มือเล็ก ๆ ของเด็กน้อยวางบนรถบังคับคันใหม่ ค่อยๆ ลูบสีแดงมันวาวบนฝากระโปรงราวกับมันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลก ดวงตากลมใสเป็นประกายยิ่งกว่าทุกครั้ง
“ติมชอบมากเลยคร้าบ!” เอ่ยดังอย่างตื่นเต้น ใบหน้ายิ้มกว้างจนแก้มเป็นรอยบุ๋ม “ลุงใจดี ติมรักลุง!”
คำพูดสั้น ๆ ที่ไร้การปรุงแต่งนั้นกระแทกกลางอกคัมภีร์จนเขาเผลอชะงักไปเล็กน้อย แววตาคมที่เคยนิ่งเย็นสั่นไหวในวินาทีนั้นโดยไม่ทันตั้งตัว
“ทำไมถึงรักกันง่ายขนาดนั้น เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วันเอง” เขาหลบตาเด็กเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันกลับมาแกล้งถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเหมือนเดิม
เด็กชายไอติมเงยหน้ามองเขาเต็มตา ดวงตากลม ๆ สะท้อนแสงแดดที่สาดเข้ามาในห้อง เหมือนเด็กกำลังบอกความจริงจากใจโดยไม่คิดแม้แต่จะโกหก
“ลุงใจดีคร้าบ” เสียงเล็กตอบชัดเจน “นอกจากแม่ ก็ไม่มีใครซื้อของเล่นให้ติมเลย”
ประโยคนั้นเหมือนมีบางอย่างบีบรัดกลางอกคนฟังแรงขึ้นจนน่าอึดอัด มือใหญ่ที่วางข้างรถบังคับเกร็งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หัวใจที่เคยคิดว่าจะแค่ช่วยดูแลให้ครบสองเดือน สั่นไหวกับความจริงง่าย ๆ ที่เด็กเพิ่งบอกเขา
ว่าโลกของเด็กคนนี้มีแค่แม่ และตอนนี้...
ก็มีเขาเพิ่มมาอีกคน
ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวเขาแทบจะทันทีคืออยากจะดึงเด็กคนนี้เข้ามากอด อยากบอกว่าไม่เป็นไร อยากเป็นอีกคนที่เด็กพอจะพึ่งพาได้ แต่ปลายนิ้วเขากลับหยุดอยู่กลางอากาศ ยั้งตัวเองไว้ในเสี้ยววินาที
อีกแค่เดือนกว่า ๆ ก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว จะปล่อยให้เด็กผูกพันมากกว่านี้ทำไม
เขากัดฟันจนแน่น ลมหายใจสะดุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ คลายมือกลับมาวางข้างตัว
“…เล่นรถเถอะ” เสียงเขาแผ่วลงกว่าปกติเล็กน้อย แต่เด็กชายไม่ได้ทันสังเกต เพราะความตื่นเต้นทำให้รีบก้มลงไปกดรีโหมตให้รถเคลื่อนตัวบนพื้นห้อง
คัมภีร์นั่งมองร่างผอมบางของเด็กน้อยที่ขยับตามรถบังคับ ดวงตากลมใสที่ทอประกายยามได้ของเล่นใหม่
ในใจลึก ๆ ที่ไม่อยากยอมรับ
…กลับมีความรู้สึกบางอย่างเริ่มผูกพันโดยไม่รู้ตัว