลำคอแกร่งด้วยความตระหนกนั้นก็รีบชักกลับมาทันทีแต่กลับทำให้ร่างกายข้าซวนเซจนท่อนแขนที่โอบกอดอยู่เบื้องหลังกระชับแน่นขึ้นทำให้ระยะห่างบนใบหน้าสั้นขึ้นมาอีก
นี่มัน! ฉากน้ำเน่าการพบกันระหว่าพระเอกกับนางเอกในนิยายที่ข้าเคยอ่านนี่ ช่างซวยบัดซบจริงๆ
“ใครอยากจะกอดเจ้ากัน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” ข้าเหวกลับทันทีพร้อมกับพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่ง
“จะไม่ขอบคุณข้าซักคำเชียวหรือ” เมื่อได้ฟังเสียงทุ้มกล่าวแล้วข้าแทบอยากจะสะบัดกำปั้นใส่ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรนั้นให้หายแค้น แต่เมื่อมองดูชุดที่สวมใส่อยู่ก็ทำได้เพียงเก็บอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ในใจ
“ขอบพระทัยเพคะ” ข้ายอบกายทำความเคารพในแบบสตรีเมื่อรับรู้แล้วว่าคนตรงหน้าคงจะเป็นเจ้าชายจากอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง
“ทีหลังพวกเจ้าก็ดูแลเจ้าหญิงให้ดีกว่านี้หน่อย แต่จะว่าไปการทำงานของอัคคาเดียช่างหละหลวมปล่อยให้มีสิ่งอันตรายต่อแขกบ้านแขกเมืองเช่นนี้ได้อย่างไร” เจ้าของใบหน้าหล่อเหล่านั้นตรัสไปแล้วก็ทรงทำสีหน้าครุ่นคิดราวกับเป็นปัญหาบ้านเมืองของตัวเอง
จะบอกว่าข้าเดินไม่ดูตาม้าตาเรือก็พูดมาเถอะไม่ต้องมาอ้อมค้อมด่าคนรอบข้างข้า
“ความผิดหม่อมฉันเองเพคะที่ไม่ระวังตัว” ข้ากัดฟันกรอดรับรู้ถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มที่กำลังสะกดกั้นอารมณ์ขบขัน
หากข้าฆ่าคนตรงหน้าแล้วรีบชิ่งหนีไปซะข้าจะยังมีโอกาสรอดอยู่หรือไม่
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ไปกันเถอะ” แล้วขบวนเสด็จของเจ้าชายและคนติดตามก็เดินผ่านหน้าพวกข้าไปแต่กลับทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ข้าที่แทบจะเต้นเร้าๆ ด้วยความคับแค้นใจ
‘กลิ่นกายของเจ้าช่างหอมนัก’
“ดีออน” ข้าแหกปากร้องเรียกสหายสนิทที่อยู่ท้ายขบวน
“พะยะค่ะ” เสียงตอบรับนั้นบ่งบอกว่ากำลังหวั่นเกรงบางสิ่ง
“คืนนี้ข้ากับเจ้าจะลอบสังหารเจ้าชายนั้น” ข้ากระซิบบอกดีออนพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางแผ่นหลังแกร่งสูงสง่าโดดเด่นท่ามกลางผู้ติดตามที่เดินห่างออกไป
“เจ้าจะบ้าหรือ นั้นเจ้าชายมอร์แกนแห่งอวาลอนเชียวนะ” ดวงตาของดีออนเบิกโพลงเมื่อได้ยินความต้องการจากสหาย
“จะเจ้าชายอะไรก็ช่างหัวมันสิ ไอ้เจ้าบ้านั่นมัน...มันวิปริต”