
จู่ๆ เหยาหนิงหลงก็ยื่นจมูกมาหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ เว่ยอ๋องเถียนหย่งหนานตกใจจนตัวแข็งทื่อ ก่อนจะได้ยินเสียงในใจของนาง
‘กรี๊ด! แก้มผู้ชายหอมมาก ชาตินี้ได้หอมแก้มหนุ่มหล่อระดับชาติขนาดนี้ แม้ตายก็ตายตาหลับแล้ว’
แม้เว่ยอ๋องจะรู้ตัวว่าตนนั้นรูปงามเพียงใด แต่การได้ยินเสียงในใจของสตรีชื่นชมตนเองว่าหล่อ แถมยังส่งเสียงกรี๊ดดั่งคลั่งไคล้ก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งนิ่งดั่งรูปปั้นบุรุษแกะสลักเสียกระนั้น
แล้วจู่ๆ นางก็ใช้จมูกเล็กเชิดรั้นซุกไซ้ไปตามแก้มและสันกรามของเขา ก่อนจะใช้ปากกระแทกปากของเขาเต็มแรง
‘จูบแล้ว! นี่จูบแรกของฉันเชียวนะ!’
จูบแรกงั้นหรือ...ข้าเชื่อ เพราะมันห่วยสิ้นดี มันจะเรียกว่าจูบได้อย่างไรเล่า มันควรเรียกว่าชกด้วยปากมิใช่หรือ!
เว่ยอ๋องไม่อาจอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไป ทั้งฤทธิ์ยากำหนัด กลิ่นหอม เนื้อตัวนุ่มนิ่มของสตรีในอ้อมแขน และเรียวปากนุ่มที่บดจูบสะเปะสะปะทำให้เขาไม่อาจครองสติได้ เขาตวัดร่างบางให้นอนลงใต้ร่างตนเองอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลงก่อนที่เสียงในใจของนางจะดังขึ้น
‘ระ...ร้อนแรง ดะ...ดิบเถื่อน กรี๊ด! โฮสงานดีจริงๆ รู้สึกตื่นเต้นจนใจสั่นไปหมดแล้ว’
เว่ยอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็เกือบจะเผลอปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
ตื่นเต้นงั้นหรือ...
นี่นะหรือคุณหนูแห่งจวนกั๋วกง นี่นะหรือนางร้ายที่ใครๆ ต่างกล่าวขานถึงว่านางหยิ่งผยองจองหองเห็นผู้คนเป็นเศษสวะไร้ค่า ที่เขาเห็นนางเป็นเพียงสตรีไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้นเอง



